14 พ.ค. 2023 เวลา 05:39 • ประวัติศาสตร์

“สตรี” อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เกิด “กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China)”

จากการวิเคราะห์ดีเอ็นเอของมนุษย์ในสมัยโบราณ ทำให้มีการคาดการณ์ว่า “สตรี” น่าจะมีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิด “กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China)”
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา สาเหตุในการสร้างกำแพงเมืองจีน หลักๆ ก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าเร่ร่อนนอกด่าน โดยเฉพาะ “ชนเผ่าซงหนู (Xiongnu)”
กำแพงที่ใหญ่โตมโหฬารนี้ประกอบไปด้วยป้อมปราการ ป้อมสังเกตการณ์ กำแพงที่ป้องกันภัยต่างๆ จากภายนอก รวมทั้งกำแพงธรรมชาติ
แต่การสร้างกำแพงเมืองจีนนี้ก็สร้างในช่วงเวลาที่ต่างกัน โดยบริเวณที่เก่าแก่ที่สุดนั้นสร้างขึ้นตั้งแต่ยุค 500-600 ปีก่อนคริสตกาล
ชนเผ่าซงหนู (Xiongnu)
หากแต่การก่อสร้างได้เริ่มอย่างเป็นทางการจริงๆ ก็เมื่อช่วงยุค 300 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อ “จิ๋นซีฮ่องเต้ (Qin Shi Huang)” จักรพรรดิองค์แรกแห่งจักรวรรดิจีน ทรงมีรับสั่งให้สร้าง “กำแพง 10,000 ลี้”
สาเหตุที่สร้างกำแพงนี้ ก็เพื่อจะปกป้องดินแดนทางเหนือจากการรุกรานของชนเผ่านอกด่าน และเป็นการแสดงอำนาจของแผ่นดินจีน
แต่จนถึงทุกวันนี้ ก็ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าอะไรที่องค์จักรพรรดิทรงหวาดเกรงมากที่สุดจนถึงกับให้สร้างกำแพงนี้ขึ้นมากันแน่
แต่จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาและมหาวิทยาลัยในเกาหลี ก็ทำให้พบร่องรอยบางอย่างที่อาจจะตอบคำถามบางอย่างในประวัติศาสตร์ได้
ทีมนักวิจัยได้สำรวจสุสานของชนเผ่านอกด่านในสมัยโบราณ รวมทั้งทำการตรวจดีเอ็นเอเพื่อหาแหล่งที่มาของชนเผ่า และผลที่ได้ก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจ
1
จิ๋นซีฮ่องเต้ (Qin Shi Huang)
แต่สำหรับคำถามว่าจีนในยุคนั้นหวาดเกรงอะไร ทีมนักวิจัยเชื่อว่าเผ่าซงหนู คือกลุ่มชนที่จีนหวาดเกรงมากที่สุด
เผ่าซงหนูคือกลุ่มชนที่เรืองอำนาจที่สุดในยุค 100-200 ปีก่อนคริสตกาล และชนเผ่าซงหนูก็มีอิทธิพลในดินแดนที่ปัจจุบันคือมองโกเลีย ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของไซบีเรีย เอเชียกลาง แมนจูเรีย ซินเจียง และกานซู
แต่ปัญหาก็คือเผ่าซงหนูไม่มีบันทึกอะไรไว้เลย เรื่องราวของชนเผ่าซงหนูล้วนมาจากบันทึกของฝั่งจีน
กลุ่มนักวิจัยจึงได้ศึกษาสุสานสองแห่งที่อยู่ในบริเวณที่ชนเผ่าโบราณเรืองอำนาจ
ผู้ปกครองและชนชั้นนำของเผ่าซงหนูได้ถูกฝังอยู่ในบริเวณนี้ และจากการตรวจสอบดีเอ็นเอ ก็พบว่า “สตรี” มีบทบาทสำคัญต่อความรุ่งเรืองของชนเผ่า
1
กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China)
นักวิจัยได้ตรวจสอบยีนของร่าง 17 ร่างที่ถูกฝังอยู่ในสุสาน และพบว่าทั้ง 17 คนนี้ไม่ได้มีเชื้อชาติเดียวกัน มีหลากหลายเชื้อชาติ
ผลการศึกษานี้สนับสนุนทฤษฎีที่ว่าอาณาจักรโบราณประกอบไปด้วยกลุ่มคนหลายเชื้อชาติ และผู้ปกครองคือผู้ที่สามารถรวบรวมผู้คนจากดินแดนต่างๆ ในเอเชียได้
จากการตรวจสอบสุสาน พบว่าบริเวณที่ดูดีที่สุดที่ใช้เป็นที่ฝังศพ บริเวณนั้นเป็นที่ฝังศพ “สตรี”
นั่นก็หมายความว่าสตรีนั้นมีฐานะสูงส่ง และน่าจะมีอำนาจในดินแดนซงหนู
สุสานสตรีนั้นมีสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับอำนาจ
จากการตรวจสอบดีเอ็นเอ ทำให้ทราบว่าตระกูลที่ทรงอำนาจในหมู่ซงหนู ได้ส่งสตรีไปยังดินแดนใกล้เคียงเพื่อผูกมิตรกับผู้ปกครองดินแดนอื่น
ทางการจีนก็ทราบดีถึงการผูกสัมพันธ์ของชนเผ่านอกด่าน จึงสร้างกำแพงขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานของชนเผ่านอกด่าน ซึ่งเข้มแข็งขึ้นจากการผูกสัมพันธ์กันระหว่างเผ่าหรือดินแดน
และนี่ก็เป็นส่วนที่ “สตรี” เข้ามามีบทบาทเกี่ยวข้อง
โฆษณา