ในปี ค.ศ. 1885 เริ่มทำการขยายแบรนด์ ออกสู่ต่างประเทศ โดยทำการเปิดสาขาที่กรุง London ประเทศอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ. 1888 และก้าวไปสู่การเปิดสาขาอื่น ๆ อีกหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น New York, Buenos Aires, Berlin และ Paris ในปีต่อมา
complicated pocket watch ภายใต้ชื่อ “The Universelle”
ในปี ค.ศ. 1993 ได้ถือกำเนิดนาฬิการุ่น Royal Oak Offshore ซึ่งถือว่าเป็นนาฬิกาที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากนาฬิการุ่น Royal Oak โดยจุดประสงค์เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น
รวมถึงกลุ่มคนที่มีสไตล์เป็นของตัวเองและไม่ชอบความจำเจ ในครั้งนี้ ทางแบรนด์ได้ว่าจ้างนักออกแบบรุ่นใหม่ นามว่า Emmanuel Gueit เพื่อทำการออกแบบนาฬิกา Royal Oak Offshore
Royal Oak Offshore โดดเด่นด้วยความเป็นสปอร์ตที่อัดแน่นอยู่ในตัว มาพร้อมกับหน้าปัดที่มีขนาดใหญ่ 42 มิลลิเมตร ภายใต้เอกลักษณ์กรอบแปดเหลี่ยมแบบดั้งเดิม เพิ่มเติมคือภาพลักษณ์ที่ดูแข็งแกร่งดุดัน
Royal Oak Offshore
จนได้รับการขนานนามว่า “The Beast” กับดีไซน์ที่ได้รับการออกแบบอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นส่วนโค้งที่เชื่อมสายข้อมือ ปุ่มกดด้านข้าง เม็ดมะยมติดซีลยางที่มีดีไซน์แบบร่วมสมัย หน้าปัดลายตาราง Tapisserie อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์