29 พ.ค. 2023 เวลา 10:55 • ข่าวรอบโลก

19 ชาติ หนึ่งภารกิจ: เปิดโปงการปฏิบัติการพิเศษของหน่วยรบพิเศษอังกฤษ

(Military Cognizance)
ในปฏิบัติการลับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 จนถึงปัจจุบัน กองกำลังหน่วยรบพิเศษระดับสุดยอดของอังกฤษได้แทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ๆไม่เปิดเผยใน 19 ประเทศ รวมถึง ไนจีเรีย รัสเซีย ซีเรีย ยูเครน และส่วนลึกของภูมิภาคที่มีข้อพิพาทของซูดาน
British Special Air Service - SAS
ในการเปิดเผยที่น่าตกใจ องค์กรการกุศลต่อต้านการใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธ (Action against Armed Violence - AOAV) ได้เปิดเผยโลกลับของหน่วยรบพิเศษของอังกฤษ รายงานอ้างว่า หน่วยปฏิบัติการพิเศษทางอากาศ (Special Air Service - SAS) อันเป็นที่นับถือและหน่วยลับอื่นๆ ได้ดำเนินการอย่างลับๆ ในสถานที่ที่ไม่เปิดเผยจำนวนมาก น่าประหลาดใจที่ปฏิบัติการลับเหล่านี้ยังคงปกปิดเป็นความลับปกปิดทั้งจากรัฐบาลอังกฤษและกองทัพ
จากข้อมูลของ AOAV การวิจัยอย่างละเอียดของพวกเขาครอบคลุมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 จนถึงปัจจุบันซึ่งค้นพบความจริงที่น่าตกใจ หน่วยรบชั้นยอดเหล่านี้ได้รับคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมของอังกฤษ ถูกส่งไปยังภูมิภาคที่เต็มไปด้วยอันตรายอย่างต่อเนื่องทั่วโลก แม้กระทั่งในประเทศที่ไม่มีความขัดแย้งทางทหารอย่างเป็นทางการกับลอนดอน
1
AOAV เปิดเผยว่ากองกำลังหน่วยรบพิเศษของอังกฤษได้แสดงตนในซีเรียตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 โดยจัดแนวร่วมกับกลุ่มกบฏที่ต่อสู้กับระบอบการปกครองของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด การมีส่วนร่วมของพวกเขาเพิ่มมากขึ้นเมื่อพวกเขาเข้าร่วมอย่างเป็นทางการในการปฏิบัติการทางอากาศของอังกฤษในปี พ.ศ. 2556 การเปิดเผยเหล่านี้เปิดโปงโลกแห่งความกล้าหาญและอันตรายที่ซ่อนเร้นจากสายตาสาธารณะ ในขณะที่นักรบผู้กล้าหาญเหล่านี้ปฏิบัติการในเงามืดของความขัดแย้งทั่วโลก
กองกำลังหน่วยรบพิเศษของอังกฤษประสบกับการบาดเจ็บล้มตายระหว่างปฏิบัติการในซีเรีย ส่งผลให้สมาชิก SAS สูญเสียไปหลายคน ตามเอกสารของเพนตากอนที่รั่วไหลซึ่งรายงานโดยเดอะการ์เดียน มีการเปิดเผยว่าในช่วงต้นปีนี้ สหราชอาณาจักรได้ส่งกองกำลังหน่วยรบพิเศษ 50 นายไปประจำการในยูเครน แม้ว่าจะมีการยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากลอนดอนที่ปฏิเสธความเกี่ยวข้องในความขัดแย้งก็ตาม
เอกสารของสหรัฐที่รั่วไหลออกมาอ้างว่ากองกำลังชั้นยอดของอังกฤษถูกส่งไปปฏิบัติการในยูเครน- Nakul Ahuja - 12 เมษายน 2023 หน่วยปฏิบัติการรบพิเศษราว 50 นายของสหราชอาณาจักรถูกส่งไปประจำการในยูเครน ท่ามกลางสงครามต่อเนื่องกับรัสเซีย อ้างจากเอกสารที่รั่วไหลของสหรัฐ สหราชอาณาจักรมีหน่วยรบพิเศษที่มากที่สุดในยูเครน (50) ตามด้วยชาติสมาชิกนาโต้ ลัตเวีย (17) ฝรั่งเศส (15) สหรัฐอเมริกา (14) และเนเธอร์แลนด์ (1)
รายงาน AOAV (Action on Armed Violence) เน้นเพิ่มเติมว่า แม้ว่ารัฐบาลสหราชอาณาจักรจะตระหนักถึงกิจกรรมของหน่วยปฏิบัติการพิเศษในต่างประเทศ แต่ก็ขาดการกำกับดูแล ตามกฎหมายแล้ว สมาชิกสภานิติบัญญัติของอังกฤษจะต้องลงคะแนนเสียงสนับสนุนการมีส่วนร่วมของลอนดอนในสงครามก่อนที่จะส่งกองกำลังหน่วยรบพิเศษของสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีอังกฤษยังคงมีอำนาจในการส่งกองกำลังเหล่านี้โดยไม่ต้องขออนุมัติจากรัฐสภา
ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 หลังจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ผู้ก่อการร้ายสังหารบุคคล 38 ราย รวมทั้งชาวอังกฤษ 30 ราย ที่โรงแรมริมชายหาดในตูนิเซีย มีรายงานว่าอดีตนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ของอังกฤษได้ให้อำนาจเต็มที่แก่ SAS ในการจับกุมหรือกำจัดผู้นำอิสลามขององค์กรก่อการร้ายในตะวันออกกลาง
เอียน โอเวอร์ตัน ผู้อำนวยการบริหารของ AOAV แสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการขาดความโปร่งใสและการกำกับดูแลตามระบอบประชาธิปไตยเกี่ยวกับการสั่งการให้ใช้กองกำลังหน่วยรบพิเศษของอังกฤษอย่างกว้างขวางในหลายประเทศในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาและการตรวจสอบอย่างเพียงพอสำหรับภารกิจเหล่านี้เป็นปัญหาอย่างมาก
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 การสืบสวนโดยสาธารณะได้เริ่มต้นขึ้นในข้อกล่าวหาที่ว่า SAS มีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของพลเรือน 54 รายในอัฟกานิสถานระหว่างปี พ.ศ. 2553 และ พ.ศ. 2554 ซึ่งมักเกิดขึ้นระหว่างการจู่โจมในเวลากลางคืน มีรายงานว่าชาวอัฟกานิสถานถูกแยกจากครอบครัวและถูกสังหาร ณ จุดนั้น โดยอ้างว่าเป็นเพราะพวกเขามีส่วนร่วมในกิจกรรมก่อความไม่สงบหรือสนับสนุนการก่อความไม่สงบ
โดยรวมแล้ว เหตุการณ์และประเด็นเหล่านี้ทำให้เกิดคำถามที่สำคัญเกี่ยวกับความโปร่งใสความรับผิดชอบ และการปฏิบัติตามกระบวนการประชาธิปไตยที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการของหน่วยรบพิเศษของอังกฤษในต่างประเทศ
เบ็น วอลเลซ อดีต ส.ส. และปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมของอังกฤษ ยกย่องความพยายามทางทหารที่น่าสรรเสริญที่กำลังดำเนินอยู่ อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมของอังกฤษรับทราบถึงการมีส่วนร่วมของกองทหารพลร่ม นาวิกโยธิน และกองทัพอากาศของอังกฤษในการปฏิบัติการ โดยไม่ได้กล่าวถึงกองกำลังหน่วยรบพิเศษแต่อย่างใด
กองกำลังหน่วยรบพิเศษของอังกฤษมักเข้าร่วมในภารกิจช่วยเหลือตัวประกัน ตัวอย่างจากเหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2555 เมื่อหน่วยคอมมานโดกองทัพเรือ (SBS) กลุ่มหนึ่งพยายามช่วยเหลือชาวอังกฤษและชาวอิตาลีที่ถูกกลุ่มมุสลิมในไนจีเรียกักตัวไว้ แม้จะไม่สำเร็จก็ตาม อีกกรณีหนึ่งเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2562 เมื่อพวกเขาช่วยเหลือสามีภรรยาชาวอังกฤษที่ถูกจับเป็นเชลยในฟิลิปปินส์ได้สำเร็จ
กรณีเดียวที่สื่อกล่าวถึงการส่งกองกำลังหน่วยรบพิเศษของอังกฤษไปในรัสเซียตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 คือตอนที่สมาชิก SAS ได้ไปปรากฎตัวเพื่อรับรองความปลอดภัยของนักกีฬาอังกฤษระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เมืองโซชี
นอกจากนี้ สหราชอาณาจักรยังได้ส่งกองกำลังหน่วยรบพิเศษของตนไปยังประเทศอื่นๆอีกมากมาย เช่น แอลจีเรีย เอสโตเนีย ฝรั่งเศส โอมาน อิรัก เคนยา ลิเบีย มาลี ไซปรัส ปากีสถาน โซมาเลีย และเยเมน
ณ ตอนนี้ กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักรได้ละเว้นจากการให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับรายงานของ AOAV
19 Nations, One Mission: British Special Forces’ Classified Operations Exposed
May 24, 2023 - (Military Cognizance)
In a covert operation spanning from 2011 till present, Britain’s elite special forces infiltrated the shadows of 19 nations, including Nigeria, Russia, Syria, Ukraine, and the depths of Sudan’s treacherous terrain.
In a startling revelation, the charity Action against Armed Violence (AOAV) has unveiled a clandestine world of British special forces. The report claims that the revered Special Air Service (SAS) and other covert units have covertly operated at numerous undisclosed locations. Astonishingly, these covert operations have remained shrouded in secrecy, concealed from both the British government and the military.
According to AOAV, their meticulous research spans from 2011 to the present day, unearthing a disconcerting truth. These elite units, upon receiving directives from the British Prime Minister and Defense Secretary, have continuously been dispatched to perilous regions across the globe, even in countries devoid of any official military conflicts with London.
AOAV reveals that British special forces made their presence felt in Syria as early as 2012, aligning themselves with rebel factions battling against President Bashar al-Assad’s regime. Their involvement escalated further when they actively participated in the 2013 British air campaign.
These revelations expose a clandestine world of courage and danger, hidden from public view, as these fearless warriors navigate the shadows of global conflict.
British special forces have encountered casualties during their operations in Syria, resulting in the loss of several SAS members. According to leaked Pentagon documents reported by The Guardian, it was revealed that as of early this year, the United Kingdom had deployed 50 special forces troops in Ukraine, despite repeated assertions from London denying involvement in the conflict.
The AOAV (Action on Armed Violence) report further highlights that while the UK government is aware of the activities of its special operations units abroad, there is a lack of oversight. In accordance with the law, British lawmakers are required to vote in favor of London’s engagement in a war before deploying UK special forces. However, the British Prime Minister retains the authority to deploy these forces without the need for parliamentary approval.
In June 2015, following a tragic incident in which terrorists killed 38 individuals, including 30 Britons, at a beachfront hotel in Tunisia, it was reported that former British Prime Minister David Cameron granted the SAS “full authority” to apprehend or eliminate leaders of Islamic terrorist organizations in the Middle East.
Iain Overton, the Executive Director of AOAV, expressed serious concerns about the lack of transparency and democratic oversight regarding the extensive deployment of British Special Forces in numerous countries over the past decade. The absence of congressional approval and sufficient scrutiny for these missions is deeply troubling.
In March 2023, a public investigation was initiated into allegations that the SAS was responsible for 54 civilian deaths in Afghanistan during 2010 and 2011, often occurring during nighttime raids. Afghan individuals were reportedly separated from their families and killed on the spot, purportedly due to their involvement in insurgent activities or support for the insurgency.
Overall, these incidents and issues have raised significant questions about the transparency, accountability, and adherence to democratic processes in relation to British special forces operations abroad.
Formerly a Tory MP and presently serving as Britain’s defense secretary, Ben Wallace lauded the commendable military endeavor underway. However, the British Ministry of Defense acknowledged the involvement of the paratrooper regiment, the marines, and the British air force in the operation, while omitting any mention of special forces.
British special forces frequently engage in hostage rescue missions, exemplified by an incident in 2012 when a group of naval commandos (SBS) attempted, albeit unsuccessfully, to rescue a British and Italian national detained by a Muslim group in Nigeria. Another instance took place in 2019 when they successfully rescued a British couple held captive in the Philippines.
The sole instances where media mentioned the deployment of British special forces in Russia since 2014 were when SAS members were present to ensure the security of British athletes during the Winter Olympics in Sochi.
Moreover, the United Kingdom has deployed its special forces to numerous other countries including Algeria, Estonia, France, Oman, Iraq, Kenya, Libya, Mali, Cyprus, Pakistan, Somalia, and Yemen.
As of now, the UK Ministry of Defense has refrained from providing any commentary on the AOAV report.
โฆษณา