19 พ.ค. 2023 เวลา 06:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

หนุ่มญี่ปุ่น ว่าที่ 'เศรษฐีพันล้าน' ปั้นธุรกิจ AI ช่วยหาผู้สืบทอดกิจการ

ธุรกิจไร้ทายาทพุ่ง! นักธุรกิจญี่ปุ่นรุ่นมิลเลนเนียล วัย 32 ปี เตรียมขึ้นแท่น “เศรษฐีพันล้าน” หน้าใหม่เร็ว ๆ นี้ หลังพัฒนา AI ที่ช่วยแก้ปัญหาเจ้าของธุรกิจสูงวัย “ขาดผู้สืบทอดกิจการ” ในช่วงที่ญี่ปุ่นเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน “ญี่ปุ่น” กำลังเผชิญหน้ากับ “สังคมผู้สูงอายุ” อย่างหนัก หลังข้อมูลล่าสุดพบว่า มีประชากรผู้สูงอายุเกิน 65 ปีมากถึงกว่า 36 ล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่คนรุ่นใหม่กลับเลือกใช้ชีวิตโสดกันมากขึ้นและแต่งงานมีลูกกันน้อยลง
3
สถานการณ์นี้ยังส่งผลให้บรรดาผู้ประกอบการหรือเจ้าของกิจการรุ่นเก่าที่เป็นผู้สูงอายุและไม่มีทายาทโดยสายเลือด “ขาดผู้สืบทอดกิจการ” เพราะไม่รู้ว่าจะยกธุรกิจที่ตนสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงให้ใครบริหารหรือดูแลต่อ ซึ่งบริษัท “M&A Research Institute” ในกรุงโตเกียวของ “ชุนซากุ ซางามิ” นักธุรกิจญี่ปุ่น วัย 32 ปี ได้พัฒนานวัตกรรมที่ช่วยแก้เพนพอยต์นี้ ด้วยการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จับคู่เจ้าของธุรกิจในญี่ปุ่นกับผู้สืบทอดกิจการ
4
หุ้นพุ่ง 47% ตั้งแต่ต้นปี หนุนความมั่งคั่ง
นับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเมื่อเดือน มิ.ย.2565 หุ้นของ M&A Research Institute ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าจากราคาเปิดขายครั้งแรก และหากนับตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงปัจจุบัน ราคาหุ้น M&A Research Institute ทะยานถึง 47% เข้าไปแล้ว
จากภาวะหุ้นขาขึ้นดังกล่าว ทำให้ซางามิ ซึ่งถือหุ้น 72% ในบริษัท M&A Research Institute จ่อขึ้นแท่น “มหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์” คนใหม่ โดยข้อมูลจากดัชนีมหาเศรษฐีพันล้านบลูมเบิร์ก (Bloomberg Billionaires Index) ระบุว่า นับถึงวันที่ 16 พ.ค. ซางามิมีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 950 ล้านดอลลาร์ หรือราว 32,500 ล้านบาท!
1
บริษัท M&A Research Institute ซึ่งก่อตั้งในปี 2561 มีเป้าหมายในการช่วยบรรดาเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่เป็นผู้สูงอายุ ให้ประคับประคองธุรกิจของตนให้รอดพ้นจากการปิดกิจการ เพราะไม่มีใครมาบริหารต่อ
ข้อมูลของบริษัทฯ ระบุว่า ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีบริษัทที่ทำกำไรราว 620,000 รายในญี่ปุ่น เสี่ยงที่จะต้องปิดกิจการ เนื่องจากขาดผู้สืบทอดธุรกิจ
แรงบันดาลใจจากบทเรียนธุรกิจปู่
ซางามิ ซึ่งจบปริญญาตรีสาขาชีววิทยาและการเกษตรจากมหาวิทยาลัยโกเบ ให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กเมื่อไม่นานนี้ว่า ค้นพบแรงบันดาลใจในการเริ่มต้นธุรกิจนี้จากคุณปู่ของเขา ซึ่งจำต้องปิดกิจการบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตนในช่วงทศวรรษ 1980 หลังจากเกษียณ เนื่องจากไม่สามารถหาผู้สืบทอดธุรกิจนี้ได้
“ในสำนักงานของคุณปู่ มีใบอนุญาตตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ถูกใส่กรอบแขวนบนผนัง การได้เห็นใบอนุญาตนั้นถูกปลดออกผนังและโยนทิ้งไป เป็นเรื่องที่เศร้ามาก” ซางามิเผย
ขณะที่บริษัทของซางามินั้น สามารถปิดดีลควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ภายในเวลา 6 เดือน ซึ่งโดยทั่วไปเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลานานเกิน 1 ปี
ปัจจุบัน M&A Research Institute ซึ่งมีพนักงานราว 160 คน ให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าบริษัทที่มียอดขายปีละไม่เกิน 500 ล้านเยน (ประมาณ 125 ล้านบาท)
ช่วยปิดดีลไว ใน 6 เดือน
ข้อมูลจากหน้าเว็บไซต์ M&A Research Institute อ้างว่า ด้วยศักยภาพของ AI และข้อมูลที่มีกรรมสิทธิ์ ทำให้บริษัทสามารถปิดดีล M&A ให้ลูกค้าได้ภายในระหว่าง 49 วัน ถึง 6 เดือน จากปกติที่มักใช้เวลานานกว่า 1 ปี นับตั้งแต่ขั้นตอนยื่นคำร้องจนถึงปิดดีลสำเร็จ
1
อย่างไรก็ตาม บริษัทของซางามิจะไม่คิดค่าธรรมเนียมใด ๆ จนกว่าข้อตกลงซื้อหรือควบรวมกิจการจะเสร็จสมบูรณ์ เมื่อถึงตอนนั้น บริษัทจะคิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 5% ของมูลค่าดีล
1
ขณะที่บริษัทให้คำปรึกษาด้าน M&A รายอื่น ๆ ในญี่ปุ่น จะคิดค่าธรรมเนียมล่วงหน้าซึ่งอาจมีมูลค่าสูงถึงหลายสิบล้านเยน ถึงแม้สุดท้ายแล้วจะปิดดีลไม่สำเร็จก็ตาม
ข้อมูลจาก M&A Research Institute ระบุด้วยว่า บริษัทช่วยปิดดีล M&A ไปแล้ว 62 ดีลในช่วง 6 เดือนนับถึงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากตัวเลข 26 ดีลในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ไม่ใช่ธุรกิจแรกของซางามิธุรกิจโบรกเกอร์ M&A ไม่ใช่ธุรกิจแรกของซางามิ โดยเขาเคยเป็นนักออกแบบ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ และเจ้าหน้าที่การตลาด ก่อนออกมาเปิดกิจการเป็นของตัวเอง
ในปี 2560 ซางามิขายกิจการ “Alpaca” บริษัทแฟชั่นและเครื่องสำอางสตรีที่เขาก่อตั้งขึ้น ให้กับบริษัทประชาสัมพันธ์รายหนึ่งในญี่ปุ่น
จากนั้น เขาพบว่า บริษัทที่จัดการขั้นตอนทำข้อตกลง M&A นั้นยังมีไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงได้สร้างระบบที่มีอัลกอริทึม AI ซึ่งจะช่วยให้กระบวนทางธุรกิจคล่องตัวยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ราคาหุ้น M&A Research Institute ปรับลดลง 1.83% มาอยู่ที่ 9,100 เยน หลังปิดการซื้อขายในโตเกียวเมื่อวันพุธ (17 พ.ค.) ที่ผ่านมา
โฆษณา