MK แมคโดนัลด์ สตาร์บัคส์ ไม่ต้องก่อตั้งบริษัทด้วยตนเอง ก็สำเร็จได้
ปกติเวลานึกถึงคนที่ทำธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จ หลายคนก็น่าจะนึกถึงเจ้าของธุรกิจที่ปั้นกิจการด้วยตัวเองมาตั้งแต่แรก
จริง ๆ แล้ว มันก็อาจไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะมีหลายธุรกิจบนโลกใบนี้ ที่ไม่ได้เริ่มปั้นธุรกิจจากศูนย์
วันนี้ เรามาดูกันว่ามีธุรกิจไหนบ้าง
ที่ผู้บุกเบิกไม่ได้ปลุกปั้นขึ้นมาเอง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าจะยกตัวอย่างสักบริษัท แบรนด์ที่เราน่าจะคุ้นเคยกันดีเลยก็คือ ธุรกิจร้านสุกี้ MK
รู้ไหมว่าเจ้าของ MK อย่าง คุณฤทธิ์ ธีระโกเมน ไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจมาตั้งแต่แรก
แต่เป็น คุณป้าทองคำ เมฆโต แม่ยายของคุณฤทธิ์ ที่ซื้อกิจการต่อมาจากชาวฮ่องกง ที่ชื่อ คุณมาคอง คิงยี ที่ในตอนนั้นตัดสินใจย้ายครอบครัวไปอยู่ที่เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งในตอนแรก สุกี้ MK เป็นเพียงร้านอาหารไทยขนาดเล็ก ย่านสยามสแควร์ มีพื้นที่แค่ 1 คูหา มีขนาดเพียงห้องใต้ตึกแถวห้องหนึ่ง
แต่ทั้งคุณป้าทองคำและคุณฤทธิ์ ก็เป็นผู้มองเห็นโอกาส และเข้ามาปั้นธุรกิจร้านสุกี้แห่งนี้ให้เติบโต
จน MK สามารถจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ ปัจจุบัน มีมูลค่าบริษัท มากถึง 45,000 ล้านบาท
นอกจากในไทยแล้ว ในต่างประเทศก็มีตัวอย่างให้เห็นอีกเหมือนกัน แถมยังเป็นแบรนด์ที่เรารู้จักกันดีด้วย นั่นก็คือ แมคโดนัลด์และสตาร์บัคส์
เริ่มกันที่ธุรกิจฟาสต์ฟูดอย่างแมคโดนัลด์
หลายคนอาจคุ้นชื่อของสองพี่น้องแมคโดนัลด์ ผู้ก่อตั้งเชนฟาสต์ฟูด ชื่อเดียวกันกับพวกเขา
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ที่เรารู้จักแมคโดนัลด์ได้นั้น เป็นผลงานของนักธุรกิจ ที่ชื่อว่าคุณ Ray Kroc
จริง ๆ แล้ว คุณ Ray Kroc เป็นเพียงผู้ขายเครื่องทำมิลก์เชกให้กับแมคโดนัลด์ โดยทำงานประจำมายาวนานถึง 15 ปี
แต่เขาก็ได้พบว่า แมคโดนัลด์ มีศักยภาพที่จะเติบโตไปได้อีกไกล เพราะเป็นเพียงร้านเดียว ที่ยังคงออร์เดอร์เครื่องทำมิลก์เชกเพิ่มเติม ทั้ง ๆ ที่ตลาดโดยรวมซบเซา
ด้วยความแปลกใจ เขาจึงไปศึกษาดูงานหน้าร้านแมคโดนัลด์ เพื่อตอบคำถามในใจว่า ทำไมร้านแห่งนี้ ถึงยังขยายกิจการเพิ่มเติมได้ สวนทางกับร้านอื่น
คุณ Ray Kroc พบว่า แมคโดนัลด์ มีวิธีการบริหารงานที่แตกต่าง จนสามารถเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าได้ใน 30 วินาที
เขาจึงไม่รอช้า ทั้งไปขอสิทธิ์การขายแฟรนไชส์ ร่างสัญญาจนขยายสาขาไปทั่วสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ แต่ต่อมาก็ได้ขัดแย้งกับผู้ก่อตั้งอย่างสองพี่น้องแมคโดนัลด์ จนในปี 1961 คุณ Ray Kroc ก็ได้ขอซื้อแมคโดนัลด์สาขาแรกต่อมาจากสองพี่น้องแมคโดนัลด์
หลังจากได้แมคโนนัลด์มาอยู่ในมือ คุณ Ray Kroc ก็ได้สร้างการเติบโตให้กับบริษัท จนกลายเป็นแบรนด์เชนร้านฟาสต์ฟูดใหญ่สุดในโลก
ปัจจุบัน แมคโดนัลด์ มีมูลค่ามากถึง 216,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7,300,000 ล้านบาท..
อีกแบรนด์ที่มีเรื่องราวคล้ายกับแมคโดนัลด์เลย ก็คือ สตาร์บัคส์
คุณ Howard Schultz เจ้าของสตาร์บัคส์ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเอง
แต่เขาเป็นแค่คนที่ชื่นชอบในกิจการ ซึ่งก็ชอบในระดับที่ไปโน้มน้าวให้เจ้าของเดิม รับเขาเข้าไปเป็นพนักงาน..
แต่เส้นทางการเป็นเจ้าของสตาร์บัคส์ของคุณ Schultz ก็ไม่ได้เริ่มขึ้นในทันที
คุณ Schultz ออกไปเปิดร้านกาแฟของตัวเองก่อน ชื่อว่า Il Giornale
ก่อนที่ต่อมา เจ้าของสตาร์บัคส์ จะตัดสินใจขายกิจการให้กับชายหนุ่มคนนี้
คุณ Schultz ได้นำร้านกาแฟของเขาที่ชื่อ Il Giornale ควบรวมกับสตาร์บัคส์ที่ซื้อมา เข้าด้วยกัน โดยเงินทุนส่วนหนึ่งมาจากความช่วยเหลือของคุณ William Gates พ่อของคุณ Bill Gates
นอกจากพ่อของผู้ก่อตั้ง Microsoft จะเข้ามาช่วยเหลือด้านเงินทุนแล้ว ก็ยังเข้ามาช่วยพูดคุยกับนักลงทุนด้วย เพราะเห็นถึงความมุ่งมั่นของคุณ Schultz
ซึ่งก็ดูเหมือนว่า พ่อของคุณ Bill Gates เลือกถูกคน เพราะวันนี้ กาแฟสตาร์บัคส์ กลายเป็นเชนร้านกาแฟอันดับ 1 ของโลก และมีมูลค่าบริษัท 4,100,000 ล้านบาท..
นอกจากเรื่องราวที่เล่ามานั้น ก็ยังมีนักธุรกิจอีกหลายคน ที่แม้จะไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจมาเองตั้งแต่แรก แต่ก็สามารถปั้นบริษัทให้ประสบความสำเร็จ จนเป็นเศรษฐีได้
แล้วเรา ได้ข้อคิดอะไร จากเรื่องนี้ ?
จะเห็นได้ว่าในบางครั้ง แม้ตัวเราเองจะไม่ได้เป็นผู้คิดค้น หรือก่อตั้งอะไรขึ้นมาตั้งแต่แรก แต่เราก็สามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน
สิ่งสำคัญที่เราต้องมี ก็คือ การมองเห็นถึงโอกาส ในระดับที่แม้แต่ตัวผู้ก่อตั้งยังมองไม่เห็น
และก็ไม่ใช่เพียงแค่มอง เพราะต้องลงมือทำ เพื่อให้เป็นไปตรงกับภาพที่มองเอาไว้ด้วย อย่างตัวอย่างในบทความนี้ ทั้ง MK แมคโดนัลด์ และสตาร์บัคส์ ที่ผู้ก่อตั้งเดิมสร้างเอาไว้ดีอยู่แล้ว และมีผู้สานต่อ จนแบรนด์ไปได้ไกลกว่าเดิม
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้หรือไม่ว่า คุณอีลอน มัสก์ ก็ไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้ง Tesla แต่มองเห็นโอกาสในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า จึงได้เริ่มเข้าไปลงทุน และเข้ามาบริหาร จนบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดด
จนวันนี้ Tesla เป็นบริษัทรถยนต์ มูลค่า 18,000,000 ล้านบาท
ใหญ่กว่าเจ้าตลาดเดิมอย่าง Toyota เป็น 3 เท่า และขึ้นมาติด 1 ใน 10 บริษัท ที่มีมูลค่ามากสุดในโลก..
ใครอยากมีความรู้เรื่องตลาดหุ้น ลงทุนแมนแนะนำ หนังสือ BLACK SWAN เล่มนี้ ราคา 380 บาท ที่เล่าถึงความล้มเหลวก่อนที่จะสำเร็จของนักลงทุนในตำนาน 12 คน สามารถสั่งซื้อ ได้ที่
- 80
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
