24 พ.ค. 2023 เวลา 14:55 • สุขภาพ

office syndrome นวดแล้วทำไมไม่หายขาด

อาการยอดฮิต office syndrome
เกิดจากพฤติกรรมการใช้ร่างกายอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเป็นประจำ เช่นนั่งทำงานหน้าคอม ใช้งานมือถือ ที่ต้องก้มหรือยื่นคอไปข้างหน้าค้างไว้หลายชั่วโมงติดต่อกัน โดยไม่รู้ตัวนั่นเอง
แล้วทำไมการอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานๆถึงทำให้เกิดอาการปวดได้ล่ะ?
อธิบายอย่างนี้ครับร่างกายเราจะมีระบบป้องกันตัวเองแบบอัตโนมัติที่เรียกว่า autonomic nervous system ซึ่งจะเป็นการทำงานของสมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสัญชาตญาณการป้องกันตัว ทำงานร่วมกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เมื่อร่างกายตรวจสอบได้ว่ามีอันตรายกำลังเกิดขึ้น
เช่นโดนกระแทกจากอุบัติเหตุ หรือมีร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งที่ถูกกดทับและต้องแบกรับน้ำหนักเป็นเวลานานๆ ถ้าเราไม่เปลี่ยนท่าทางอาจจะเกิดอันตรายกับร่างกายส่วนนั้นได้ สมองจึงสั่งให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นเกร็งตัวขึ้นมาโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเพิ่มขึ้นได้กับร่างกายนั่นเอง
น้ำหนักหัวเพิ่มตามแรงโน้มถ่วง
ขอยกตัวอย่างอาการปวดต้นคอเวลานั่งทำงานหน้าคอมหรือใช้มือถือเป็นเวลานานๆเมื่อท่าทางการใช้งานที่ต้องยื่นหรือก้มคอเป็นเวลานานๆ ทำให้กระดูกต้นคอโค้งไปด้านหน้า....
หนักมากสุดได้ถึง 27 กิโลกรัม
ลองนึกภาพตามนะครับน้ำหนักเฉลี่ยของหัวคนเรามีน้ำหนัเฉลี่ยประมาณ 5 กิโลกรัม ถ้าเราก้มคอไปด้านหน้าและค้างไว้แบบนั้นระยะหนึ่ง น้ำหนักของหัวคนเราจะเพิ่มมากขึ้นสูงสุดประมาณ 27 กิโลกรัมได้เลยครับ!!
แรงกดทำให้หมอนรองกระดูกปลิ้นทับเส้นประสาทได้
นั่นแปลว่ากระดูกต้นคอต้องแบกรับน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว ส่งผลให้หมอนรองกระดูกปลิ้นมาด้านหลังไปเบียดเส้นประสาทที่อยู่หลังคอ ทำให้เกิดความเสียหายต่อหมอนรองกระดูกและเส้นประสาทบริเวณนั้น ระบบการป้องกันตัวเองของร่างกายจะเริ่มทำงานโดยการสั่งให้กล้ามเนื้อบริเวณต้นคอเกร็งต้านไว้ หากยังมีพฤติกรรมแบบนี้ทุกวันวันละหลายชั่วโมงติดต่อกันเป็นเดือนเป็นปีอาการปวดแบบเรื้อรังที่รู้จักกันว่าออฟฟิศซินโดรมจึงเกิดขึ้นนั่นเอง
แล้วเราจะแก้ไขหรือป้องกัน office syndrome ยังไงล่ะ?
ศาสตร์บำบัดดั้งเดิมของญี่ปุ่น
- การแก้ไข : "เหตุเกิดที่ไหน ดับที่นั่น"
เมื่อเหตุเกิดจากระบบป้องกันตัวเองของร่างกายเมื่อได้รับสิ่งกระทบ การที่เราไปเค้นหรือนวดคลึงกล้ามเนื้อไม่เพียงไม่หายจากอาการ แต่ซ้ำยังไปกระตุ้นให้ระบบร่างกายเข้าใจว่ากำลังโดนกระทบมากเข้าไปอีก ก็ยิ่งเกร็งเพิ่มมากขึ้น
การแก้ไขแบบ Once and for all คือต้องส่งสัญญาณใหม่ให้สมองว่าร่างกายปลอดภัยแล้วไม่ได้อยู่ในขั้นวิกฤต เมื่อสมองรับรู้แล้วก็จะส่งสัญญาณกลับเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ซึ่งวิธีนี้เป็นคุณสมบัติพิเศษของศาสตร์บำบัดดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่ทั้งนุ่มนวล แต่มีประสิทธิภาพ ไม่เจ็บปวดเพิ่มขึ้นจากการบำบัด ปลอดภัยต่อคนทุกเพศทุกวัยตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงคนอายุ 100 ปี ที่นอกจากผ่อนคลายร่างกายแล้วยังรู้สึกผ่อนคลายจิตใจอีกด้วย
- การป้องกัน : คือการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ร่างกาย ไม่อยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกิน 30 นาที สามารถตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อเตือนตัวเองได้ เช่นนั่งทำงานหน้าคอมพอครบ 30 นาทีให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนท่าทางเดินไปเดินมาเปลี่ยนอิริยาบถไปทำอย่างอื่นสัก 1-2 นาทีแล้วค่อยกลับมานั่งทำงานต่อ แต่ถ้าไม่สามารถลุกออกจากงานนั้นได้จริงๆ ก็ต้องพยายามลุกขึ้นยืนเปลี่ยนท่าทางบ้างหรือจะขยับน้ำหนักของก้นนั่ง เช่นลงน้ำหนักตรงกลางอยู่ก็ให้ขยับไปลงน้ำหนักทางด้านซ้ายบ้างขวาบ้าง ก็พอจะช่วยได้อยู่
ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
และที่สำคัญต้องมีการยืดเหยียดร่างกาย กล้ามเนื้อบ้าง เดินออกกำลังกายเบาๆบ้าง ให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่น พอยืดหยุ่นก็จะเกิดปัญหาน้อย
การจะแก้ไขหรือบำบัดอาการเหล่านี้ขึ้นกับความหนักเบาของอาการบางกรณีบำบัดครั้งแรกก็หายเลย แต่บางต้องใช้ระยะเวลานานกว่าปกติ ความสม่ำเสมอในการบำบัดเป็นสิ่งสำคัญ
ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
สุดท้ายนี้อยากชวนเพื่อนๆ
"ตั้งปลุกลุกขยับทุก 30 นาที เพื่อความไม่เจ็บปวด(ป่วย)" กันนะครับ
โฆษณา