18 พ.ค. 2023 เวลา 02:03 • ประวัติศาสตร์

เหตุผลที่ “เดอะบีเทิลส์ (The Beatles)” แยกวง

“เดอะบีเทิลส์ (The Beatles)” คือวงดนตรีสัญชาติอังกฤษระดับตำนานที่พลิกวงการดนตรีไปตลอดกาล
สมาชิกของวงได้แก่ “จอห์น เลนนอน (John Lennon)” “พอล แม็คคาร์ทนีย์ (Paul McCartney)” “จอร์จ แฮร์ริสัน (George Harrison)” และ “ริงโก สตาร์ (Ringo Starr)” ได้กลายเป็นชื่อที่ติดอยู่ในประวัติศาสตร์วงการดนตรี
สี่หนุ่มเข้ามาสู่ความโด่งดังในปีค.ศ.1963 (พ.ศ.2506) ด้วยผลงาน “Please Please Me” และอัดเสียงผลงานอัลบั้มสุดท้ายในปีค.ศ.1969 (พ.ศ.2512) ด้วยผลงาน “Let It Be” และ “Abbey Road”
เดอะบีเทิลส์ (The Beatles)
ทั้งสี่คนได้มารวมตัวกันตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น และก้าวขึ้นเป็นซูเปอร์สตาร์ตั้งแต่วัยเพียง 20 ต้นๆ สร้างผลงานเพลงมากมาย
แต่ทำไมวงดนตรีที่มีอิทธิพลที่สุดวงหนึ่งในศตวรรษที่ 20 จึงแยกวงหลังจากที่โด่งดังเพียงไม่ถึงเจ็ดปี?
เราลองมาดูสาเหตุกันครับ
หลายคนย้อนจุดเริ่มต้นของการแตกหักของเดอะบีเทิลส์ไปได้ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.1967 (พ.ศ.2510) ซึ่งเป็นวันที่ “ไบรอัน เอ็ปสไตน์ (Brian Epstein)” ผู้จัดการของเดอะบีเทิลส์เสียชีวิต
ไบรอัน เอ็ปสไตน์ (Brian Epstein)
เอ็ปสไตน์นั้นเป็นเจ้าของร้านแผ่นเสียงซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์การบริหารวงดนตรีมาก่อน หากแต่ก็สามารถปลุกปั้นเดอะบีเทิลส์ให้ประสบความสำเร็จระดับโลกได้
1
เอ็ปสไตน์ยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง “Northern Songs Ltd.” ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่เผยแพร่ผลงานเพลงของเดอะบีเทิลส์ โดยเลนนอนและแม็คคาร์ทนีย์มีหุ้นอยู่ในบริษัทนี้คนละ 15%
ในช่วงที่โด่งดัง เดอะบีเทิลส์นั้นเหนื่อยล้าและเบื่อหน่าย พวกเขาเบื่อกับการที่ต้องหนีแฟนๆ ไม่มีเวลาส่วนตัว แม้แต่เวลาเล่นดนตรีก็ไม่สามารถได้ยินเสียงเพลงเนื่องจากเสียงกรีดร้องของแฟนๆ จะกลบเสียงดนตรีจนหมด
1
ความเบื่อหน่ายเหล่านี้ทำให้เดอะบีเทิลส์ตัดสินใจจะหยุดการแสดงคอนเสิร์ตในปีค.ศ.1966 (พ.ศ.2509) ซึ่งเอ็ปสไตน์นั้นไม่เห็นด้วยเลย
2
หลังจากหยุดแสดงคอนเสิร์ต เดอะบีเทิลส์ก็ได้ผลิตผลงานดีๆ ออกมามากมาย กลายเป็นศิลปินระดับโลก หากแต่สมาชิกเดอะบีเทิลส์ก็ไม่ได้รับเงินตอบแทนมากมายเท่าที่ควร ทำให้เดอะบีเทิลส์เริ่มจะตีตัวออกห่างจากเอ็ปสไตน์
1
แต่เมื่อเอ็ปสไตน์เสียชีวิตโดยมีสาเหตุจากการเสพยาเกินขนาด เดอะบีเทิลส์ก็รู้ได้ทันทีว่าพวกตนได้เสียคนที่คอยช่วยบริหารงานวงที่ยอดเยี่ยมที่สุดไปแล้ว
ภายหลังจากเอ็ปสไตน์เสียชีวิต แม็คคาร์ทนีย์ต้องการให้ “จอห์น อีสต์แมน (John Eastman)” บิดาของ “ลินดา อีสต์แมน (Linda Eastman)” ว่าที่ภรรยา ขึ้นมาเป็นผู้จัดการวงแทน ในขณะที่สมาชิกที่เหลือต้องการให้ “อัลเลน ไคลน์ (Allen Klein)” ผู้จัดการวง “โรลลิงสโตน (Rolling Stone)” มาทำหน้าที่บริหารวง
ปัญหาอีกอย่างก็คือ ที่ผ่านมาเดอะบีเทิลส์ไม่ได้ออกทัวร์เลย ทำให้ไม่มีรายได้เข้ามาอย่างเป็นกอบเป็นกำ วงจึงต้องหาเงินอย่างหัวหมุน
1
เดอะบีเทิลส์พยายามจะเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกด้วยการเปิดร้าน “Apple Boutique” หากแต่หลังจากเปิดไปได้เพียงแปดเดือนก็ต้องปิดตัวลงและขาดทุนมหาศาล
2
Apple Boutique
ความตึงเครียดและขัดแย้งจนถึงจุดแตกหักมาถึงในการประชุมครั้งหนึ่งในปีค.ศ.1969 (พ.ศ.2512) โดยเลนนอนได้บอกแม็คคาร์ทนีย์และสตาร์ว่าเขาจะออกจากเดอะบีเทิลส์
ไคลน์ได้ขอให้เลนนอนเก็บเรื่องการลาออกจากวงเป็นความลับไว้ก่อน เพื่อที่จะได้ไม่กระทบต่อดีลทางธุรกิจที่ทางวงกำลังจะทำ และจะทำเงินให้วงได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งในวันนั้น เลนนอนก็ได้เดินออกจากวง
สำหรับเหตุผลต่อมา หลายคนคิดว่ามาจาก “โยโกะ โอโนะ (Yoko Ono)” ภรรยาของเลนนอน
ช่วงที่ทำเพลง “Let It Be” ในช่วงปลายปีค.ศ.1968 (พ.ศ.2511) เป็นช่วงที่เลนนอนกำลังหลงโอโนะเป็นอย่างมาก โดยโอโนะมักจะอยู่เคียงข้างเลนนอนเสมอ แม้แต่เวลาทำงาน และมีอิทธิพลต่องานของเลนนอนเป็นอย่างมาก
โอโนะและเลนนอน
หลายคนคิดว่าเพราะอิทธิพลของโอโนะที่มีต่อเลนนอน ทำห้สมาชิกที่เหลือไม่พอใจ และเกิดเป็นความขัดแย้งจนทำให้ต้องแยกวงในเวลาต่อมา
แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีคนที่ไม่เห็นด้วย และคิดว่าการที่เลนนอนพาโอโนะเข้ามาในวง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขากำลังจะมูฟออนจากวงแล้ว
ปัญหาจริงๆ น่าจะมาจากปัญหาทางการเงิน ความเห็นทางดนตรีที่ไม่ตรงกัน และโอโนะเป็นเพียงแค่ข้ออ้างหรือแพะรับบาปเท่านั้น
1
เลนนอนและแม็คคาร์ทนีย์
อีกเหตุผลหลักก็คือความเห็นทางดนตรีที่ไม่ตรงกันของเลนนอนและแม็คคาร์ทนีย์
ทั้งคู่นั้นช่วยกันเขียนเพลงกันตั้งแต่แรกก่อตั้งวง หากแต่ทั้งคู่ก็มีการแข่งขันกันเองเรื่อยมา และภายหลังจากวงแตก ทั้งคู่ก็มีการกระทบกระทั่ง เสียดสีกันผ่านเพลงที่ตนเองเป็นคนแต่ง
เหตุผลทั้งหมดเหล่านี้ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้วงดนตรีระดับตำนานอย่างเดอะบีเทิลส์ต้องจบลงในที่สุด
โฆษณา