17 พ.ค. 2023 เวลา 02:00 • ไลฟ์สไตล์

5 วิธี ช่วยทำให้มีเวลาว่างมากขึ้น

ช่วงนี้กำลังยุ่งอยู่หรือเปล่า?
พยายามวางแผน วาง Time box แล้ว แต่ก็ยังยุ่งอยู่ดี
นั่นอาจเป็นเพราะเรากำลังจัดการเวลาไม่ถูกวิธีอยู่ก็ได้ค่ะ
.
เพื่อให้ทุกคนหลุดจากวงโคจร “เวลาไม่เคยพอ”
และมีเวลาว่างไปทำสิ่งที่ชอบและสิ่งที่รักมากขึ้น
วันนี้ To Do Less ขอมาแนะนำวิธีที่ทำแล้ว เปลี่ยนจากวันย่งๆ ให้เป็นวันว่างๆ ได้ไม่ยาก
จะมีวิธีและเคล็ดลับอะไรบ้างตามมาดูกันเล้ยย
1. เลิกทำ To-do-list ที่ไม่ถนัด
เราคงเคยได้ยินว่า ถ้าอยาก Manage เวลาได้ดีขึ้น ให้ทำ To Do List เพื่อจัดระเบียบชีวิตให้ดีขึ้น
แต่ก็เชื่อว่าหลายคนก็ทำแล้วเวิร์ก แต่บางคนอาจจะยุ่งกว่าเดิม เพราะ To Do List อาจเป็นตัวการที่ทำให้ยุ่งกว่าเดิมค่ะแทนที่จะบริหารเวลาได้ กลายเป็นว่ามาเสียเวลากับการเขียน To Do List ตามเคล็ดลับแทนซึ่งจริงๆ แล้ว To Do List ก็เป็นสิ่งที่ช่วยได้ค่ะ
แต่อาจต้องปรับให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราและ Lean ให้เหลือขั้นตอนการเขียนให้น้อยที่สุด อย่างเช่นของเราเอง เขียนแค่- Priority Tasks หรือ Important Tasks ไม่เกิน 5 งานต่อวัน- To Do List ย่อย แบ่งแค่ช่วงเช้าและบ่าย ไม่มี TIme Box รายชั่วโมงให้เครียด- พื้นที่จด Note เพียงเท่านี้ก็จัดระเบียบชีวิตได้ดีขึ้น รู้ว่ามีอะไรต้องทำ อะไรสำคัญ และอะไรมาก่อนมาหลังแล้วค่ะ
2. เลือกแอป/สมุด ที่เหมาะกับเรา
ทำงานช้าลง อาจเป็นเพราะว่าวุ่นอยู่กับอุปกรณ์ก็ได้ค่ะ เพราะทุกอุปกรณ์ไม่ดีกับเราเสมอไป ถ้ามันไม่เข้ากับความถนัด หรือไลฟ์สไตล์ของเราเลย เช่น ถ้าเราได้ยินมาว่าแอปนี้ใช้ดีมาก แต่กลายเป็นว่า พอมาใช้จริงกลับยากกว่าที่คิด และลักษณะเนื้องานอาจจะแค่ลิสต์แล้วขีดฆ่าเฉยๆ ก็ใช้งานได้แล้ว แต่เครื่องมือกลับมีวิธีการจดหรือวางแพลนที่มากกว่าแค่ลิสต์ ก็ทำให้ช้ากว่าเดิมได้เช่นกันค่ะ
ดังนั้น ควรเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะกับงาน เราใช้สะดวก ก็จะช่วยเซฟเวลาได้มากขึ้นเช่น ตารางเวลาประชุม เราจะไม่เขียนลงในสมุด Planner ค่ะ จะจัดการใน Google Calendar แทน ลากไปลากมาง่ายดี แถมเพื่อนร่วมงานจะได้เห็นเวลาเราด้วย
แต่ถ้าเป็นการจัดการงานส่วนตัว จะใช้สมุดแพลนเนอร์ค่ะ และเลือกแบบสมุดโล่งๆ ไม่มีตารางอะไร เพราะจะได้เขียนได้ฟรีสไตล์ ไม่มีกรอบจำกัดความคิดจดง่าย เขียนทีเดียวเสร็จ เขียนให้ตัวเองอ่านเองอาจไม่ต้องพิถีพิถันมาก
3. เรียนรู้การบริหารเวลาเพิ่มเติม
รู้ไหมคะว่า การบริหารเวลาที่เวิร์ก ไม่ใช่การจัดการเวลา แต่เป็นการจัดการงานค่ะ! ตอนแรกคิดว่าตัวเองบริหารงานได้ดีมากๆ เราแต่ก็เพิ่งมารู้เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากฟัง Podacst คลิปหนึ่ง
ที่เราไม่เคยมีเวลาว่างกับเขาเลย อาจจะเพราะไม่รู้ความลับบางอย่างของการบริหารเวลาก็เป็นไปได้ค่ะเราคววรหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆ ค่ะ เช่น ถามคนที่บริหารเวลาเก่งๆ ว่าเขาทำยังไงบ้างหรืออ่านหนังสือแนวจัดการเวลาหรืองาน ที่ตอนนี้มีอยู่เยอะแยะมากมายจนเลือกกันไม่ถูกเลยทีเดียวถ้าให้แนะนำเล่มที่เวิร์ก เราขอแนะนำเล่มนี้เลยค่ะ
“คนทำงานเร็ว ทำอะไรตอนที่เราไม่เห็น”
ที่เขียนโดยอดีตหัวหน้าทีมโปรเจกต์ MBI Japan ที่มาเผยเทคนิคการจัดการงานที่รวดเร็ว ง่าย และแม่นยำ เคล็ดลับที่เราชอบมากแล้วเอามาใช้ก็คือ
- จดโน้ตด้วยสมุดแนวนอน จะช่วยให้เรามองภาพได้กว้างขึ้น และเร็วกว่ามองแนวตั้ง- ไม่ต้องให้ทุกคนพูดแสดงความเห็นในที่ประชุมเสมอไปก็ได้ ถ้าเขาไม่มีอะไรจะพูด เพราะไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากเสียเวลาประชุม- ไม่ควรตั้งเป้าให้ทุกงานได้เต็ม 100 คะแนนเต็ม
และหลายๆ เทคนิค ที่เป็นเรื่องใกล้ตัว และเอาไปใช้งานได้ทันทีเลยค่ะ ใครสนใจอยากเรียนรู้เทคนิคบริหารเวลาเพิ่มเติม ตามไปซื้อได้ที่ลิงก์นี้เลยค่ะ
4. ไม่เสียเวลากับสิ่งที่ไม่ใช่เป้าหมาย
สุดท้าย โฟกัสกับเป้าหมายให้ได้นานที่สุด อย่าวอกแวกไปกับสิ่งที่ไม่ใช่เป้าหมาย เคยสังเกตไหมคะว่า เวลาเราทำงานแต่ละอย่าง เราโฟกัสได้นานแค่ไหน เสียเวลาไปกับอะไรมากที่สุดถ้าอยากทำงานนี้ให้เสร็จ ก็ควรตั้งใจทำให้เสร็จเป็นอย่างๆ ไปแต่เชื่อว่า พอถึงเวลาลงมือทำ ก็จะเจออุปสรรคมากมาย
เช่น นั่งไถ่ฟีด Social ไปเรื่อยๆหรือรู้สึกว่างานยาก ท้อแท้ใจ กลายเป็นมานั่งบ่นยาว 20 นาที ส่วนงานเพิ่งทำไปได้แค่ 10%
แล้วเราจะทำยังไง ถึงจะโฟกัสได้นานๆ ไม่เสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น?
วิธีการไม่ยาก แต่ต้องอาศัยการฝึกฝนค่ะ เช่น- ใช้แอปโฟกัสเวลา เช่น
- แอป Focus to do เราตั้งเวลาไว้ 25 นาที ที่ต้องโฟกัส หลังจากนั้นถึงค่อยรีแล็กซ์ได้ ตามหลัก Pomodoro- ฝึกนั่งสมาธิ เพื่อฝึกการโฟกัส- ทำงานในที่เงียบๆ- ให้รางวัลตัวเอง หากโฟกัสได้นานขึ้น
หากเราหันมาจดจ่อกับสิ่งที่สำคัญ ทุ่มเวลาให้กับสิ่งนั้นจริงๆ เราอาจจะพบว่า Report ที่ทำนานเป็นวัน อาจจะทำทีเดียวเสร็จภายใน 1 ชั่วโมงเลยก็ได้ และที่เหลือก็คือเวลาว่างของเราแล้วค่ะ
5. Say Yes แบบมีเงื่อนไข
ถ้าการปฏิเสธเป็นเรื่องยากสำหรับเราที่เป็นสายขี้เกรงใจล่ะก็ อีกวิธีหนึ่งที่พอช่วยได้คือ “การเจรจา” ต่อรองเดดไลน์ค่ะ
เช่นสมมติมีเพื่อนร่วมงานมาขอให้เราช่วยทำงานบางอย่าง แทนที่จะ Say Yes แบบไร้เงื่อนไขก็ให้ลองปรับมาเป็น Say Yes แบบมีเงื่อนไขแทน
เช่น ขอส่งในวันพรุ่งนี้ ขอให้ใครส่งคนมาช่วยและเพิ่มเทคนิคอีกนิดคือ ต้องใช้ประโยคที่สื่อให้เห็นว่า สิ่งที่เราขอก็สร้างประโยชน์ให้อีกฝ่ายได้เช่นกันเช่น ถ้าส่งช้า 1 วัน สิ่งที่จะได้เพิ่มมาคือ ข้อมูลสำคัญและละเอียดกว่าเดิม หรืองานที่เนี๊ยบขึ้นกว่าเดิม
นี่ก็คือเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้ทุกคนมีเวลาว่างกันมากขึ้นค่ะ
หวังว่าเคล็ดลับเหล่านี้ จะช่วยให้หลายๆ คน
มีเวลาเหลือ ไปทำสิ่งที่รักและชอบกันมากขึ้นนะคะ
คนเรามี 24 ชม.เท่ากัน เลยอยากให้ทุกคนได้ใช้เวลาที่มีกับสิ่งที่รักมากที่สุด :)
โฆษณา