28 พ.ค. 2023 เวลา 12:21 • บันเทิง

หลัวรู้หลัวเห็นที่คนด่าเหรินเทียนเจิน แต่นั่นคือคำชมสำหรับนักแสดง

ก่อนที่เหรินเทียนเจินจะเปลี่ยนมาคลั่งรักซุนโถวโถว ในเน็ตเกิดกระแสด่าเทียนเจินล้นหลามถึงขั้นอยากให้เปลี่ยนตัวละครพระเอกกันเลยทีเดียว
เราเห็นแฟนโพแม่ใจเจ็บกันเยอะมาก เจ็บเพราะลูกชายโดนด่าแบบไม่ยุติธรรม เชื่อว่าแม่ๆก็เข้าใจแหละว่ามันเป็นการแสดง คนด่าเพราะอินกับการแสดงของหลัว หลายคนก็กลัวหลัวจะเสียใจที่มีคนด่าบทที่ตัวเองเล่น
ตอนนั้นเมียก็อยากจะบอกแม่ๆว่า “放心吧! ทำใจให้สบายเถอะค่ะแม่ๆ” แต่ก็ยังไม่มีอะไรมายืนยันเป็นเรื่องเป็นราว จนกระทั่งได้เจอบทสัมภาษณ์นี้ในเวยปว๋อ ก็เลยถือโอกาสแปลมาให้แฟนๆทุกคนสบายใจว่าหลัวรู้แล้วเห็นแล้ว และยังสตรองเหมือนเดิมที่ผ่านมา คิดบวกจนตกหลุมรักเธอครั้งที่ล้านอีกแล้วเลยย
ไม่ว่ากระแสวิพากษ์วิจารณ์ของผู้ชมต่อตัวละครจะออกมาในเชิงบวกหรือลบ หลัวอีโจวก็น้อมรับเสมอ และจะไม่สั่นคลอนสภาพจิตใจของเขาเป็นอันขาด “จนถึงตอนนี้ ผมเห็นแต่ละคนวิจารณ์ตัวละครและเนื้อเรื่องกันอย่างจริงจังมาก ถ้าเป็นการวิจารณ์เรื่องที่เกี่ยวกับตัวละคร เพราะเห็นความเป็นเด็กไม่รู้จักโต ตามที่ตัวละครถูกเซ็ตข้อเสียไว้ แบบนี้ผมถือว่าผู้ชมได้ให้การยอมรับความสามารถของนักแสดงแล้ว”
เพราะเหรินเทียนเจินเป็นเด็กในร่างผู้ใหญ่ เป็นคนง่ายๆเหมือนไม่คิดอะไร แต่ก็พร้อมจะต่อต้านทุกเมื่อ
เหรินเทียนเจินเกิดมาในครอบครัวแพทย์จีนแผนโบราณ เป็นลูกชายและหลานชายคนเดียวของครอบครัว ตั้งแต่จำความได้ก็ถูกแวดล้อมด้วยความรักความห่วงใยของคุณยาย คุณตา และคุณแม่ รวมถึงการสั่งสอนแบบเข้มงวดกวดขันจากผู้เป็นพ่อ เหรินเทียนเจินจึงถูกประคบประหงมดั่งไข่ในหิน และเติบโตมาเป็นแก้วตาดวงใจ เป็นเด็กดีของครอบครัว ในขณะที่เจ้าตัวนั้นก็พยายามอย่างยิ่งที่จะหาทางปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ตอนที่เทียนเจินยังเด็ก เขาพูดไว้ชัดว่าไม่อยากเรียนแพทย์แผนจีน แต่ก็ยังทำตามความคาดหวังของครอบครัวด้วยการเรียนจนจบปริญญาโท แสดงให้เห็นถึงด้านที่เชื่อฟังแม้จะไม่เต็มใจ ในอีกด้านหนึ่ง เขาผู้เป็น “ลูกและหลานชายคนเดียว” ที่ครอบครัวห่วงจนต้องให้พกจี้ไม้กฤษณาราคาหลักแสนไว้คุ้มครองตัว แต่กลับนำจี้นี้ไปขายร้านรับซื้อของเก่า เพื่อเอาเงินไปเล่นพาราไกลดิ้ง โกคาร์ท และกีฬาเอ็กซ์ตรีมอื่นๆที่ตัวเองสนใจ
ภายนอกเป็นเด็กดีเชื่อฟัง ภายในต่อต้านดื้อเงียบ รวมไปถึงความเป็นคนเรียบง่าย จิตใจดี ที่เกิดจากความคุ้มครองป้องภัยของครอบครัว ทั้งหมดทั้งมวลรวมเป็นตัวตนของเหรินเทียนเจิน
“ผมคิดว่าคีย์เวิร์ดของเหรินเทียนเจินตรงกับผมอย่างบังเอิญ” เมื่อให้หลัวอีโจวอธิบายตัวตนของเหรินเทียนเจินด้วยคำ 3 คำ เขาตอบว่า “ไร้เดียงสา ใจดี และ โรแมนติก”
ระหว่างที่สัมภาษณ์ หลัวอีโจวใช้คำว่า “ไร้เดียงสา” ได้เปลืองมาก (ขอแทรกนิด ชื่อ “เทียนเจิน” ในภาษาจีนแปลว่า ไร้เดียงสา ใสซื่อบริสุทธิ์)
ตัวอย่างแรก “ตัวละครเหรินเทียนเจินเป็นคนที่ไร้เดียงสามาก ความเชื่อของเขานั้นเรียบง่ายว่าทุกสิ่งคือเรื่องดีๆ เพียงเพราะเขาเชื่อว่ามันดี ถึงแม้ว่าตัวละครนี้อาจจะไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ขนาดนั้น แต่ความใสซื่อบริสุทธิ์คือจุดเด่นที่สุดของเขา และก็เป็นสิ่งที่บทนี้ดึงดูดผมได้มากที่สุด”
ตัวอย่างต่อมา ตอนเหรินเทียนเจินปากเสียใส่ซุนโถวโถว ในความเห็นของหลัวอีโจว นี่ก็คือด้านที่ตรงๆไร้เดียงสาของเทียนเจิน “คนที่มีประสบการณ์ในสังคมมาเยอะจะไม่สื่อสารกับเพื่อนแบบนี้ ถึงแม้นิสัยของเหรินเทียนเจินอาจจะมีข้อบกพร่องไปบ้าง แต่จิตใจข้างในเรียบง่ายไม่ซับซ้อนและก็ใจดี เพราะฉะนั้นการแสดงออกต่อแต่ละคนจะไม่เหมือนกันขึ้นกับสถานการณ์” อีโจวยังรู้สึกอีกว่า “ความสัตย์จริง ความดี และความงามคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในใจเทียนเจิน”
มีอยู่ฉากหนึ่งที่เหรินซินเจิ้งระเบิดความโกรธใส่เหรินเทียนเจิน เพราะเทียนเจินทำการรักษาโดยไม่ได้รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง จนหวุดหวิดจะเกิดความสูญเสีย หลังจากที่ช่วยชีวิตคนไข้ไว้ได้แล้ว เหรินซินเจิ้งพูดกับลูกชายว่า “ถ้าช่วยเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้ แกมันก็แค่ได้ใบอนุญาตไว้ฆ่าคน”
หลัวอีโจวรู้สึกว่า การได้พบเจอเหตุการณ์คนไข้เฉียดตายเป็นบทเรียนสำคัญให้เหรินเทียนเจินได้เติบโตและเป็นผู้ใหญ่ได้เร็วขึ้น “ก่อนหน้านั้น เหรินเทียนเจินเคยแต่เรียนในห้องเรียน ซีนนี้เป็นก้าวแรกไปสู่การโลกแห่งการปฏิบัติจริง ไม่เกี่ยวว่าจะถูกพ่อตำหนิหรือไม่ เพราะมันเกี่ยวกับความเป็นความตายของคนไข้ เหตุการณ์นี้จึงเหมือนการเปิดโลกให้เหรินเทียนเจิน เพราะเขาเก่งและมีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก จึงต้องมีเรื่องแบบนี้มาเปิดโลกแห่งความจริงให้เขาได้ปรับตัวและเติบโต”
ก่อนเรื่อง “โห้วล่าง: แด่ฝันของเคลื่นลูกใหม่” หลัวอีโจวเป็นนักแสดงละครเวทีมาก่อน และโห้วล่างก็ไม่ใช่ซีรี่ย์เรื่องแรกของเขาอีกเช่นกัน เพราะเขาร่วมแสดงบทเล็กๆในซีรี่ย์ต่อต้านโควิดเรื่อง “在一起 ไจ้อีฉี่” มาแล้ว แต่ว่า “โห้วล่าง” เป็นเรื่องแรกที่หลัวอีโจวได้รับบทนำ อ้างอิงคำพูดของเจ้าตัว เหรินเทียนเจินเป็นก้าวแรกสู่บทนำในโลกแห่งละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ของเขา
เพื่อรับบทเหรินเทียนเจิน หลัวอีโจวต้องทำการบ้านหลายอย่างมาก
“นอกเหนือจากงานอ่านบทพื้นฐานก่อนเปิดกล้อง เพราะอาชีพของเหรินเทียนเจินต้องสมจริง ผมจำเป็นต้องมีความเข้าใจพื้นฐานในการรักษาด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีนด้วย”
ก่อนการถ่ายทำ ทีมงานได้จัดให้เหล่านักแสดงไปเรียนความรู้พื้นฐาน และทำความเข้าใจในวัฒนธรรมแพทย์แผนจีนจากอาจารย์แพทย์หลิวลี่หงที่ยูนนาน “พวกเราได้ทำความเข้าใจในเชิงลึกจากกลุ่มคนที่เป็นตัวจริงด้านแพทย์แผนจีน ทั้งการแมะชีพจร การฝังเข็ม หัตถศาสตร์ และศาสตร์ในการรักษาอื่นๆ ไปจนถึงว่าบรรดาแพทย์แผนจีนมองชีวิต อาหารการกิน ชีวิตประจำวัน และแนวคิดต่อเรื่องอื่นๆอย่างไร”
อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น บทเหรินเทียนเจินให้ออร่าความใจดีและไร้เดียงสา เขาช่วยเพื่อนสนิทอย่างจ้าวลี่เฉวียนโดยไม่สนใจเรื่องผลประโยชน์ ให้ลี่เฉวียนยืมสูทไปใส่ในการสอบดีเฟนด์เพื่อจบปริญญาโท และยังพาไปเข้าห้องเรียนสืบสานแพทย์แผนจีนของพ่อตัวเองอีกด้วย และเพื่อให้เพื่อนได้มีที่อยู่ที่กิน เทียนเจินถึงกับให้ลี่เฉวียนมาทำงานจัดยาที่ศูนย์การแพทย์ของครอบครัว แต่ถึงอย่างนั้น เทียนเจินเองก็มีด้านแสบและปากเสียด้วยเหมือนกัน การจะทำให้ทุกคนยอมรับข้อเสียนี้ได้เป็นบททดสอบที่หินมากสำหรับนักแสดง
ต่างกับเหรินเทียนเจินที่ถูกบังคับให้เลือกเรียนตามใจที่บ้าน ครอบครัวของหลัวอีโจวให้การสนับสนุนสิ่งที่เขาเลือกเสมอ
เมื่อเทียบกับความขบถที่ซ่อนอยู่ในตัวเหรินเทียนเจินแล้ว หลัวอีโจวนั้นเหมือนกับจะข้ามวัยต่อต้านไปเลยโดยสิ้นเชิง “ช่วงวัยรุ่นหรือช่วงวัยต่อต้านของผม เป็นตอนที่ผมอยู่ในค่ายทหารพอดี ตอนนั้นนอกจากคลาสเรียนเต้นและวัฒนธรรมต่างๆแล้ว เรายังต้องฝึกฝนระเบียบวินัย ออกกำลังกาย และซ้อมเต้นทุกวัน พวกเราทุกคนต่างก็เป็นทั้งสหายร่วมภารกิจ และเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน เพราะอย่างนั้น พลังงานและอารมณ์ทั้งหมดที่ผมมีเลยถูกทุ่มลงไปกับการฝึกจนหมด ตอนนี้พอคิดย้อนกลับไป ช่วงต่อต้านตอนวัยรุ่นของผมดูเหมือนจะถูกข้ามไปเฉยๆเลย”
ทว่า หลัวอีโจว กับ เหรินเทียนเจิน ก็มีจุดที่เหมือนกัน อย่างเช่น ความสดใส ร่าเริง คิดบวก และการยืนหยัดในบางเรื่อง
ระหว่างการพูดคุย หลัวอีโจวกล่าวว่าทุกแง่มุมของเขาออกสู่สาธารณะอย่างเปิดเผย ไม่มีเรื่องต้องห้าม หรือสิ่งที่ต้องปิดบัง ขณะเดียวกัน เขาก็หวังว่านิสัยร่าเริง สดใส คิดบวกของเขาจะสามารถส่งพลังบวกไปถึงแฟนๆและผู้ชมได้มากขึ้น
ในขณะเดียวกัน หลัวอีโจวก็ประทับใจในความยืนหยัดจนแทบจะเรียกว่าดื้อรั้นของเหรินเทียนเจินด้วยเช่นกัน “การยืนหยัดของเขาเห็นได้จากที่บอกว่าไม่อยากจะเรียนแพทย์แผนจีนมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังเรียนต่อมาเรื่อยๆจนกระทั่งได้กลายเป็นแพทย์แผนจีนที่มีคุณสมบัติพร้อม”
ต่อจาก “โห้วล่าง” หลัวอีโจวยังมีซีรี่ย์ “อิงสยงอู๋หุ่ย Heroes without Regrets” รอออกอากาศอยู่อีกเรื่อง เขารับบทเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด “จางอีหยาง” ซึ่งเจ้าตัวสรุปประสบการณ์ที่ได้เล่นเรื่องนี้ไว้ 4 คำว่า “สะใจมากครับ”
แปลจาก : Weibo 骨朵星番 230526
โปรดอย่าก๊อปปี้ไปใช้ที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต บล็อกดิทมีปุ่มแชร์ กดแชร์ไปแพลทฟอร์มอื่นได้ง่ายๆเลยนะคะ
โฆษณา