17 พ.ค. 2023 เวลา 12:40 • หนังสือ

EP.3 Part.1 : “ คนชนะทำแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ ”

ต้องบอกก่อนครับ ตอนแรกสำหรับเล่มที่สามที่ผมจะนำมาเสนอไม่ใช่เล่มนี้ครับ แต่ยังไม่บอกว่าเป็นเล่มไหน ด้วยความที่เห็นว่าเห็นเป็นปกสีขาวมาแล้วสองเล่ม เล่มที่สามเลยหาสีอื่นมาบางครับ กลัวผู้อ่านจะเข้าใจผิดว่านำเสนอแต่เล่มเดิมซำ้ๆครับ
สำหรับหนังสือ “ คนชนะทำแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ ” เนื้อหาในหนังสือนี่ตรงตัวสุดๆครับ เนื่องด้วยผู้เขียนเป็นคนญี่ปุ่น ชื่อคุณ คานางาวะ อากิโนริ และเป็นคนรุ่นใหม่ก็จะมีแนวความคิดที่ต่างกับคนรุ่นก่อนพอสมควร เนื่องจากคนญี่ปุ่นโดยส่วนใหญ่จะต้องมีการวางแผนอย่างละเอียดรอบครอบก่อนลงมือทำ แต่คุณคานางาวะจะนำเสนอแนวทางที่ต่างไปครับ ประมาณว่าทำไปแก้ไป ได้เริ่มทำก่อนก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จก่อน ถ้าไม่เริ่มก็ไม่มีโอกาสสำเร็จ หรือเริ่มช้าอาจจะไม่ทันการครับ
คนเราจะประสบความสำเร็จได้ต้องมี output ซึ่งนั้นคือผลงานที่คนคนนั้นสร้างขึ้นครับ ตัวอย่างเช่น การอ่านหนังสือ แล้วมาสรุปหรือเขียนรีวิว ซึ่งคือการลงมือทำนั่นเองครับ แค่การอ่านหนังสือจะไม่เป็น output จะเป็นเพียงแค่ input ครับ ดังนั้นแล้วการที่เราจะประสบความสำเร็จได้คือ ต้อง “ลงมือทำ”
ซึ่งคุณคานะงาวะกล่าวไว้ว่า คนเก่งลำดับที่ 1 ต้องลงมือทำ 10,000 ชั่วโมงขึ้นไป ส่วนลำดับ 2 และ 3 ก็ต้องลงมือทำ 1,000 และ 100 ชั่วโมงตามลำดับครับ ความสามารถก็จะส่งผมต่อรายได้ตามระดับฝีมือครับ แสดงให้เห็นว่าถ้าไม่เริ่มลงมือทำ เราก็จะไม่มีทางประสบความสำเร็จไม่ว่าจะระดับใดครับ
ดังนั้นแล้วการเริ่มลงมือทำอาจเริ่มจากความรู้ที่มีแล้วค่อยแก้ไขและหาความรู้เพิ่มคู่ขนานไปกับการกระทำนั้นๆ ครับ มีแนวทางปฏิบัติง่ายๆ ดังนี้ครับ คุณคานางาวะ เรียกแนวทางนี้ว่า “ioIF”
i = iNPUT เล็กๆ หรือหาความรู้ใส่ตัวเท่าที่จำเป็น
O = OUTPUT ลงมือทำ
I = INPUT หาความรู้ใส่ตัวเพิ่ม
F = Feedback สรุปข้อเสนอแนะเพื่อนำมาปรับปรุง
ซึ่งอาจจะดูขัดๆ กับแนวทาง PDCA ที่เราคุ้นชิน เพราะเริ่มจาก P = Plan ก่อนนั่นเองครับ
ดังนั้นเราสามารถเริ่มลงมือทำได้จากการพูดและการเขียน อาจเป็นการอัดคลิปสอบลงใน youtube หรือการเขึยนสรุปหนังสือก็ได้ ให้มี output เป็นผลลัพธ์ออกมาไม่เพียงแต่อ่านหรือศึกษาเท่านั้น ย่ิงเราทำบ่อยก็จะยิ่งเก่งขึ้น
ในโลกไร้พรมแดนแบบปัจจุบัน จะเห็นได้ว่ามีช่องทางการสื่อสารมากมายและสะดวกยิ่งคุณมีความสามารถในการสื่อสารด้วยการพูดหรือการเขียน ยิ่งทำให้ช่องทางหารายได้เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสอนผ่านช่องทางต่างการ หรือนำเสนอเรื่องราว เช่น เล่าเรื่องการท่องเที่ยวก็สามารถ สร้างรายได้ให้กับคุณได้ เพียงแต่คุณต้องลงมือทำ และอย่างที่บอกไปตอนต้น ถ้าคุณเก่งลำดับหนึ่งต้องทำอย่างน้อย 10,000 ชั่วโมงครับ
ดังนั้นจะเห็นว่าการทำแบบนี้เป็นการทำแบบเน้นปริมาณแต่จะทำให้เราเกิดความเชี่ยวชาญทำได้อย่างราบรื่นและเป็นธรรมชาติมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องเรียนรู้ ศึกษาเพิ่มเติม เมื่อเจอปัญหาหรือส่ิงที่ควรปรับปรับเพื่อให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้นครับ และอย่างน้อยสำหรับผมแล้วการได้เริ่มทำก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยครับ ดังนั้นแล้วผมแนะนำให้ทุกท่านลองเริ่มต้นทำจากสิ่งที่ชอบก็ได้ครับ เริ่มจากน้อยๆก่อน แล้วค่อยเพิ่มความถี่หรือปริมาณครับ
และยิ่งถ้าได้เป็นผู้ให้ อย่างการสอนหรือแนะนำให้คนอื่นดีขึ้น เก่งขึ้น ยิ่งจะทำให้มีกำลังใจในการทำสิ่งนั้นต่อๆไปครับ
ติดตามกันต่อตอนหน้านะครับ ว่าหลังจากที่เราเริ่มทำและทำได้ดีขึ้นแล้ว จะสามารถต่อยอดกันได้อย่างไรบ้างครับ
ขอให้มีความสุขกับการอ่านหนังสือ “ คนชนะทำแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ ” นะครับ
ขอบคุณท่านผู้อ่านที่ติดตามอ่านครับ พบกันใหม่ตอนหน้าครับ
KeY_MaN
โฆษณา