1 มิ.ย. 2023 เวลา 06:26 • หนังสือ

ความเข้มงวดและมีวินัย จะทำให้ท่านเป็นผู้กำหนดโชคชะตา

(Discipline Is Destiny by Ryan Holiday)
.
มีคำหนึ่งที่ผมเชื่อว่าคุณผู้ฟังเคยได้ยินแทบทุกคน
และเป็นเทรนด์ของโลกยุคปัจจุบัน นั่นคือ คำว่า productivity
.
Productivity ถูกให้คำนิยามอย่างเป็นทางการครั้งแรก
ในรายงานของสถาบัน EPA ของการประชุมที่กรุงโรม
เมื่อปี ค.ศ.1959 โดยระบุว่า
.
Productivity เป็นเรื่องของกระบวนการคิด
และทัศนคติในการค้นหาว่า
“ทำอย่างไรจึงจะสามารถปรับปรุง
สิ่งที่มีอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง
เป็นความเชื่อมั่นว่ามนุษย์สามารถทำวันนี้
ให้ดีกว่าเมื่อวาน และทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้”
4
ซึ่งในหนังสือ Discipline Is Destiny จะได้กล่าวถึง
การฝึกระเบียบวินัยในโลกสมัยใหม่
ใช้ความอดกลั้นเพื่อบรรลุเป้าหมายของคุณ
ด้วยการ ก้าวทีละก้าวไปเรื่อยๆ
เสมือนเส้นตรง 1 เส้น
ที่มีองค์ประกอบมาจากจุดเล็กๆ เพียง 1 จุด
สุดท้ายคุณจะพบว่า แต่ละก้าวที่คุณสะสมมา
กลายเป็นระยะทางที่ไกล
และส่งผลต่อความก้าวหน้าในชีวิตของคุณ
วันนี้ ทางเราจึงมี 3 บทเรียนสำคัญจากหนังสือ ดังนี้
1. “การรักความสมบูรณ์แบบ
แท้จริงเป็นสิ่งอันตราย”
มีใครชอบหมกมุ่นอยู่กับ
การทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ให้มันสมบูรณ์แบบ
จาก 99% ไปเป็น 100% ไหมครับ?
หากมี ผมอยากจะเล่าเรื่องราว Case study
ของบุคคคลหนึ่ง
.
ในฤดูหนาวปี 1931
มีผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอมีชื่อว่า มาร์ธา เกรแฮม
นักเต้นและนักออกแบบท่าเต้นชาวอเมริกัน
ที่หลายคนมองว่าเป็น “ราชินีของการเต้นรำสมัยใหม่”
ซึ่งมีอิทธิพลต่อวงการเต้น
เสมือนกับปิกัสโซที่กำลังวาดภาพ
5
แต่สิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่ คือ
การจมอยู่กับท่าเต้นรำที่เธอออกแบบอย่างสิ้นหวัง
ท่าเต้นนั้นมีชื่อว่า Ceremonials
ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ
มาจากวัฒนธรรมของชาวมายัน และชาวแอซเท็ก
เป็นที่รู้กันของทุกคนว่
าเธอเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ
และตอนนี้ เธอก็รู้สึกหมดหวังและท้อแท้
เพราะเธอคิดว่ามันยังไม่ดีพอสักที
.
แม้ว่านักเต้นของเธอจะชอบมัน
แต่สิ่งที่เธอเห็นก็คือ
สิ่งเหล่านั้นยังดีไม่พอ และจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน
สิ่งที่เธอเห็นคือ มันยังไม่สมบูรณ์แบบ
และสิ่งเหล่านี้ ได้กักขังเธอไว้ในคุกแห่งความคิด
6
เป็นชะตากรรมที่น่าเศร้าของผู้ยิ่งใหญ่ในหลายสาขา
ความสำเร็จของพวกเขา
สร้างขึ้นจากมาตรฐานที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่สิ่งนี้ก็ถือว่าอันตรายเช่นกัน
เพราะมันขัดขวางให้พวกเขา
ไม่รู้สึกเพลิดเพลินกับสิ่งที่ได้รับ
และมาตรฐานที่สูงขึ้นเรื่อยๆ นี้
ทำให้สิ่งที่พวกเขาทำในครั้งถัดๆ ไป
จะต้องสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นไปอีก
จนสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถตอบสนอง
ต่อความสมบูรณ์แบบดั่งที่คิดไว้ได้
.
ใครที่มีนิสัย Perfectionism
คุณจะต้องค่อยๆ แก้ไข ปรับตัวไปเรื่อยๆ
ต้องหยุดตัวเองให้ได้
เรียนรู้ที่จะพูดว่า “ในที่สุดก็เสร็จแล้ว”
5
2. “ปรัชญาสโตอิก”
Marcus Aurelius
ผู้ปกครองในฐานะจักรพรรดิแห่งอาณาจักรโรมัน
มีอำนาจเด็ดขาดเหนือชีวิตและความตายของทุกคน
.
ซึ่งที่ผ่านมาจักรพรรดิโรมันเกือบทั้งหมด
ใช้ชีวิตอย่างอื้อฉาว ปรนเปรอความโลภ
และสนองตัณหา
.
แต่ Marcus Aurelius ถือเป็นข้อยกเว้น
ที่พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า
“power didn't corrupt.”
อำนาจไม่ได้ทุจริตเสมอไป
.
Marcus Aurelius
เป็นตัวอย่างหนึ่งของผู้ปกครองที่แท้จริง
ที่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชน
4
ว่ากันว่าความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง
ของ Marcus Aurelius คือ
“ความเข้มงวดของเขามุ่งเป้าไปที่ตัวเขาเองเท่านั้น”
คนก็คือคน เขาเข้าใจว่ามันไม่สมบูรณ์แบบ
เขาพบวิธีทำงานกับคนที่มีข้อบกพร่อง
ทำให้พวกเขารับใช้เพื่อประโยชน์ของจักรวรรดิ
ค้นหาคุณธรรมที่เขายกย่อง
และยอมรับความชั่วร้ายของพวกเขา
ซึ่งเขารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขา
3
แม้ว่ามาร์คัสจะมีแนวคิดและลักษณะนิสัยที่ดี
แต่เขารู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่ควรปรับปรุง และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เพราะ “วินาทีที่เราหยุดพยายามทำให้ดีขึ้น
คือช่วงเวลาที่เราเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ”
3. “อดทนต่อผู้อื่น เข้มงวดกับตัวเอง”
Search others for their virtues,
thyself for thy vices.
มองหาข้อดีของคนอื่น
และมองหาข้อบกพร่องของคุณเอง
.
คนเดียวที่คุณจะต้องลำบากอย่างแท้จริงคือคุณ
คุณต้องอาศัยการควบคุมตัวเองทุกจุด
ไม่ใช่เพราะมันยากที่จะบังคับตัวเอง
แต่เพราะมันยากมากที่จะปล่อยผ่านคนอื่น
จากสิ่งที่คุณไม่เคยอนุญาตให้กับตัวเอง
7
จงปล่อยให้พวกเขาทำ
ในสิ่งที่คุณรู้ว่าไม่ดีสำหรับพวกเขา
ปล่อยให้พวกเขาขี้เกียจ
เมื่อคุณเห็นอะไรมากมายในตัวพวกเขา
“แต่คุณต้องทำ”
เพราะชีวิตของพวกเขา
ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของคุณ
เพราะคุณจะแผดเผาตัวเอง
หากคุณไม่สามารถไปยังสถานที่ที่คุณต้องการ
และอย่าลืมขอบคุณสำหรับความพยายามของพวกเขา
.
“Forgive and Forget”
ไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับการฝึกฝนอย่างที่คุณมี
ไม่ใช่ทุกคนที่มีความรู้ที่คุณมี
ไม่ใช่ทุกคนที่มีความมุ่งมั่นอย่างที่คุณมี
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงต้องอดทน
ใจกว้างกับผู้คน รวมทั้งสิ่งอื่นใดที่ไม่ยุติธรรม
5
Marcus Aurelius ได้เรียนรู้ว่า
“แค่พยายามหลีกหนีความผิดของตัวเองก็ยากพอ
ที่จะทำให้เราไม่ว่างไปตลอดชีวิต
พวกเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
ขนาดที่เราจะใช้เวลามากมาย
ในการ “ตั้งคำถามกับความกล้าของคนอื่น”
ตำหนินิสัยของพวกเขา
และพยายามผลักดันพวกเขาให้ไปถึงศักยภาพสูงสุด
การเข้าใจสิ่งเหล่านี้ ไม่เพียงทำให้เราแข็งกร้าวน้อยลง
แต่ยังทำให้เราเข้าใจมากขึ้นด้วย”
คนอื่นมีสิทธิในการเลือกวิถีชีวิตที่แตกต่างจากเรา
ดังนั้น เราจงมองข้ามมันไป
และโฟกัสที่การเดินทางของเรา
นั่นคือ การเดินทางเพื่อตระหนักรู้ในตนเอง
ไม่พยายามที่จะทำให้ทุกคนเป็นเหมือนเรา
.
เราควรจะมีน้ำใจ และเต็มใจที่จะมองอีกมุมหนึ่ง
ในเส้นทางการเดินทางของเราเอง
มันอาจเป็นการเดินทางที่เข้มงวดและยากลำบาก
.
แต่เราก็ต้องเข้าใจว่า
คนอื่นก็อยู่ในเส้นทางของตัวเองเหมือนกัน
พวกเขาทำทุกอย่างที่เขาทำได้
.
“นี่ไม่ใช่ที่ที่เราจะตัดสิน
แต่นี่คือที่ที่เราจะเชียร์พวกเขา
และยอมรับพวกเขาต่างหาก”
อ้างอิงข้อมูลจาก
- เว็บไซต์ matthewvere.com
.
หากต้องการฟังในรูปแบบ Podcast
สามารถเข้าไปฟังเต็มๆ ได้ที่
#ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของคุณนะครับ
#TheLibrary
#TheArticleWithTheLibrary
#selfdevelopment
โฆษณา