27 พ.ค. 2023 เวลา 14:37 • ธุรกิจ

วิธีเติบโตแบบ 10X เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ใน 1 ปี จนคนรอบข้างยังจำไม่ได้ !!

รู้ไหมครับว่าคนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ล้มเหลวนั้นแตกต่างกันที่ตรงไหน ?
การตั้งเป้าหมาย เพราะนี่เป็นเหมือนเข็มทิศที่ช่วยให้เราเดินไปถึงเส้นชัยได้นั่นเอง
ส่วนใหญ่แล้วเมื่อเราพิชิตเป้าหมายแรกสำเร็จ เราก็มักจะตั้งเป้าหมายใหม่เพื่อให้รู้สึกชาลเลนจ์ตัวเองตลอดเวลาใช่ไหม
แต่ปัญหาคือเมื่อสิ่งที่เราต้องการมันสำเร็จไปแล้ว ต่อไปเราควรตั้งเป้าหมายต่อไปให้ใหญ่ขนาดไหนดี ?
วิธีที่ง่ายที่สุดคือก็ตั้งเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นเท่าตัว ถ้าเคยสร้างยอดขายได้เดือนละ 1 แสนบาท ก็ให้ตั้งเป้าเป็นเดือนละ 2 แสนบาท
ซึ่งเมื่อก่อนผมก็ใช้วิธีแบบนี้แหละ แต่ผลสุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ได้มันไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก เพราะมันไม่ได้ท้าทายเรามากพอ และวิธีการที่ใช้ก็เหมือนเดิมเลย เคยทำแบบไหนสำเร็จก็จะทำแบบนั้นต่อไป
จนผมได้มาลองศึกษาวิธีการตั้งเป้าหมาย และก็ได้ค้นพบเจอสูตรลับเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิม 10 เท่า หรือเรียกง่ายๆว่า 10X
ปัญหาที่สำคัญเวลาเราทำตามเป้าหมายได้สำเร็จแล้วก็คือ เราจะดีใจกับมันแค่แปปเดียว สักพักจะมีอยู่หนึ่งความคิดที่เข้ามาในหัวคือ แล้วยังไงต่อวะ ?
แล้วทำไมผมถึงบอกว่าถ้าเปลี่ยนเป้าหมายใหม่เป็น 2X มันถึงไม่ท้าทาย ?
เพราะว่าเราจะทำแบบเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือสปีดตัวเองให้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
อย่างเช่นถ้าเราต้องการลดน้ำหนักแล้วตั้งเป้าที่ 2-3 โล เชื่อไหมครับว่าคนส่วนใหญ่จะดูไม่ออกเลยว่าหุ่นของเรานั้นเปลี่ยนแปลงไป แต่ถ้าเราฟิตมาก ตั้งเป้าหมายใหญ่ไปเลยว่าจะลด 10 โล ผมว่าเดินไปไหนต้องมีคนทักอย่างแน่นอน
การตั้งเป้าหมายแบบนี้มันไม่ใช่แค่ Change แต่มันคือการ Transform คือเปลี่ยนเยอะมากเหมือนเป็นคนละคนเลย
แล้วทีนี้เราจะต้องเริ่มต้นยังไง ?
1. ให้เขียนในสิ่งที่เราต้องการหรืออยากจะเป็น อย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ บอกไว้ว่าให้เขียนสิ่งที่ต้องการมา 30 อย่าง แล้วคัดให้เหลือแค่ 5 อย่างที่ต้องการที่สุด จากนั้นก็โฟกัสมันให้เต็มที่
2. หา Why ให้เจอว่ามันเป็นสิ่งที่เราต้องการจริงๆไหม และเราอยากมีมันไปทำไม เพราะหลายๆคนตั้งเป้าหมายตามคนอื่น สุดท้ายลงมือทำได้ไม่นานก็ล้มเลิกไปกลางทางเสียก่อน
3. เป้าหมายที่ตั้งไว้ต้องท้าทาย ห้ามเล็กหรือใหญ่เกินไป ให้ดีควรเป็นเป้าหมายที่เกือบจะเอื้อมถึง เพราะมันจะได้ชาลเลนจ์ตัวเราเอง
4. เขียนแผนการว่าต้องทำอะไรบ้าง เพราะเป้าหมายที่ไร้แผนการมันไม่ต่างจากเรื่องเฟ้อฝัน จึงไม่แปลกเลยที่ทำไมมันถึงไม่สำเร็จสักที
5. กำหนดระยะเวลาไว้เสมอ เคยสังเกตุไหมครับว่าทำไมพอถึงเดตไลน์เรามักจะถึงรีบลงมือทำ การตั้งเป้าหมายที่ดีก็ควรมีระยะเวลาที่ชัดเจน เพราะสุดท้ายเราก็จะไม่ได้ลงมือทำสักที
6. ห้ามเปลี่ยนเป้าหมายโดยเด็ดขาดจนกว่าจะทำมันสำเร็จ อย่าลดเป้าหมายเพียงเพราะคิดว่าทำมันไม่ได้ แต่ให้ใช้ความพยายามมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
มีอยู่ประโยคนึงที่ผมชอบมากๆคือ เป้าหมายให้เขียนบนศิลา แต่วิธีการให้เขียนบนผืนทราย คือเป้าหมายที่ดีต้องห้ามเปลี่ยนบ่อย ส่วนวิธีการเราต้องปรับเปลี่ยนมันตลอดเวลา อย่าไปยึดติดกับวิธีการเดิมๆ
7. ใช้เวลากับเรื่องเป้าหมายให้มากที่สุด เพราะนี่จะเป็นเหมือนแผนที่ชีวิตของเรานั่นเอง
ผมเคยหมกมุ่นกับเรื่องเป้าหมายนานมากๆ แต่มันโคตรคุ้มเลย
และที่สำคัญเมื่อเราคิดว่าเป้าหมายเราชัดเจนแล้ว จากนั้นให้ลงมือทำอย่างเดียวพอ ในระหว่างทางห้ามมาคิดให้เสียเวลาเพราะว่ามันเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของเราแล้วใช่ไหมครับ ?
8. เราต้องเชื่อจริงๆว่าสามารถทำได้ ให้พยายามนึกภาพในวันที่เราทำสำเร็จแล้ว ยิ่งเห็นภาพชัดมากเท่าไหร่ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากเท่านั้น
9. ติดเป้าหมายที่ต้องการไว้ในห้องนอน หรือบริเวณที่เราเห็นมันบ่อยที่สุด และทุกครั้งที่ตื่นนอนให้นึกถึงมันเป็นอย่างแรก เชื่อไหมครับว่าพลังมันจะมาเอง ถ้าไม่เชื่อต้องลองทำตามดูครับ
10. สุดท้ายเลยคือทำเป้าหมาย 1 ปีให้สำเร็จภายในเวลา 3-6 เดือนให้ได้
ผมเรียกวิธีนี้ว่า Fastlane หรือเลนด่วนที่จะพาเราไปถึงเป้าหมายได้ไวขึ้นนั่นเอง
ถ้าเราใช้วิธีการแบบเดิมมันไม่มีทางเลยที่เราจะพิชิตเป้าหมายนี้ได้ สิ่งที่เราต้องทำคือเร่งสปีดตัวเองมากกว่าเดิม 10 เท่า หรือที่ผมบอกไปในตอนต้นว่ามันคือวิธีการเติบโตแบบ 10X
ปีที่ผ่านมาผมใช้วิธีนี้แล้วประสบความสำเร็จมากๆครับ
ผมเริ่มต้นจากการทำงานประจำเหมือนกับคนส่วนใหญ่เลย เมื่อ 4 ปีที่แล้วเงินเดือนผมไม่ถึงหมื่น แต่ผมก็พัฒนาตัวเองเรื่อยๆจนเงินเดือนสุดท้ายก่อนลาออกคือ 2 หมื่นกว่า
ผมเติบโต 2X ภายในระยะเวลา 1 ปี จนสุดท้ายก็ตัดสินใจออกมาทำธุรกิจ เพราะผมอยากชาลเลนจ์ตัวเอง และเติบโตแบบ 10X
และหลังจากนั้น 1 ปี รายได้ของผมก็มากกว่าเดิม 10X ++++++
ตอนทำงานประจำเวลาของผมมีค่าแค่ชั่วโมงละ 100 บาท แต่ในปัจจุบันผมทำงานแค่ชั่วโมงเดียว แต่สามารถสร้างรายได้มากถึง 5,000 -10,000 บาท
ผมเชื่อว่ารายได้ของเรามันขึ้นอยู่กับความสามารถในการหาเงินของเรา
เหมือนที่คุณก็อต จิรายุ เคยบอกไว้ว่า...
มีพี่ท่านนึงถามว่า ถ้าเรามีก้อนหินหนักมากอยู่ก้อนนึง เราจะให้เด็กน้อยคนนั้นถือไหม ?
ซึ่งคงไม่มีใครให้ถือแน่นอน เพราะว่ามันหนักเกินไป
ความร่ำรวยก็เช่นกัน เราจะไม่มีทางได้มันมาอย่างแน่นอน ถ้าความรู้และความสามารถของเรานั้นมีไม่มากพอ
เราจะไม่มีทางได้ในสิ่งที่ต้องการหรืออยากได้ครับ แต่เราจะได้ในสิ่งที่คู่ควรเสมอ
ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วชอบช่วยคอมเมนต์ให้ผมหน่อยครับ ถ้ามีคนสนใจเยอะเดี๋ยวผมมาโพสต์ให้บ่อยๆครับ
แต่ถ้าไม่อยากพลาดคอนเทนต์ดีๆ ให้แอดไลน์มาที่ @muemaionline ครับ เพราะผมจะบรอดแคสต์ที่นี่เป็นที่แรกเลยครับ
โฆษณา