Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หิ่งห้อย
•
ติดตาม
20 พ.ค. 2023 เวลา 15:39 • การเมือง
เดินทางสู่เป้าหมายเดียวกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นในดราม่าของการร่วมพรรคของชาติพัฒนากล้ากับก้าวไกล เป็นกระแสดราม่าที่เรียกได้ว่าเป็นพลังเสียงของโลกโซเชียลที่กดดันให้ทางพรรคก้าวไกลและคุณพิธาเองต้องออกมาขอโทษต่อพี่น้องประชาชนและทางพรรคได้ประกาศไม่ร่วมกับพรรคชาติพัฒนากล้า อีกทั้งการถอนตัวของ "พรรคใหม่" จากร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลเนื่องจากการถูกกดดันจากพลังเสียงโซเชี่ยลที่ขุดเจออดีต
สิ่งที่คุณพิธาและพรรคก้าวไกลต้องพบเจอคือ การถูกกดดันจากสังคมโดยเฉพาะโลกโซเชียล ที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อภาพลักษณ์และมุมมองต่อตัวคุณพิธาเองและพรรคก้าวไกล ทั้งนี้ด้วยความที่คุณพิธาและพรรคนั้นแบกรับความคาดหวังอย่างมากที่หนักอึ้งเอาไว้บนบ่า และที่แน่นอนก็คือ ไม่ใช่แค่คุณพิธาและพรรคเท่านั้น เราก็ได้เห็นถึงสิ่งที่เราอาจจะเปรียบได้ว่าเป็นการ "ล่าแม่มด" ทางโลกออนไลน์ อดีตคือสิ่งที่ได้เกิดขึ้นไปแล้วและยิ่งเป็นโลกออนไลน์ สังคมก็สามารถที่จะตามล่าตามขุดคุ้ยขึ้นมาเพื่อแขวนประจานได้หมด
หากเราลองค่อยๆนึกอย่างใจเย็นและมองมุมกว้าง สิ่งที่เราคนรุ่นใหม่และคนที่ต้องอยู่กับความลำบากนั้นต้องการในทิศทางเดียวกันก็คือ "การปิดตามอำนาจลุงๆ การแก้ไขกฎหมายที่ถ่วงประเทศไว้ และการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน" และแน่นอนว่า ฝ่ายประชาธิปไตยคราวนี้สามารถกอบโกยชัยชนะไปได้แบบทิ้งห่างจากอำนาจเก่าในระดับที่เยอะมาก แต่ถึงกระนั้น ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสามารถทำให้สร้างรัฐบาลประชาธิปไตยขึ้นมาได้
เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ คือการต่อสู้โดยที่เราต้องฝ่าด่านที่อำนาจเก่าได้สร้างเอาไว้เป็นกับดักที่จะเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับอำนาจเก่า แต่จะเป็นอุปสรรคต่างๆให้กับผู้ที่สามารถขึ้นมามีชัยได้อย่างฝ่ายประชาธิปไตย พรรคก้าวไกลและพรรคร่วมนั้นถึงแม้จะสามารถที่จะรวบรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ก็ยังต้องฝ่าด่านสว.ไปอีก อุปสรรคต่างๆมากมายกำลังรุมล้อม ทั้งไหนจะแผลเดิมที่เคยมีอย่างปมหุ้นสื่อและเรื่องยื่นยุบพรรคอีก
ภายใต้ฟากฟ้าที่ยังคงมืดดำทะมึนอยู่นั้น อีกทั้งศัตรูที่มีความเพียบพร้อมทั้งด้านข้อกฎหมายที่เอื้ออำนวยให้กับอำนาจเก่าและสว.ที่เราไม่สามารถที่จะการันตีความแน่นอนได้ว่า สว.อีก 60 กว่าคนจะเลือกให้พรรคก้าวไกลให้คุณพิธาหรือไม่ นั่นทำให้เราเห็นอีกว่า เรากำลังอยู่ภายใต้ความไม่ปกติทางการเมืองและกติกาของประเทศไทย การต่อสู้นี้จึงจำเป็นที่จะต้องมีกลยุทธ์และวิธีการในการที่จะแสวงหารวบรวมจำนวนเสียงที่จะมากพอจนเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภานี้ได้
การตัดสินใจของคุณพิธาและพรรคนั้น คือสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ในแฟนคลับที่เชียร์ก้าวไกล ด้วยเหตุผลเรื่องของอดีตคนนั้นคนนี้เคยเป่านกหวีดสมัยกปปส.หรือเคยยกมือโหวตให้คุณประยุทธ์เมื่อปี 62 แต่สิ่งนี้จะกลายเป็นว่าสร้างความลำบากในการแสวงหาคะแนนที่จะทำให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ มันกลายเป็นเหมือนเชือกที่รัดตึงคุณพิธาและพรรคไว้อย่างแน่น แล้วเราก็ไปคอยฉุดดึงเขาเมื่อเขาต้องการที่จะเลือกาทางในการที่จะสร้างความมั่นคงของฝ่ายประชาธิปไตย
ต้องทำความเข้าใจกันเสียก่อนว่า อย่างที่ได้กล่าวไปนั้นคือ การเมืองประเทศไทยเรา ณ ตอนนี้ กำลังถูกครอบงำโดยอำนาจเก่าที่ได้สร้างผลผลิตเอาไว้ทั้งกฎหมาย ยุทธศาสตร์ชาติ หรือแม้กระทั่งสว.ที่เกิดจากคสช.ที่เป็นสารตั้งต้น นั่นแปลว่าการต่อสู้ของคุณพิธาและฝ่ายประชาธิปไตยกับอำนาจเหล่านี้นั้นมันไม่ง่ายเลย เราอาจจะมองว่าเพียงไม่กี่เสียง ไม่มีค่าอะไรมากมายขนาดนั้น แต่จงอย่าลืมว่า แม้เพียงตัวเลขเดียว ก็สามารถกำหนดชะตาและทิศทางได้
อีกสิ่งสำคัญคือ บทเรียนความเจ็บปวดจากประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ผ่านมา เราเข้าใจถึงความเจ็บปวดนั้นว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่มีทางที่จะลบเลือนไปจากจิตใจได้ แต่ถึงอย่างนั้น เราลองถามตัวเองกันดูว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานั้น เราจะเอามันมาเป็นบทเรียนในการ "สร้างสันติภาพ" หรือยังคงเอามันมาเป็น "ความจงเกลียดจงชัง" จนเปรียบได้ดั่งกับการล่าแม่มด เราจะไม่สามารถให้โอกาสคนเหล่านั้นที่เรามองว่าทำผิดพลาดในอดีต ได้กลับตัวกลับใจผ่านการแสดงความสามารถในการทำงานเลยอย่างนั้นหรือ?
อีกสิ่งสำคัญคือ หากเราอยากปิดตายอำนาจเก่า เราต้องช่วยกันทำให้คุณพิธาและพรรคร่วมได้เข้าไปทำงานแสดงความสามารถ อย่าลืมว่า เป้าหมายหนึ่งที่แน่นอนคือ "เราไม่เอาลุง" ต่างหาก ฉะนั้น ภายใต้ความไม่ปกตินี้ เราควรที่จะต้องรู้ว่าอะไรจะเป็นกลยุทธ์ในการต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตยได้ ที่มีมากกว่าแค่คำว่าอุดมการณ์ หากมีอุดมการณ์แต่ไร้ซึ่งการแสวงหาวิธีการและกลยุทธ์ในการต่อสู้กับความไม่ปกติ สุดท้ายแล้วหากเราพ่ายแพ้ แล้วอุดมการณ์จะมีความหมายอะไร เราต้องทำให้ประชาธิปไตยได้บริหาร ไม่ใช่ให้เขาไปเป็นฝ่ายค้าน
ดังนั้น อะไรที่จะสามารถยืดหยุ่นได้ เราก็ควรที่จะยืดหยุ่นบ้าง อะไรก็ตามที่ตึงมาก สุดท้ายมันย่อมที่จะขาดไป การต่อสู้กับความไม่ปกติเพื่อให้ได้มาซึ่งความปกติ เราต้องมีวิธีการมาพร้อมกับอุดมการณ์ด้วย เมื่ออุดมการณ์คือเป้าหมาย วิธีการเพื่อให้เราได้บรรลุเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เราจะเอามือเปล่าสู้กับคนมีปืนมีเกราะ เราจะชนะได้อย่างไรหากเราไม่มีกลยุทธ์วิธีการชั้นเชิงในการต่อสู้ เราต้องไม่ทำให้หลายสิบล้านเสียงที่เลือกคุณพิธาและพรรคมาต้องไร้ความหมาย
การเตือนกันสามารถทำได้ แต่ขณะเดียวกันเราต้องเข้าใจคนที่ถูกเตือนด้วย เขากับเราต้องสู้เช่นกันแต่เราต้องสู้กันคนละบริบท เพราะเราต่างหน้าที่กัน เราควรที่จะเป็นกำลังใจและพยายามหาทางผลักดันให้คุณพิธาและพรรคร่วมได้ขึ้นสู่อำนาจให้เขาได้แก้ไขและเปลี่ยนให้สมกับที่เราบอกว่าเราได้กลิ่นความเจริญกัน และบาดแผลที่เกิดขึ้นนั้น เราควรที่จะเก็บมันไว้เป็นบทเรียนกับเราเพื่อที่ให้เรานั้นหาทางที่จะยุติความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นไม่ให้มันซ้ำรอยอีก
เรียนรู้เพื่อสร้าง "สันติภาพ" ไม่ใช่การสร้าง "ความเกลียดชัง" ที่ไม่จบสิ้น
ให้เขาได้เข้าไปบริหาร ให้เขาได้ไปแก้ไขความไม่ปกติทางการเมืองนี้อย่างทีละขั้นทีละตอน ความเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้มาแบบทันทีรวดเดียว แต่เราจะค่อยเปลี่ยนแปลงมันทีละก้าว เพื่อท้ายที่สุดในอนาคตข้างหน้า เราจะได้สร้างความสมดุลและสมบูรณ์ของการเมืองประเทศไทยในอนาคตที่มันจะกลับสู่ความเป็นปกติ เราต้องเป็นกำลังใจเป็นแรงผลักดัน ไม่ใช่เป็นผู้ไปทำลายเสียเอง ในฐานะที่เลือกเขามา เราต้องความเคารพในการตัดสินใจบ้าง ให้เขาได้เรียนรู้และแสดงฝีมือออกมา
อะไรที่ต้องถกกันพูดคุยกัน ก็ให้เข้าสู่กระบวนการทางรัฐสภาที่ถูกต้องเพื่อปรึกษาหารือกันต่อ ความเป็นจริง ณ ตอนนี้ฝั่งประชาธิปไตยยังต้องการเสียงอีกจำนวนไม่น้อยเลยเพื่อที่จะสามารถเข้าไปสู่การบริหารและแก้ไขได้ การเจรจาพูดคุยเพื่อการแสวงหาจุดร่วมและสงวนจุดต่างที่จะสามารถปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่อำนาจเก่าได้สร้างเอาไว้ เรายึดอุดมการณ์ไว้ในใจแล้วใช้สมองในการหาวิธีการและกลยุทธ์ในการต่อสู้เพื่อชัยชนะของประชาธิปไตยต่อไป
1 บันทึก
7
1
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย