1 มิ.ย. 2023 เวลา 03:14 • ความคิดเห็น
เมื่อเช้าฟังวิเคราะห์จากการบริหารประเทศแปดปี ความเห็นนักวิชาการระดับชาติทั้งไทยและเทศ ให้ความเห็นว่า
แม้ว่าจะชื่นชมผู้นำประเทศที่พัฒนาโครงสร้างประเทศ ไว้รองรับความเจริญได้
อย่างกว้างไกลไปทุกภูมิภาค
ที่เรียกความเจริญแบบMacro มหภาคแต่ระบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนซบเซาอ่อนแรงรากหญ้าระดับMicro จุลภาค จึงทำให้เกิดคำว่า "ประเทศไทยตกสเกลแผนที่โลก"มากแปลว่าอยู่นอกสายตา เอาเหอะเกริ่นให้หลานมองกว้างลงไปรากหญ้า
รัฐบาลใหม่ๆก็คงต้องแก้ปัญหากลับมา ตีตื้นคุณภาพชีวิตประชาชนกันไปอย่างรวดเร็ว
ถามเรื่องเรียนต่อ Microนิดเดียวแล้วคงสงสัยว่า "ผมเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ละ?"
อาจคิดในใจ
มองกลับกัน ถ้าเดิมเรามีโอกาสเรียนต่อเนื่อง การเดินทางในสายการศึกษา
ก็จะไม่หยุดชะงัก อาจเป็นเพราะความจำเป็นบางอย่างหรืออะไรก็ตาม
อยากให้มองว่าชีวิตเราก็คล้ายอนาคตประเทศไทย จริงแล้วประเทศเราน่าก้าวไปไกลกว่านี้เชิงการพัฒนาร่วมประโยชน์ แต่ชะงักไป ก็คิดว่า อนาคตชาติยังสดใสมาก
อันนั้นตั้งแปดปี แต่อนาคตเราเว้นวรรคไม่นานสามารถต่อความก้าวหน้าไปได้อีกก็ถือว่าเรายังสามารถพัฒนาต่อไปได้เช่นกัน
หากยังไม่เป็นเด็กโข่งตัวโต ไปเรียนกับเด็กๆ หรือเกินแกงซะแล้ว
อันนั้นยากมากเพราะช่วงอายุกับความเหมาะสมของระดับชั้นหลุดออกจากScaleมาตรฐาน
การคิดจะกลับไปเรียนใหม่ เป็นสัญญานอนาคตที่ดี ดีกว่าไม่สามารถหรือไม่มีโอกาส
ได้กลับไปเริ่มต้นต่อ ความอายไม่ได้ช่วยเราพัฒนา แต่ความอายจะผลักดันเราให้ฮึดเรียนศึกษาให้เสมอ นำหน้า หรือมีพลังแรงขับมาก กว่ามัวคิดว่า "อาย"
ทำลายพลัง เรียนใหม่ที่เก่า ก็เอาให้ดีเลยครับ
ดีซะอีก คิดบวก ได้เพื่อนๆเก่าเป็นพี่ ได้รุ่นน้องเป็นเพื่อน ได้ประโยชน์ส่งเสริมกัน
สองเด้งเลย
สำคัญที่สุดคือ ความตั้งใจของเราที่จะทำให้ดี ยอมรับปรับตัวให้ความเป็นจริงเป็นแรงขับและให้กำลังใจตัวเองว่าเราทำได้ ไม่มีปัญหา
ยกเว้นเข้าโรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ก็ไม่ต้องคิดเรื่องความรู้สึกนั้นมากกว่าต้องกลับเข้าไปที่เดิม "คิดเสมอว่าอยู่ที่ไหนเราก็เริ่มต้นให้ดีได้"
มองคนขาดโอกาสการศึกษา มองคนที่ไม่สามารส่งลูกให้เรียนได้ มองคนที่แย่กว่าเรายังมีมากๆ วันนี้เรายังมีโอกาสช้าเร็วก็ไม่ต่างกันมากครับ สู้ๆครับ
โฆษณา