16 พ.ค. 2023 เวลา 12:42 • ท่องเที่ยว
อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี

สักครั้งในชีวิต Yosemite จากมนต์สะกดในรูปภาพสู่ตาตัวเองจริงๆ

หลายๆคนก็คงมี Bucket List สถานที่ที่อยากไปให้ได้สักครั้งในชีวิต เราก็เป็นหนึ่งในนั้นหนึ่งใน Bucket List ของเราก็คือที่นี่เลย “Yosemite National Park (อุทยานโยเซมิตี)” หนึ่งในอุทยานที่สวยที่สุดในโลก ซึ่งแว๊บแรกเราเห็นภาพที่นี่จากใน Internet และถูกมนต์สะกดซ้ำด้วยภาพพื้นหลังที่ Apple เลือกมาใช้เป็น Background ของ Macbook ที่มียอดเขาอันยิ่งใหญ่โอบล้อมไปด้วยป่าธรรมชาติมี น้ำตกที่ไหลจากยอดเขาสู่ลำธาร ที่รู้ตัวอีกทีก็ถูกเก็บเข้า Bucket List ไปเรียบร้อย
ใครจะไปคิดว่าวันนี้เราจะมายืน ณ จุดนี้แล้ว จุดที่ภาพทุกอย่างตรงข้างหน้าเป็นของจริง
บรรยากาศระหว่างทางที่ขับไป
ทริปนี้เราไปช่วงต้นเมษายนออกเดินทางจาก San Francisco ด้วยการ Join Tour Local เพราะไม่คุ้นเส้นทาง ขับรถไปก็กลัวหลง ทางบางจุดเป็นเรียบริมเขาที่ไม่มีอะไรกั้นค่อนข้างขับยาก บางที่ก็ยังมีหิมะเกาะถนนอยู่อาจเกิดอันตราย ส่วนการมารถสาธารณะค่อนข้างลำบากมากต้องต่อรถหลายต่อ และอาจจะตกรถขากลับได้เวลาต้องเป๊ะมากๆทำให้เร่งรีบ จึงตัดสินใจ Join Tour Local ที่ซื้อตอนก่อนมาจากไทย ราคาประมาณ 6,800 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงก็ถึงที่แรก
จุดที่รถพามาจอดเพื่อชม Cascade Creek
จุดแรกที่มาแวะจอดก็ คือ Cascade Creek
Cascade Creek เป็นลำธารแห่งนี้ที่สวยงามราวกับภาพวาด เกิดจากการละลายของหิมะจากภูเขาโดยรอบและไหลผ่านหุบเขาแคบๆ ทำให้เกิดน้ำตกและน้ำตกที่ลดหลั่นกันอย่างสวยงาม
Cascade Falls
โดยไฮไลท์ริมลำธารคือ Cascade Falls (น้ำตกคาสเคด) น้ำตกที่สวยงาม มีสายน้ำไหลลดหลั่นกันลงมาจากความสูงประมาณ 500 ฟุตเป็นชุดๆ
จุดต่อไปที่รถพามาจอดก็คือ ลานจอดรถใกล้ๆกับ Bridalveil Fall (น้ำตกไบรดัลเวล)
น้ำตก Bridalveil และวิวหุบเขาโดยรอบ
โดยน้ำตก ตกลงจากความสูงประมาณ 620 ฟุตในการพุ่งตกเพียงครั้งเดียว ทำให้เกิดละอองน้ำและหมอกที่บริเวณรอบๆสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล น้ำตกเกิดจากการละลายของหิมะจากภูเขาโดยรอบ ทำให้ระดับน้ำไหลสูงสุดในฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อน
1
จริงๆแล้วเราสามารถชมน้ำตกได้จากจุดชมวิวหลายแห่ง รวมถึงมีเส้นทางเดินชมน้ำตก Bridalveil ซึ่งเป็นเส้นทางเดินป่าระยะสั้นที่นำไปสู่จุดชมวิวที่ฐานของน้ำตก เส้นทางนี้ถือว่าง่ายถึงปานกลางเลยเหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย
บริเวณ Yosemite Valley Lodge และ โรงอาหาร
มาถึงจุด Yosemite Valley Lodge ตรงจุดนี้คือจุดที่ บัสมาจอดให้ Free Time 3 ชม. สำหรับการสำรวจ Yosemite มาถึงก็เกือบบ่ายโมงพอดีเราเลยรีบหาอะไรกินก่อน ที่นี่เขาก็จะมีโรงอาหารกลางให้ด้วยสำหรับนั่งกินข้าวเป็นกระท่อมกลางป่าใหญ่ๆ ภายในตกแต่งได้เข้ากับบรรยากาศกลางป่าสุดๆ
กินข้าวเสร็จก็ต้องตัดสินใจว่าจะไปไฮไลท์ที่ไหนของ Yosemite เพราะถ้าจะเก็บให้หมดต้องมานอนอย่างน้อย 3-4 คืน ตัดสินใจอยู่นานสุดท้ายก็เลยเลือกไปจุด Mirror Lake
1
บรรยากาศบน Shuttle Bus และวิวระหว่างทาง
โดยการไปแต่ละจุด แม้ไม่ใช่ Mirror Lake แนะนำให้นั่ง Shuttle Bus ของทาง Yosemite ไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นบัสวิ่งฟรีทั่วอุทยานเลย เพราะแต่ละจุดคือห่างกันหลายกิโลมากๆ โดยที่ขึ้นบัสก็ให้ดูในแผนที่ว่ารถจอดที่ไหน
1
ทางเข้าเดินป่าไป Mirror Lake
นั่งประมาณ 45 นาที ในที่สุดก็ถึงทางเข้าไป Mirror Lake การจะไปถึง Mirror Lake เราต้องเดินป่าเข้าไป โดยมีทางเข้าเดินป่าอยู่ใกล้กับป้ายรถรับส่งที่ Mirror Lake
บรรยากาศตลอดทางการเดินป่า
โดย Mirror Lake Trail เป็นเส้นทางเดินป่ายอดนิยมมากๆของ Yosemite เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดินป่าที่ค่อนข้างง่ายและมีทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาและหุบเขาโดยรอบ ไปกลับประมาณ 2.4 ไมล์ เส้นทางเดินก็จะเดินตามลำธาร Tenaya และมองเห็นทิวทัศน์อันน่าทึ่งของ Half Dome ซึ่งเป็นโดมหินแกรนิตที่โดดเด่นซึ่งสูงกว่า 8,800 ฟุตเหนือพื้นหุบเขา
Half Dome
ขณะเดินไปตามเส้นทาง ก็จะผ่านป่าไม้ ลำธารมากมาย รวมถึงทุ่งหญ้าโล่ง ป่าดิบชื้น และหินที่เยอะมาก เส้นทางนี้ยังมีสะพานลอยหลายแห่งที่ข้ามลำธาร ทำให้ได้ชมน้ำลำธารใสอย่างใกล้ชิด
ใช้เวลาเดินประมาณ ครึ่งชม. (เพราะถ่ายรูประหว่างทางด้วย) ก็ถึง Mirror Lake
Mirror Lake
Mirror Lake ตั้งอยู่ใน Tenaya Canyon ซึ่งถูกธารน้ำแข็งกัดเซาะในช่วงยุคน้ำแข็ง และจริงๆแล้วทะเลสาบแห่งนี้ไม่ใช่ทะเลสาบจริงๆ แต่เป็นแค่สระน้ำตามฤดูกาลที่เกิดจากหิมะละลายในฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อน ในฤดูร้อนระดับน้ำจะลดลง จนทะเลสาบจะกลายเป็นทุ่งหญ้า หากมองขึ้นไปก็จะเห็นหน้าผาหินแกรนิตและโขดหินที่อยู่รายรอบเป็นฉากหลังที่สวยงามของทะเลสาบ ทำให้เกิดภาพที่งดงามสะท้อนกับทะเลสาบใสดุจกระจกแก้วที่เป็นที่นิยมในหมู่ช่างภาพ และภาพที่ได้จากที่นี่ก็คือภาพทะเลสาบในฝันที่พบเจอได้ตาม Internet นั่นเอง
2
บริเวณรอบๆ Mirror Lake ยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด เช่น หมีดำและกวาง ตรงนี้คนขับก็แจ้งว่าควรระวังและใช้ความระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนสัตว์ป่า
หลังจากสำรวจ Mirror Lake เสร็จก็กลับมาที่รถ คนขับใจดีมากพาไปแวะจุดไฮไลท์อีก 2 จุดก็คือ
จุดที่เห็น เขา El Capitan อย่างใกล้ชิดบริเวณ Northside
El Capitan
โดย El Capitan เป็นแนวหินแกรนิตขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่บนความสูงกว่า 3,000 ฟุต และเป็นที่รู้จักจากแนวหน้าเขาตั้งที่สูงชัน ก่อตัวขึ้นเป็นเวลาหลายล้านปีผ่านกระบวนการกัดเซาะและธารน้ำแข็ง สร้างความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอันน่าทึ่ง และยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักปีนผา ที่มาจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อปีนหน้าผานี้
ด้วยลักษณะของเขาแล้วนักปีนเขาต้องใช้ทักษะที่ท้าทายที่สุดในโลก เนื่องจากขนาดและความลาดชันมากๆ ทำให้นักปีนเขาต้องใช้เวลาหลายวันบนแนวหิน นอนบนหิ้ง และใช้เชือกและอุปกรณ์ปีนเขาอื่น ๆ เพื่อขึ้นไปบนกำแพงหินแกรนิต
จริงๆแล้วแนวหินแกรนิตขนาดใหญ่นี้สามารถมองเห็นได้จากหลายพื้นที่ในอุทยาน ทั้ง Yosemite Valley และ Glacier Point ถ้ามีเวลาสามารถชมทิวทัศน์ El Capitan ได้อย่างใกล้ชิดโดยการเดินป่า Yosemite เส้นทาง Falls Trail หรือ Four Mile Trail ซึ่งให้บรรยากาศอันน่าทึ่งของหินจากจุดชมวิวที่แตกต่างกันออกไป
จุดสุดท้ายที่แวะก่อนกลับคือบริเวณ Valley View
Valley View
Valley View เป็นจุดชมวิวที่มีทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของหุบเขา Yosemite และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับทุกคนที่มาเที่ยวอุทยาน
จุดชมวิวตั้งอยู่ทางด้านเหนือของแม่น้ำ Merced มีวิวที่สวยมากๆเป็นวิวของแม่น้ำที่ไหลผ่านหุบเขา โดยมีน้ำตก El Capitan และน้ำตก Bridalveil เป็นฉากหลัง จุดชมวิวสามารถมาได้ง่ายโดยรถยนต์และมีที่จอดรถในบริเวณใกล้เคียง ทำให้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาแวะพักชมวิว
เป็นการจบทริป Yosemite ที่ แฮปปี้ที่สุด ถ้าเรามีเวลามากกว่านี้ก็คงจะมานอนสักคืนสองคืนแต่เนื่องจากที่พักเต็มเร็วและเต็มยาวเป็นปี ใครที่อยากมานอนต้องวางแผนแต่เนิ่นๆนะ
และสุดท้ายอยากจะบอกว่าถึงแม้จะต้องเดินทางไป - กลับถึง 8 ชม. เพื่อมาที่นี่ แต่เราว่ามัน “โคตรคุ้มค่าที่จะมาเห็นด้วยตาสักครั้งในชีวิต” เลย
โฆษณา