12 พ.ค. 2023 เวลา 06:53 • ธุรกิจ

CEO ของ Agoda มองกรุงเทพฯ จะกลายเป็น “ซิลิคอนแวลลีย์” แห่งใหม่ ของเอเชีย

Omri Morgenshtern ซึ่งเป็น CEO ของ Agoda แพลตฟอร์มจองห้องพักและการท่องเที่ยวระดับโลก ซึ่งธุรกิจมีจุดเริ่มต้นจากสำนักงานที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ
ได้เผยแพร่ Blog บนเว็บไซต์ LinkedIn ถึงกล่าวถึงแนวโน้มการทำงาน สายเทคโนโลยี ในกรุงเทพฯ ไว้ได้อย่างน่าสนใจ
โดยใจความสำคัญที่สำคัญที่สุด ก็คือ ในอนาคตตัวเขามองว่า กรุงเทพฯ อาจกลายเป็น “ซิลิคอนแวลลีย์” แห่งใหม่ ของเอเชีย
Omri เริ่มต้นด้วยการเล่าว่า ในปี 2013 เขาเองก็เคยตั้งคำถามเช่นเดียวกัน ว่าทำไม Agoda จึงมีการพัฒนาหลัก ๆ อยู่ในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ Omri ยอมรับว่า กรุงเทพฯ ได้กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลต่อความสำเร็จของ Agoda ในทุกวันนี้
โดยในปัจจุบันสำนักงานของ Agoda ในกรุงเทพฯ มีจำนวนพนักงานมากกว่า 3,000 คน และในจำนวนนี้ กว่า 1,500 คน เป็นคนทำงานในสายเทคโนโลยี
1
นั่นทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นฐาน “ปฎิบัติการ” ที่ใหญ่ที่สุด และเติบโตเร็วที่สุดของ Agoda
Omri ยังระบุด้วยว่า การที่จะเรียกว่า กรุงเทพฯ เป็น “ซิลิคอนแวลลีย์” ไม่ใช่แค่คำเรียกธรรมดา ๆ เท่านั้น
1
เพราะพนักงานที่ทำงานสายเทคโนโลยีของ Agoda มาจากบริษัทระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Google, Meta หรือแม้แต่ OpenAI
3
และการที่กรุงเทพฯ มีที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองเทคโนโลยีหลักของโลก เช่น ซานฟรานซิสโก, นิวยอร์ก, ลอนดอน และเทลอาวีฟ
1
ทำให้คนที่ทำงานในกรุงเทพฯ มีแรงผลักดัน อยากพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ให้เทียบเท่าเมืองเทคโนโลยีหลักของโลก
4
หรือที่ Omri เรียกว่า เป็นความรู้สึก Fear of Missing Out (FOMO)..
นอกจากนี้ Omri ยังได้สรุปปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นหนึ่งในสูตรความสำเร็จ ของ Agoda ด้วยว่า
1. กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วย “คนเก่ง”
7
Omri ให้ความเห็นว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่ดี เป็นเมืองที่มีคนเก่ง มีความทะเยอทะยาน และมุ่งมั่น ซึ่งเป็นทัศนคติที่มีความสำคัญ
1
นอกจากนี้ กรุงเทพฯ ยังเป็นแหล่งรวบรวมคนที่มีความสามารถ และความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลก
2. กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ผสมกลมกลืน ระหว่างโลกตะวันตก และตะวันออก
ซึ่ง Omri ระบุว่า การที่ Agoda มีทั้งพนักงานที่มาจากซีกโลกตะวันตก และตะวันออก คือความหลากหลาย ที่นำไปสู่ “ไอเดีย” และความรู้ใหม่ ๆ
1
และหากมีการจัดการอย่างถูกต้อง ก็จะทำให้เกิดเป็นการปฎิบัติ หรือผลลัพธ์ ที่ดียิ่งขึ้น
3. กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีโครงสร้างพื้นฐานดี
สิ่งที่ Omri เน้นย้ำ คือประสบการณ์ของเขา ที่ได้ร่วมทำงานกับหน่วยงานภาครัฐหลายแห่ง ที่มีความพยายามผลักดัน ให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองศูนย์กลางทางเทคโนโลยี
ทั้งให้การสนับสนุน การดึงดูด รวมถึงการรักษาคนเก่ง ๆ เอาไว้ พร้อมกับการมีโครงการเสริมสร้างทักษะ รวมถึงขับเคลื่อนนวัตกรรมภายในกรุงเทพฯ
1
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ Omri ยังมองด้วยว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีการเติบโตของ “คอมมูนิตี้” ของธุรกิจสตาร์ตอัป
1
สภาพแวดล้อมต่าง ๆ มีความเหมาะสมสำหรับการสร้างนวัตกรรม รวมถึงดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนในด้าน R&D จากต่างชาติ
แถมในตอนท้ายของ Blog นี้ Omri ปิดท้ายด้วยไว้ว่า “เขาเชื่อเป็นอย่างยิ่ง ว่ากรุงเทพฯ จะได้รับการกล่าวถึงในระดับเดียวกับ ซานฟรานซิสโก เซี่ยงไฮ้ และเทลอาวีฟ ในอนาคตอันใกล้นี้” อีกด้วย..
3
โฆษณา