Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Baby boomer
•
ติดตาม
14 พ.ค. 2023 เวลา 09:43 • บันเทิง
ฉันเกิดในยุค Baby Boom
ตอน
เข้าเรียนประถม5
ประถม5 สำหรับพวกเราแล้ว มันช่างเหมือนเด็กทียังเล็กไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนักแต่เด็กอายุ10 ขวบ อย่างฉันและพี่ก็มีหน้าที่รับผิดชอบ คิดย้อนกลับไปก็เหมือนจะหนักหนาอยู่ถ้าเทียบกับเด็กรุ่นอื่น ในครอบครัวเราทั้งพ่อแม่ ยาย และลูกทุกๆคนรวมกัน 10คน ใส่เสื้อผ้าวันละ2ชุดรวมกัน วันละ 20ชุด พอถึงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์เรา2คนต้องช่วยกันซักผ้ากองโต พี่อีกคน เป็นคนรีดผ้า ที่เราซักตาก ส่วนพี่ๆที่โตกว่า มีหน้าที่ออกไปช่วยพ่อแม่ขายของที่ร้าน
ตอนเช้าไปโรงเรียน ด้วยรถสามล้อที่ใช้คนปั่น ค่าสามล้อสมัยนั้น เที่ยวละ2บาท
การคมนาคมของเรา
เราเป็นเด็กนั่งไปโรงเรียนพร้อมกัน3คนค่าจ้าง2บาท ส่วนตอนเลิกเรียนไม่ต้องรีบ เราก็เดินกลับบ้านพร้อมเพื่อนๆที่บ้านไปทางเดียวกัน
ระยะทางประมาณเกือบ2กม.ก่อนกลับหลังรั้วโรงเรียนก็จะมีขนม ของกิน ลูกชิ้นทอด ขาย ที่ชอบคือ น้ำจรวด
ก็คือ น้ำแข็งบดใส่ถุงใส่หัวเชื้อน้ำหวานแล้วก็เติมด้วยน้ำโซดาที่พ่นออกมาจาก เหล็กรูปทรงจำลองคล้ายจรวด รสชาดก็มี น้ำบ้วย น้ำโคล่า น้ำแดง น้ำเขียว น้ำส้ม คล้ายน้ำอัดลม เป็ปซี่หรือโคล่า แต่ราคาที่เด็กๆสามารถซื้อได้
พักเที่ยง
คนรุ่นเรายังคิดว่าตัวเองเป็นเด็กๆ
ถกกระโปรง เล่นกระโดดยางกัน
เล่นหัวกระโหลก คือ เอาไม้ลากไปที่ดินเป็นช่องๆ แล้วบนสุดเป็นรูปครึ่งวงกลม คนเล่นต้องมีกระเบื้องโยนไปแต่ละช่องจากล่างโดดด้วยขาเดียวถึงช่องที่กระเบื้องอยู่ก็ต้องโดดข้ามไปจนบนสุดแล้วก็ย้อนกลับมาเก็บกระเบื้องของตัวเอง ถ้าไม่มีการผิดพลาดล้ม หรือเหยียบเส้น ก็ถือว่าผ่านไป1ขั้นเหมือนเล่นเกมส์ผ่านไแทีละเลเวล
อีกอย่างที่สนุกก็คือ เป่ากบ พวกเด็กผู้ชายชอบเล่นกัน ใช้ยางวงใหญ่เป่าให้ของตัวเองไปกบทับยางของคู่ต่อสู้ การเล่นยิงลูกแก้ว
จะเห็นได้ว่าเกมส์ที่เด็กๆเล่นส่วนมากจะต้องใช้ทักษะ และสมองในการวางแผนที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้
และการเล่นนี้ก็ทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย
สวัสดีคุณครู
ถ้าเอ่ยคำว่าครู เป็นที่รู้กันว่าน่ากลัวกว่าพ่อแม่ เพราะฉะนั้นยังไงก็ต้องส่งการบ้านเพราะกลัวครูตีเด็กรุ่นเราพาอแม่มีแต่ทำมาหากิน คนที่สอนการบ้านก็คือพี่ๆ ถ้าสอนแล้วตาหันไปทางอื่นหรือเหม่อลอยไม่ตั้งใจก็โดน มะเหง็ก
คนเจนเยอเนชั่นอื่นจะรู้หรือไม่ว่า"มะเหง็ก" คือ อะไร
มะเหง็กคือ การเอามืองอนิ้วเข้าหากันคล้ายจะกำแต่ก็ไม่กำจะแบก็ไม่ใช่ แล้วเขกไปที่หัว จะว่าไม่เจ็บก็ไม่ใช่เจ็บมากก็ไม่เชิงแต่หยุดเราได้ให้ตั้งใจขึ้นมาเหมือนเป็นมนต์สะกด หรือบางทีพ่อแม่บางคนก็ลงมะเหงกเป็นการลงโทษเมื่อโมโห
แต่สำหรับครูแล้ว จะไม่ใช้วิธีนี้ส่วนมากจะใช้ไม้เรียวแล้วครูก็แสนจะดุโดยเฉพาะครูคณิตศาตร์
บางทีเด็กผู้ชายก็โดนแปลงลบกระดานลอยไป ฟังดูแล้วรู้สึกว่ามันช่างโหดร้ายเหลือเกิน แต่ มันดีสำหรับการควบคุมการเรียนของเด็กไม่ให้วอกแวก
วิธีทำโทษที่เบาสุดน่าจะเป็นการยืนหน้ากระดาน หรือ ทำโทษตัวเองด้วยการ เขกโต๊ะเรียนของตัวเอง อาจต้องเขกโต๊ะ 10-15ครั้ง
ส่วนใหญ่แล้วก็จะเรียนผ่านกันหมดไม่ซ้ำชั้น แต่ก็มีเด็กชนบทที่ห่างไกลออกไป เขาเล่าให้ฟังว่าจบ ป4.ต้องเอาไก่แลก 555
ครูคงจะเหลือทนแล้วเลยรับเอาไก่นั่นไว้ให้เด็กจบไปไม่ต้องมาซ้ำชั้น
หลังเลิกเรียน
ด้วยความที่อาคารเรียนเป็นอาคาร2ชั้น ทำด้วยไม้ ครูก็จะให้รับผิดชอบไม่กระดานไปคนละหนึ่งแผ่น หลังเลิกเรียนทุกคนต้องมีกะลามะพร้าวที่ผ่าครึ่งคนละอันใช้เท้าเหยียบกะลาแล้วถูกระดานไม้แผ่นนั้นให้เงา ประมาณ10-15นาทีจึงจะได้กลับบ้าน
การถูพื้นกระดานทุกวันทำให้เกิดความเคยชินกับการรักษาความสะอาด คนรุ่นนี้จึงมีความขยันที่จะทำความสะอาดบ้านดูแลบ้านให้เป็นระเบียบและค่อนข้างจะมีความรับผิดชอบผู้เขียนเป็นรุ่นที่ใช้แผนการศึกษาแบบเก่าเรียนประถมศึกษาถึง7ปี หรือเรียกย่อว่า ป.7 และต้องต่อมัธยมต้น3ปี มัธยมศึกษาตอยปลาย2ปี
รุ่นี้เรียกว่ารุ่น ม.ศ.5รุ่นสุดท้ายเมื่อมีรุานสุดท้ายก็ต้องมีรุ่นแรกซึ่ง
ต่อจากรุ่นผู้เขียนคือแผนการศึกษาใหม่ เรียนประถม1-6
มัธยมต้น เรียกย่อว่า ม.ต้น 3ปีและเรียนมัธยมปลาย 3ปี จาก ม.ศ.เหลือคำย่อว่า ม.เพราะฉนั้นก็จะมีคำว่า
ม.ศ. คือ มัธยมศึกษา และ ม.คือ มัธยม ตัดคำว่าศึกษาออกไป
เมื่อจบ ม.ศ. 3 จะมีทางให้เลือกเรียน จะเรียนต่อ ม.ศ.4-5 ก็เรียกว่าเรียนสายสามัญ ต้องมีการเอ็นทรานส์ หรือสอบเข้าเรียนต่อระดับอุดมศึกษาหรือเรียกอีกอย่างว่า ระดับมหาวิทยาลัย ใช้เวลาเรียน4ปี เมื่อจบจะได้ วุฒิการศึกศาระดับปริญญาตรี สมัยนั้นมีสถาบันอุดมศึกษา แค่ 8 สถาบัน
และ มหาวิทยาลัยเปิดอีก1แห่งคือ มหาวิทยาลัย รามคำแหง ซึ่งไว้รองรับผู้ที่เอ็นทรานส์หรือสอบเข้สมหาวิทยาลัยปิดของรัฐไม่ได้
หรืออีกทางเลือกคือไปเรียน
วิทยาลัยครู จบแล้วคือเป็นครู ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น สถาบันราชภัฏ ซึ่งก็มี แนกการเรียนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการเรียนเป็นครู จะเป็นอุดมศึกษาที่มีกระจายไป ตามจังหวัดต่างๆ
ส่วนพวกที่จบ มศ.3 แล้วไปเรียนสาย อาชีพ ก็จะแยกไปเรียน โรงเรียนอาชีวะศึกษา จะสอนเน้นเกี่ยวกับสายอาชีพ ทำอาหาร ขนม เย็บผ้า บัญชี หรือ โรงเรียนเทคนิคสำหรับนักเรียนชาย ด็จะสอนวิชาชีพ พวก ช่างไฟฟ้า ช่างยนต์ ช่างกล เรียน3ปีถ้าจบมาจะได้วุฒิการศึกษาคือ ปวช.แปลว่าประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นต้น สามารถ ใช้วุฒิการศึกษานี้ทำงานได้เลย และถ้าเรียนต่อ อีก2ปี ก็จะได้วุฒิการศึกษาที่เรียกว่า ปวส.มาจาก "ประกาศนียาบัตรวิชาชีพชั้นสูง"
ต่อมามีการยกระดับเป็น วิทยาลัย อาชีวะศึกษา หรือ วิทยาลัยเทคนิค
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย