เปิดเรื่องแรกมาคือรอมแมนติก-คอมมีดี้ที่ใจฟูเรื่องหนึ่งอย่าง A Galaxy Next Door เป็นเรื่องราวของนักเขียนมังงะที่ตั้งใจทำงานเพื่อเลี้ยงดูน้องทั้งสองคน กับเรื่องราวความรักระหว่างเขาและผู้ช่วยสาวผู้ซึ่งเป็นเจ้าหญิงจากเกาะหนึ่ง เนื้อเรื่องไม่มีปมปัญหาอะไรที่ต้องเครียดปวดตับหรือปวดใจ น้อง ๆ ของพระเอกก็ไม่มีมีความน่ารำคาญเหมือนตัวละครแบบเดียวในกันเรื่องอื่น ๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดูไว้พักใจกับช่วงเวลาตึง ๆ ได้เรื่องหนึ่ง
แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่มีปัญหากับเรื่องนี้เหมือนกัน แท้ที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะผมเองก็มีความเรื่องมากเรื่องการทำอนิเมชั่นมากพอสมควร และหลายเรื่องที่เลิกดูก็เพราะอนิเมชั่นไม่สวยงาม หรือไม่มีความพยายามในการสร้าง แต่เรื่องนี้ ผมว่าจะมีอนิเมชั่นที่หยาบ เหมือนเอาหน้าในมังงะมาลงสี แต่ก็ได้อารมณ์ความเป็นอนิเมะแนวตลก ลักษณะคล้ายกับ The Way of the House Husband
Insomniacs After School (Kimi wa Houkago Insomnia)
4. Insomniacs After School
ต่อมาก็จะดูเรื่องที่มีองค์ประกอบโรแมนติกมากขึ้นมาอีกหน่อย อย่าง Insomniacs After the School อนิเมะ Feel Good อีกเรื่องหนึ่งที่เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก แต่ให้อารมณ์ความคิดถึงแปลก ๆ ทั้ง ๆ ที่เนื้อหาของเรื่องไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเราเลย เรื่องราวเล่าเรื่องหนุ่มสาวม. ปลายที่เป็นโรคนอนไม่หลับ (อ้อ หรือเพราะโรคนอนไม่หลับนั้นทำให้รู้สึกเข้าถึงได้ง่ายขึ้น) และเรื่องราวของพวกเขายามค่ำคืน
เรื่องนี้ให้อารมณ์คล้าย ๆ กับ Call of the Night ที่ไม่ได้มีองค์ประกอบเหนือธรรมชาติหรือเนื้อหาให้ติดตาม ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า Call of the Night ให้อารมณ์ความเงียบสงบของค่ำคืนดีกว่า แต่ Insomniacs After School ให้อารมณ์ที่มีพื้นฐานจากความเป็นจริงมากกว่า เรื่องนี้ที่ผมชื่นชมคือลายเส้นของภาพและตัวละครที่มีสัดส่วนเหมือนจริงมากกว่าอนิเมะเรื่องอื่น ๆ กล่าวคือ ดูแล้วให้อารมณ์เหมือนว่าทั้งคู่ยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่จริง ๆ และทำให้คิดถึงตัวเองตอนเป็นนักเรียนที่ไม่ได้มีอะไรหวานแหววแบบนั้นแม้แต่น้อย
Kubo won't let me be invisible (Kubo-san wo Mob wo Yurusanai)
7. Kubo won’t let me be invisible
เรื่อง Kubo-san นี้จริง ๆ แล้วเป็นอนิเมะของซีซั่นที่แล้ว ที่ดีเลย์และเลื่อนมาฉายต่อในซีซั่นนี้ ส่วนตัวแล้วผมติดตามเรื่องนี้ตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว พร้อมกับเรื่อง The Angel Next Door รวมกันแล้วอาจจะทำให้เป็นเบาหวานได้ (ทั้งซีซั่นที่แล้วและซีซั่นนี้ทำให้ผมต้องลดระดับการบริโภคน้ำตาลต่อวันไปเยอะเลย)
ตัวอนิเมชั่นไม่มีอะไรหวือหวา เรื่องราวดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมจึงติดตามอยู่ แต่พอดูแล้วรู้สึกใจชื้อ ก็เลยดูต่อไป อาจจะเป็นเพราะความสบายใจก็ได้ ในบรรดาอนิเมะในลิสต์นี้ Kubo-san และ A Galaxy Next Door เป็นเรื่องที่แทบจะไร้ซึ่งดราม่า พอคิดว่าอนิเมะหลายเรื่องของซีซั่นนี้มีเนื้อหาที่หนัก มันต้องถ่วงดุลด้วยอนิเมะที่มีเนื้อหาเบาไปด้วย
The Dangers in My Heart (Boku no Kokoro no Yabai Yatsu)
10. The Dangers in My Heart
ส่วนโรมแมนซ์ที่ทำได้เกินมาตรฐานของฤดูกาลนี้ แน่นอนว่าผมลำเอียง ก็คือ Boku no Kokoro no Yabai Yatsu เรื่องนี้ผมคงไม่ต้องพูดอะไรเยอะ เพราะพูดถึงไปแล้วในโพสแนะนำอนิเมะประจำฤดูใบไหม้ผลิ 2023
ฤดูกาลนี้มีอนิเมะแนวโรแมนซ์มากมาย มีตั้งแต่ความรักในวัยม.ต้น อย่าง The Dangers in my Heart ความรักวัยม.ปลาย อย่าง Skip and Loafer ความรักวัย.มหาลัย อย่าง Yamada-Kun และความรักวัยทำงาน อย่าง A Galaxy Next Door
ใช่แล้วครับ แม้ว่าผมจะเชียร์ The Dangers in My Heart สุดใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า Oshi no Ko ครองตำแหน่งอนิเมะที่ชื่นชอบที่สุดของฤดูกาล หากถามว่าชอบอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือชอบเพียงเพราะว่าเป็นเรื่องที่มีคนพูดถึงกันอยู่อย่างมาก ผมก็มีเหตุผลของผมเหมือนกัน หนึ่งเลย ผมชื่นชมผลงานของอาจารย์อาคาซากะ อากะ ผู้ที่เขียน Kaguya-Sama อย่างมาก อันนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมลำเอียง
Kaguya-same: Love is War - The First Kiss That Never Ends (Kaguya-same wa Kokurasetai: First Kiss wa Owaranai)
อื่น ๆ
ช่วงฤดูกาลนี้มีอนิเมะเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ได้นับว่าเป็นอนิเมะประจำฤดูกาลอยู่ และผมก็ตามดูไปเรียบร้อยแล้ว เช่น Oergairu OVA 3 ที่ออกเมื่อปลายเดือนเมษายน ช่างเป็นอนิเมะที่น่าคิดถึงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเหล่าตัวละครทั้งหลาย เรื่องนี้ผมชอบการพากษ์ตัวละครเป็นพิเศษด้วย นอกจากนั้นมี Kaguya-sama – The First Kiss That Never Ends ซึ่งเป็นเรื่องราวต่อจากจนจบของภาคที่แล้ว ความฮายังคงเส้นคงวา แต่ต้องพร้อมรับแรงกระแทกของเนื้อหาภาคต่อไปด้วย
แน่นอนว่ามีเรื่องอื่นอีกมากมายที่ผมไม่ได้ดูในฤดูกาลนี้ ทั้งที่อาจจะดูก็ตาม เช่น Ranking of Kings แต่ผมยังไม่ได้ดูภาคก่อนหน้านี้ และต้องไปตามดูให้ได้ด้วย และที่น่าสนใจ แต่ผมไม่อยากดู เช่น My Home Hero ที่ดูทรงแล้วคงทำให้หดหู่เกินไป หรือ Dr. Stone ที่ผมยังไม่เคยดูภาคก่อนหน้า (และก็ไม่คิดว่าจะดูด้วย)