14 พ.ค. 2023 เวลา 05:55 • ท่องเที่ยว
เบอร์เกน

ย้อนวันวานเที่ยว Bergen, Norway คนเดียวครั้งแรกแบบประหยัด (ตอนที่ 1)

กระทู้นี้อยากจะชวนเพื่อนๆชาว Blockdit ย้อนเวลากลับไปเกือบ 10 ปีก่อน ตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมเรียนจบมหาลัยใหม่ๆ เลยคิดอยากลองไปทำกิจกรรม Volunteer ที่ต่างประเทศ พร้อมๆกับอยากเติมเต็มความฝันวัยเด็ก ในการท่องเที่ยวแบบ Backpack อาศัยนอน Hostel และเดินทางท่องเที่ยวในเมืองนั้นๆด้วยเท้าเป็นหลัก วันๆหนึ่งเดินเป็น 10 - 20 kms คือกลับไทยมา หน้าตาทั้งดำ ส่วนตัวก็ผอมเลย
หลังจากเสร็จสิ้น โครงการ Aiesec ซึ่งเป็นภารกิจหลักในการมาเยือนยุโรปในครั้งนี้ https://www.blockdit.com/posts/6393505c7565d152fbd10d5b
เราก็มาต่อกันที่งานรองนั้นคือ การเที่ยวยุโรปเกือบ 1 เดือนนั้นเอง โดยจะเป็นการเที่ยวคนเดียว เริ่มตั้งแต่ Bergen, Norway ไปจนถึง Dresden, Germany หลังจากนั้น ก็จะเที่ยวกับพื้นไล่จาก Prague, Czech ไปสุดที่ Amsterdam, Holland
Transportation (การเดินทาง)
ผมออกจากสถานี Oslo S โดยใช้บัตร Eurail pass ซึ่งเป็นบัตรเหมาจ่าย สามารถโดยสารรถไฟข้ามประเทศข้ามเมืองส่วนใหญ่ได้ แต่ใช่ว่าการที่เรามีบัตร Eurail pass แล้วจะสามารถการันตีที่นั่งในรถไฟได้ ซึ่งนั้นก็เพราะว่า ช่วงที่ ผมเดินทางเป็นช่วง Summer ทำให้มีนักท่องเที่ยวแห่กันมาท่องเที่ยวในแถบนี้เป็นจำนวนมาก และ Bergen ก็ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำหรับคนที่หลงใหลในทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองนี้
Bergen
ในตอนแรกผมพยายามที่จะจองที่นั่งกับทางพนักงานของ NSB ที่สถานีรถไฟเนื่องจากระยะทางจาก Oslo S ไปยัง Bergen ถือว่าไกลพอสมควร (ใช้เวลาประมาณ 7 ชม) แต่ปรากฏว่าที่นั่งทั้งหมด Sold out ไปเรียบร้อย (ค่าจองที่นั่งของรถไฟใน Norway ณ ตอนนั้นจะอยู่ที่ 50NOK ต่อเที่ยว ซึ่งถือว่าแพงพอสมควร)
หลังจากขึ้นรถไฟได้สำเร็จ ก็ถึงช่วงเวลาแห่งความยากลำบากของการไม่ได้จองที่นั่ง นั่นคือการนั่งในซอกหลืบระหว่างโบกี้รถไฟตลอด 7 ชม ซึ่งแน่นอนว่า จขกท จะต้องเผชิญกับทั้ง กลิ่นตลบอบอวนของห้องน้ำ, การทรงตัวไปกับการเปลี่ยนทิศทางของรถไฟ และการขึ้น-ลงของผู้โดยสารคนอื่นๆ
Bergen
วิวระหว่างการเดินทางจาก Oslo S ไป Bergen ถือเป็นอะไรที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน โดยจาก Oslo S ไป Mydral วิวส่วนใหญ่จะอยู่ทางด้านซ้ายเมื่อ และจาก Mydral ไป Oslo วิวส่วนใหญ่จะอยู่ทางเดินขวามือ
Bergen
Travelling (การท่องเที่ยว) : Day 1
หลังจากทนทุกข์ทรมานกับการนั่งรถไฟมานาน ในที่สุดเราก็มาถึง Bergen ในเวลาประมาณ 19.00 เมื่อลงจากรถไฟ ผมก็ไม่รีรอที่หยิบแผนที่เมือง Bergen และมุ่งตรงไปยัง hostel ที่ได้จองไว้ เนื่องจากขณะอยู่บนรถไฟ จขกท ได้ทำการเช็คสภาพอากาศผ่าน yr.no ซึ่งระบุว่าพรุ่งนี้ฟ้าปิดและฝนจะตกทั้งวัน ดังนั้นแพลนในการนั่งรถไฟขึ้นเขาเพื่อชมวิวทิวทัศน์ของเมืองจึงเกิดขึ้นในวันนี้ ซึ่งยังพอมีแสงอาทิตย์หลงเหลืออยู่บ้าง ตลอดทางไปจุดขึ้นรถราง เราก็จะเจอกับตึกรามบ้านช่องที่มีสีสันสดใสที่เต็มไปด้วยความขลัง
Bergen
ใกล้กันก็คือ ตลาดปลา (Fish market) ที่เขาร่ำลือกันว่ามีแต่ของทะเลสดๆและถ้ามา Bergen ก็ไม่ควรพลาดที่จะมาลองชิมอาหารทะเลที่นี่สักครั้ง ปล.ราคานี่แอบแพงพอสมควร
Bergen
สำหรับสถานที่บริการรถไฟ cable ขึ้นเขาจะอยู่แถวๆ Fish market (หลัง EGON) ตัวตึกเป็นสีขาวเขียนว่า Floibanen ซึ่งค่าให้บริการสำหรับผู้ใหญ่ ณ ตอนนั้น จะอยู่ที่ 85 NOK (Round trip) ส่วนใครต้องการความท้าทายที่เพิ่มขึ้นก็สามารถซื้อตั๋ว One way ได้ในราคาประมาณ 40 – 45 NOK และขากลับก็เดินชมธรรมชาติลงมา ปล. ผมเลือกวิธีแรก
Bergen
เนื่องจากตอนนั้นดึกมากแล้ว ถ้าไปเช้ากว่านี้ก็จะเลือกอีกวิธีซึ่งประหยัดกว่า หลังจากเสร็จภารกิจชมวิวเมืองบนยอดเขา ผมก็ไม่มีรีรอที่จะเดินถ่ายรูปในเมืองดูพระอาทิตย์ตกก่อนกลับที่พัก
Bergen
Travelling (การท่องเที่ยว) : Day 2
เช้าวันรุ่งขึ้น ตามที่คาด!!! ฟ้าครึ้มและฝนตกเป็นระยะ วันนี้จึงเป็นวันชิวๆ เดินเล่นถ่ายรูปเล่นในเมือง โดยเน้นไปที่โซน Bryggen ที่มีตัวอาคารเป็นไม้สีสันสดใส และที่สำคัญโซนนี้เป็นโซนที่ Unesco ระบุว่าเป็น World Cultural heritage ตั้งแต่ปี 1979
Bergen
จากนั้น ผมก็เดินต่อท่ามกลางสายฝนไปยัง Bergenhus Festning ซึ่งด้านในก็จะประกอบไปด้วยอาคารต่างๆซึ่งบางอาคารจะมี Museum อยู่ด้านใน โดย Museum ที่ผมเลือกเข้าในวันนี้คือ ตัวอาคารที่มีลักษณะเป็นหอคอยป้อมปราการชื่อ Rosenkrantztamet โดยได้รับคำแนะนำมาจาก Receptionist ของโรงแรม ซึ่งโดยรวมของ Museum นี้ก็จะเป็นการเล่าเรื่องราวประวัติก็ปราสาทตั้งแต่สมัยก่อน ผ่านวัตถุโบราณและป้ายอธิบายคล้ายกับนิทรรศการย่อมๆภายในตึก
Bergen
สุดท้าย ผมจบทริปที่ Bergen ด้วยกันนั่งเล่นที่สวนสาธารณะใจกลางเมือง ซึ่งมีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง โดยบริเวณสระน้ำมีนก Seagull ซึ่งดูผิวเผินอาจจะน่าร๊ากกก แต่ๆจริงนกพวกนี้ค่อนข้างดื้ออยู่ พูดแล้วยังแค้นไม่หาย เคยมีครั้งหนึ่งที่ ผมถือขนมปังไส้กรอกเดินกินอยู่ดีๆ กัดได้คำสองคำ Seagull มันก็โฉบจากมือไปกินซะงั้น
Bergen
Accommodation (ที่พัก)
สำหรับ Hostel ที่ผมพักนั้นอยู่ชื่อ Marken Guest house ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 500 เมตร โดยตัว Hostel จะอยู่ชั้น 4 ของอาคาร Smith Severtsen Garden ซึ่งสภาพโดยรวมก็ถือว่าใช้ได้ เมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไป ณ ตอนนั้นประมาณ 290 NOK ต่อคืนสำหรับห้องรวมชาย 8 คนไม่รวมอาหารเช้า มี Locker, Bed linen (ผ้าปูที่นอน) และ pillow case (ปลอกหมอน)
Bergen
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆก็ตามภาพ เป็นห้องน้ำรวม, Living room, Kitchen ซึ่งมีอุปกรณ์พร้อม โดยเฉพาะตู้เย็น micro wave และที่ต้มน้ำ รวมถึงเครื่องซักผ้า
Bergen
ระหว่างอยู่ใน Hostel ถ้ามีความรู้สึกหิว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุที่กินข้าวแล้วไม่อิ่ม หรือ จะออกไปกินเข้าข้างนอกแต่ยังไม่ถึงเวลา กรุณาอย่านั่งเล่นใน Living room เนื่องจากคนจีนที่มาพัก feel like at home มาก ทำกับข้าวกันเป็นล่ำเป็นสัน กลิ่นนี่ชวนให้อยากกับบ้านกันเลยที่เดียว เท่านั้นยังไม่พอบางคนยังเอาหม้อหุงข้าวติดตัวมาด้วย ไม่รู้ว่ากระเป๋ามีที่ว่างเพียงพอได้อย่างไร นึกว่ามีกระเป๋าโดเรม่อน
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด (ราคา ณ ปี 2015)
- Food (5 มื้อ) = 1550 บาท
- Transport = 920 บาท + 150 (Tram)
- Accommodation (2 nights) = 2300
- Fee = 360 (Floibanen) + 150 (Rosenkrantz museum) + 250 (Souvenir)
- Total for 2 days 2 nights in Bergen = 5680 บาท
ก็จบไปแล้วกับการรีวิว "ย้อนวันวานเที่ยว Bergen, Norway คนเดียวครั้งแรกแบบประหยัด (ตอนที่ 1)" ครั้งหน้าเราจะไปต่อที่เมือง Flam, Norway (ตอนที่ 2) ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะ
ส่วนใครที่พึ่งมีโอกาสไปเที่ยว Bergen มา ก็ลอง comment กันมาได้นะ ว่า Bergen ตอนนี้เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน
ภาพถ่ายทั้งหมดโดย (By My Side: ผลัดกันถ่าย)
โฆษณา