27 พ.ค. 2023 เวลา 17:37 • กีฬา

- รูปสะเทือนอารมณ์ -

มีไม่กี่ครั้งกับรูปวงการลูกหนังที่ทำให้ตัวผมเองสะเทือนอารมณ์ตามได้ขนาดนี้และในปี 2023 มันก็เกิดขึ้นกับรูปของ มาร์โก รอยส์
คอลัมน์นี้ขอเกริ่นก่อนเลยว่ามันมาจากการที่ส่วนตัวแล้วผมติดตามเชียร์ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และเอาใจช่วยเสมอๆในทุกฤดูกาลไม่ว่าจะล้มเหลว ไม่ว่าจะผิดหวัง หรือตอนที่ได้ฉลองถ้วยแชมป์
ย้อนไปวันวานผมรู้สึกประทับใจในความเป็น "เสือเหลือง" ตั้งแต่ครั้ง โธมัส โรซิคกี้, แยน โคลเลอร์ และ เดเด้ มีร่ายมนต์อยู่ในสังเวียนแข้ง เวสฟาเล่น สตาดิโอน รวมถึงบรรดาเยลโล่ว์วอลล์ที่ทำให้ตาตั้งได้เสมอแม้มองจากเครื่องใช้ไฟฟ้ารูปทรงสี่เหลี่ยมอันคุ้นเคย
หากว่ากันตามตรงยุคสมัยก่อน ดอร์ทมุนด์ เองก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเป็นขาประจำลุ้นแชมป์มีขึ้นและก็ลงตามยุคของกุนซือ
อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ คือคนที่ทำให้ผมรู้จักเป็นครั้งแรกเพราะเขาสามารถนำ "เสือเหลือง" เถลิงบัลลังก์แชมป์ยุโรปได้สำเร็จ
จากนั้นก็มีสลับเปลี่ยนหมุนเวียนตามกันไป ผู้จัดการทีมหมุนเวียนเข้ามาประสบความสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง แต่ก็มีให้ได้ชื่นใจในยุคของ มาติอัส ซามเมอร์, ยุคโลดแล่นกลางตารางของ เบิร์ต ฟาน มาร์ไวจ์ค และแน่นอนยุคที่ยิ้มแก้มปริได้มากที่สุดก็คือยุคสมัยของ เจอร์เก้น คล็อปป์ที่ต้องยอมรับว่าโดดเด่นจริงๆ
ทว่าในยุคสมัยนั้นน่ะ มาร์โก รอยส์ ยังไม่ได้เข้ามาสู่ทีมน่ะสิ
ใช่ครับ หลายๆคนอาจจะเข้าใจว่า รอยส์ มาอยู่กับดอร์ทมุนด์ในสมัยอันเรืองรองคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา สองสมัยติดต่อกันแต่ไม่ใช่เลย
ไม่รู้อาถรรพ์หรือว่ายังไงเพราะนับตั้งแต่ ดอร์ทมุนด์ เซ็นสัญญาคว้า รอยส์ มาจาก โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค พวกเขาเป็นได้เพียงแค่พระรองในยุคของ คล็อปป์
ก่อนจะผลัดใบเข้ามาเป็น โธมัส ทูเคิ่ล แน่นอนว่าแชมป์ลีกยังคงตกเป็นของ บาเยิร์น มิวนิค เพียงแต่คราวนี้เขาได้สัมผัสถ้วยประจำประเทศอย่าง เดเอฟเบ โพคาล ไปบ้างแต่ก็แล้วยังไงในเมื่อมันไม่ใช่ถาดแชมป์ บุนเดสลีกา
ปีแล้วปีเล่าที่ รอยส์ ได้เพียงแค่พระรอง บางปีก็เป็นรองแชมป์แบบแต้มห่าง บางปีก็ลุ้นสนุกเบียดกันมันหยดแต่ไม่มีปีไหนเหมือนปีนี้ครับที่ถาดแชมป์อยู่ตรงหน้า
เป้าหมายเดียวคือแค่ ดอร์ทมุนด์ ชนะ รอยส์ ก็จะเป็นคนขึ้นไปรับถาดแชมป์ในฐานะกัปตันทีมของสโมสรเพียงแต่ฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้
บาเยิร์น มิวนิค กลับมาเล่นได้ตามมาตรฐานแม้จะมีแกว่งไปมากับปัญหาภายในมาทั้งฤดูกาลและแน่นอนว่านัดสุดท้ายก็ชนะได้ตามเป้าหมาย
ทีมที่ทำไม่ได้ตามเป้าหมายก็คือ ดอร์ทมุนด์ นั่นล่ะที่ดันเสมอแบบหมดสภาพจริงๆ
หากใครติดตาม ดอร์ทมุนด์ มาคงจะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ราวกับภาพวนเวียนซ้ำๆเพราะนัดสำคัญทีไรมักจะลงเอยแบบนี้ทุกที
ถามว่าชินมั้ย ? มันไม่ใช่ความชินชาครับ มันคือความผิดหวัง และไม่มีใครชินกับความผิดหวังหรอก
ต่อให้ ดอร์ทมุนด์ ฟอร์มห่วยแตกสาแหรกขาดยังไงผมก็ยังมีความหวังเสมอในทีมทีมนี้ และนัดนี้มันหวังมากกว่าที่เคย มันเลยมีความรู้สึกที่ไม่สามารถใช้นิ้วระบายผ่านคีย์บอร์ดออกมาได้มากพอ
ไม่มีจริงๆครับ มันคือสิ่งที่อธิบายไม่ถูกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเห็นภาพ รอยส์ ตาบวมหลังจากร้องไห้ออกมาเต็มเม็ดเต็มหน่วย มันทำให้ผมแทบจะร้องตาม รอยส์ ไป
ทีมที่เชียร์กับคนที่ชอบมันมักจะผูกพันธ์กันเสมอโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าเขาจะรู้หรือไม่ก็ตาม มันก็เปรียบเสมือนครั้งนี้เลยล่ะครับ
อายุอานาม รอยส์ ก็ 33 กระรัตเข้าไปแล้ว เขายังเล่นได้อีกก็จริงเพียงแต่ว่าโอกาสงามๆแบบนี้จะมีเข้ามาอีกสักกี่หนกันล่ะ ?
ถ้าฤดูกาลหน้า บาเยิร์น ของ โธมัส ทูเคิ่ล จากที่ตั้งไข่กลายเป็นอัดเต็มสูบ เคลียร์ปัญหาคาราคาซังภายในต่างๆสำเร็จมันก็ยากจะโค่นพวกเขา
ไม่ใช่เชิงถอดใจแต่เริ่มหรอกครับ เพียงแต่ว่ามองถึง 'ความจริง' ที่เกิดขึ้นมาตลอดทั้งฤดูกาลนี้ก็เท่านั้นเอง
มันเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่แสนจะเจ็บปวดของแฟนๆ ดอร์ทมุนด์ จริงๆกับคำที่คนอื่นต่างเรียกกัปตันของพวกเขาว่า "เจ้าชายไร้มงกุฏ"
เค.เค.
โฆษณา