11 พ.ค. 2023 เวลา 11:05 • หนังสือ

เ รื อ น ไ ม้ สี เ บ จ

เราไม่ค่อยได้อ่านนิยาย​ที่มีพล็อตเรื่องเล่าชีวิตตัวละครที่พิการหรือมีสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์มากนัก​ “เรือนไม้สีเบจ” ของ ว.วินิจฉัยกุล จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอและสื่อถึงอุปสรรคทางร่างกายของตัวเอกและปัญหาชีวิตที่ตัวละครเผชิญได้อย่างน่าประทับใจ
เรื่องนี้เป็นนวนิยายแนวโรแมนติกดราม่าเรื่องหนึ่งที่แอดชอบด้วยค่ะ พล็อตเรื่องเอ่ยถึงความสัมพันธ์ตั้งแต่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยของของ “มุก” และ “พี่อาร์ม” จนเรียนจบ
ความรักของทั้งคู่มีอุปสรรคต่าง ๆ ตลอด ตั้งแต่ก่อนและหลังแต่งงาน​ ชีวิตคู่รักหนุ่มสาวที่ไม่ได้ราบรื่น การถ่ายทอดเรื่องราวที่หวานปนเศร้าแต่โรแมนติกและสมจริงของผู้เขียนทำให้ผู้อ่านชื่นชอบอย่างยาวนานกว่ายี่สิบปีนับตั้งแต่ได้ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารหญิงไทย พ.ศ. ๒๕๔๓-๒๕๔๔ จึงมีการพิมพ์ต่อมาอีกหลายครั้ง ในปีพ.ศ. ๒๕๖๔ เรื่องนี้พิมพ์ใหม่ซ้ำเป็นครั้งที่ ๙ และครั้งที่ ๑๐ ภายในไม่กี่เดือน
เรื่องเล่าผ่านตัวละครแต่ละคนผ่านบันทึกที่สื่อความคิดและมุมมองของตัวละครสำคัญ ๆ ตลอดเรื่อง คือ มุก พี่อาร์ม จุลศก ขจีรัตน์ และชัญญา ต่อสถานการณ์และคนรอบตัว เริ่มจากมุก ลูกสาวนักธุรกิจการลงทุนเรียนปีหนึ่งและได้รู้จักอาร์ม รุ่นพี่นักกีฬามหาวิทยาลัยต่างคณะที่สาว ๆ รวมทั้งขจีรัตน์​ ชื่นชอบขณะเขาเรียนปีสี่
ทั้งคู่ลงทะเบียนเรียนวิชาภาษาไทย มุกเป็นเด็กเรียนและช่วยให้อาร์มสอบผ่านวิชาที่เขาไม่ผ่านในที่สุด ทั้งคู่ถูกชะตาและเริ่มสนิทกันโดยมีกลุ่มเพื่อนที่สนิทคบหากันต่อมา
อาร์มเป็นคนเก็บตัวและไม่ค่อยแสดงความรู้สึก เขาผูกพันกับเรือนไม้สีเบจ บ้านไม้เก่า ๆ ที่เคยอยู่ตั้งแต่เล็กกับคุณตาคุณยายเพราะพ่อแม่หย่าร้างกัน แม่ไปแต่งงานกับครอบครัวเศรษฐีขณะที่พ่อไปอยู่ต่างประเทศและแต่งงานใหม่ อาร์มเป็นคนเข้มแข็งแต่อ่อนโยน หลังคุณยายเสียเขาก็อยู่เพียงลำพังกับคนดูแลบ้าน เขารู้ว่าฐานะด้อยกว่ามุก เมื่อเรียนจบเขาเลือกไปเรียนต่อต่างประเทศและอยู่กับพ่อ โดยติตต่อกับมุกอย่างสม่ำเสมอ
ชัญญา แม่ของมุกเป็นผู้หญิงไฮโซที่ชอบคนมีหน้ามีตาในสังคม และก็คาดหวังว่าชีวิตมุกและพี่ ๆ อีกหกคนจะได้ลงเอยแต่งงานกับคนมีฐานะด้วยกัน เช่นจุลศก ลูกของนักกฎหมายชื่อดัง มุกเป็นลูกคนเดียวที่สอบ 'เอ็นท์' ได้ขณะที่พี่ๆ ต่างไปเรียนตปท. แล้วไม่กลับมา ไม่ค่อยสนใจพ่อแม่
แม่แทบจะไม่สนิทกับมุกเพราะมุกอยู่กับคุณย่า ซึ่งขอมุกไปเลี้ยงเป็นลูกดูและแยกไแอยู่บ้านอีกหลัง มุกจึงใช้ชีวิตธรรมดาไม่หรูหราและห่างเหินกับพี่ชายพี่สาว แม่จึงไม่ค่อยพ่อใจที่มุกสนิทกับอาร์ม ซึ่งฐานะด้อยกว่ามาก แม่ไม่เคยถูกใจมุก อยากให้มุกแต่งตัวให้สมเป็นลูกนักธุรกิจและออกงานสังคมบ่อยๆ มุกเล่าแกมบ่นให้อาร์มฟังบ่อยๆ อาร์มบอกมุกว่า "เป็นอย่างที่มุกเป็นก็ดีแล้ว พี่ไม่อยากให้มุกเป็นของเลียนแบบ อย่างนั้นเขาเรียกว่าของปลอม" (น.๗๖)
อาร์มเป็นคนที่ซีเรียสกับชีวิตและอนาคต เขาไม่ใช่ลูกเศรษฐีที่จะเรียนหรือไม่เรียนก็ได้ หรือทำงานหรือไม่ทำงานก็มีเงินใช้ เขามุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตเพื่อไปให้ถึงจุดที่ชีวิตมีความมั่นคงเพื่อตัวเองและผู้หญิงที่เขารัก มุกจะได้ไม่อับอายขายหน้าใคร โดยเฉพาะครอบครัวที่มีฐานะดี
ชีวิตอาร์มและมุกดูน่าจะไปได้ดีเมื่อต่างก็ใกล้จะเรียนจบ และอาร์มก็จะกลับมา แต่อาร์มประสบอุบัติเหตุทำให้เขาต้องหยุดเรียน จึงไม่จบปริญญาโทอย่างที่ตั้งใจ เขาท้อแท้และหมดหวังจึงเขียนจดหมายบอกเลิกความสัมพันธ์กับมุก โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้มุกได้รับรู้หรือพูดคุยกัน มุกเสียใจจึงโทรทางไกลไปหาอาร์ม
“มุกขอถามว่า ... ถ้าหากว่ามุกเป็นฝ่ายเจออุบัติแบบพี่อาร์มเข้าบ้าง พี่อาร์มจะเดินออกไปจากมุก อย่างที่บอกให้มุกทำกับพี่หรือเปล่าคะ”
“ไม่มีวัน”
“มุกขอนะคะ อย่าทำยังงี้กับมุกอีก มุก...เสียใจมากพออยู่แล้วที่รู้ว่าพี่อาร์มเจออะไรเข้า มุกยังไม่อยาก ... เสียใจ...มากกว่านี้” (น.๑๐๒-๑๐๓)
มุกและอาร์มมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งท่ามกลางอุปสรรคที่ฝ่ายหนึ่งเผชิญความสูญเสียและความทุกข์อย่างหนัก แต่กลับมีกำลังใจและข้อความส่งต่อจากอีกฝ่ายหนึ่งผ่านอีเมลและบันทึกแม้ห่างไกลกันข้ามทวีป อาร์มจึงไม่รู้สึกว่าชีวิตโดดเดี่ยวและจมอยู่กับความทุกข์คนเดียว
“ในช่วงที่ผมรู้สึกว่าตัวเองเคว้งคว้างนี้เอง มือของสาวน้อยคนหนึ่งยึดผมไว้แน่น...ไม่ยอมปล่อยให้ผมถูกกระแสคลื่นพัดออกไปนอกเส้นทาง ท่ามกลางมหาสมุทรที่โดดเดี่ยว…” (น. ๑๔๖)
แต่แม้ทั้งคู่จะรักกันมาก อาร์มก็ไม่เคยเอ่ยคำว่ารักต่อมุก ผู้เขียนก็เผยให้ผู้อ่านรู้เมื่อชีวิตรักของอาร์มและมุกดำเนินไปเรื่อย ๆ ว่าเป็นเพราะเหตุผลใด​ เรือนไม้สีเบจหลังเก่าเป็นฉากสำคัญของเรื่อง กว่ามุกและอาร์มจะลงเอยกันเราก็ลุ้นว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ซึ่งผู้เขียนก็สร้างพล็อตให้ลงตัวได้อย่างเหมาะสมและโรแมนติกด้วย
ในเรื่องนี้เราจะเห็นว่า ปมปัญหาในชีวิตรักของหนุ่มสาวเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนยังพบเห็นได้ในสังคมยุคดิจิทัลที่คู่รักมีฐานะต่างกัน และต้องเผชิญกับความคาดหวังจากครอบครัวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่มีความปรารถนาดีต่อคู่รัก แต่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ
เรื่อง “เรือนไม้สีเบจ” ให้สาระดีทั้งเรื่องความสัมพันธ์ของคู่รักวัยหนุ่มสาว ความสำคัญและการเลี้ยงดูของครอบครัว รวมทั้งปัญหาจากมรดก มุกและอาร์มเป็นตัวแทนสามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานและเผชิญปัญหาที่คอยทดสอบความมั่นคงทางอารมณ์อยู่เสมอ ดังนั้นการสื่อสารกันเพื่อปรับความเข้าใจระหว่างกันของคู่สามีภรรยาจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
นวนิยายเรื่องนี้เคยโด่งดังมากเมื่อมีการนำไปสร้างเป็นละครทีวีโดยทีวีซีน เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๗ หากใครได้ชมและอ่านนิยายเรื่องนี้ก็คงรู้สึกเหมือนแอดค่ะว่า ละครสามารถถ่ายทอดสาระของนิยายเรื่องนี้ได้อย่างสนุกน่าประทับใจไม่น้อยกว่าหนังสือ
#อ่านอีกครั้งก็ยังชอบ #เรือนไม้สีเบจ #ววินิจฉัยกุล #นวนิยาย #โรแมนติกดราม่า #ครอบครัว #ความรักของหนุ่มสาว #ชนชั้นทางสังคม #ไลฟ์สไตล์
โฆษณา