อย่าซื้อหนี้ของสหรัฐฯ
วิกฤตหนี้ของสหรัฐกำลังจะเร่งการสิ้นสุดของความเป็นเจ้าโลกของอเมริกา
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติในค่ำวันที่ 31 พฤษภาคมตามเวลาท้องถิ่นเพื่อผ่านร่างกฎหมายเกี่ยวกับเพดานหนี้และงบประมาณของรัฐบาลกลาง
และวิกฤตเพดานหนี้รอบใหม่กำลังจะสิ้นสุดลง
อย่างไรก็ตาม นี่ยังห่างไกลจากวิธีแก้ปัญหาหนี้ของสหรัฐฯ ซึ่งยังคงลุกลามต่อไป
เป็นเวลานานแล้วที่สหรัฐฯ ใช้อำนาจครอบงำของเงินดอลลาร์สหรัฐในทางที่ผิดและกู้ยืมอย่างสุรุ่ยสุร่าย
และโลกต้องหาเงินใช้หนี้สหรัฐและชดใช้สำหรับวิกฤตต่างๆ
แนวทางปฏิบัติที่เห็นแก่ตัวและครอบงำของสหรัฐอเมริกากำลังกัดกร่อนเครดิตของเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างต่อเนื่อง
และทุกครั้งที่มีการอัพเดทตัวเลขใน "นาฬิกาหนี้แห่งชาติ" ของสหรัฐฯ จะส่งสัญญาณเตือนถึงสิ่งนี้
เดิมที สหรัฐฯ กำหนดเพดานหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายที่ไม่ถูกจำกัดและใช้วินัยทางการคลังเพื่อรักษาเครดิตของรัฐบาลในการชำระหนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะที่การแบ่งขั้วทางการเมืองของทั้งสองพรรคในสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพดานหนี้จึงกลายเป็นเครื่องมือของพรรคตรงกันข้ามในทันที
เมื่อพิจารณาจากผลของเกมนี้แล้ว ทั้งสองฝ่ายได้ทำในสิ่งที่ต้องการและประนีประนอมกัน แต่ประเด็นหลักของหนี้ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข
ความขัดแย้งระหว่างวงจรสั้นๆของการผลัดกันของทั้งสองฝ่ายกับวงจรยาวของการแก้ปัญหาหนี้ย่อมจะนำไปสู่ปัญหาซ้ำรอยเพดานหนี้ของสหรัฐฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา หนี้ในระดับสูงถือเป็นเรื่องปกติของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย รัฐบาลสหรัฐฯ มักใช้วิธีชะลอวิกฤตด้วยการผลักดันการขาดดุลการคลังและผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่อง
ในปีที่เศรษฐกิจดี รัฐบาลสหรัฐฯ กระตือรือร้นที่จะใช้จ่ายเงินมากขึ้นเพื่อแสวงหาความสำเร็จทางการเมืองเพื่อให้ได้คะแนนเสียงมากขึ้น
แต่ ขี้เกียจที่จะส่งเสริมการปฏิรูปโครงสร้างในระยะยาว
ปัจจุบัน สัดส่วนหนี้ของสหรัฐมีสัดส่วนมากกว่า 120% ของ GDP ตามการคาดการณ์ของสำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ สัดส่วนหนี้สหรัฐฯ ต่อ GDP จะสูงถึง 185% ภายในปี 2595
การขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณ 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 22% ของค่าใช้จ่าย ซึ่งหมายความว่าทุกๆ 5 ดอลลาร์ที่รัฐบาลใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2565 จะมีเงินเบิกเกินบัญชีไป 1 ดอลลาร์
สาเหตุโดยตรงของภาวะเงินเฟ้อคือ นิสัยทางการเงินที่ไม่ดีของการเมืองแบบเลือกตั้ง
นักการเมืองต้องดำเนินชีวิตนอกเหนือรายได้และ พัฒนานิสัยการกู้ยืมเงินเพื่อทำสงคราม ,ลดภาษี และสัญญาการเลือกตั้งต่างๆ สะสมอย่างต่อเนื่อง
การขาดดุลนำไปสู่การเพิ่มหนี้อย่างรวดเร็ว
ตามที่ "New York Times" ของสหรัฐฯ ให้ความเห็นไว้ หนี้ที่ขยายตัวตลอดเวลาของสหรัฐฯ คือ "ผลจากการเลือกพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตร่วมกัน"
และอัตราเงินเฟ้อของหนี้มีความเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับการขยายตัวทางทหารของสหรัฐฯ
ขณะนี้หนี้ของสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 6 เท่าของเมื่อต้นศตวรรษนี้
จากการประมาณการของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ค่าใช้จ่ายโดยตรงของสงครามสหรัฐฯสำหรับ ในอิรัก ,ซีเรีย และอัฟกานิสถาน สูงกว่า 1.6 ล้านล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
เบ็ดเสร็จ หากรวมค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น การย้ายถิ่นฐานของทหารผ่านศึกและดอกเบี้ยเงินกู้แล้ว
ค่าใช้จ่ายของสงครามที่สหรัฐฯ เปิดตัวภายใต้ธงของ "การต่อต้านการก่อการร้าย" หลังการโจมตีของผู้ก่อการร้าย "11 กันยายน" ในปี 2544 นั้นอยู่ที่เกือบ 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ .
อัตราเงินเฟ้อของหนี้ยังเกิดจากสิทธิพิเศษทางการเงินระหว่างประเทศที่ไม่ถูกผูกมัดของเงินดอลลาร์อีกด้วย
เป็นเวลานานแล้วที่สถานะสกุลเงินระหว่างประเทศของเงินดอลลาร์สหรัฐได้ให้สิทธิพิเศษแก่สหรัฐอเมริกาในการทำธุรกรรมและกู้ยืมเงินในสกุลเงินดอลลาร์ในอัตราพิเศษ
ในปี 2514 สหรัฐอเมริกาได้ประกาศแยกเงินดอลลาร์สหรัฐออกจากทองคำ
หลังจากที่ "สมอหลัก" ของแท่งทองคำถูกนำออก การออกสกุลเงินของสหรัฐฯ ก็เหมือนกับม้าป่าที่วิ่งเตลิด และ "กล่องแพนดอร่า" ของการขยายหนี้ของสหรัฐฯ ก็เปิดขึ้นเช่นกัน
Eswar Prasad ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย Cornell ในสหรัฐอเมริกา เคยเขียนไว้ในหนังสือของเขาเรื่อง "The Dollar Trap" ว่าด้วยการครอบงำของเงินดอลลาร์
สหรัฐฯ สามารถ "เพลิดเพลินกับความฟุ่มเฟือยที่ประเทศอื่นจ่ายให้"
และ ดอลลาร์ได้กลายเป็น "ผู้เก็บเกี่ยว" ของสหรัฐอเมริกาในวงจรเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ความหมกมุ่นของอเมริกาที่มีต่ออำนาจเงินดอลลาร์ ทำให้เกิดฟันเฟืองขนาดใหญ่
จากข้อมูลของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในเดือนมกราคมปีนี้ มีอย่างน้อย 16 ประเทศทั่วโลกประกาศขายพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯ
แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตระหนักที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความไม่ยั่งยืนของรูปแบบเศรษฐกิจหนี้ของสหรัฐฯ และความไม่น่าเชื่อถือของสินทรัพย์ดอลลาร์
นักวิเคราะห์ชี้ว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ต้นทุนดอกเบี้ยของหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
และการขาดดุลการคลังอาจเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
เพื่อรักษาสมดุลของผลกระทบด้านลบที่เกิดจากการครอบงำของเงินดอลลาร์สหรัฐ
ประเทศจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ได้เข้าร่วมในการคิดและดำเนินการของ "การลดค่าเงินดอลลาร์" และการปรับโฉมระบบการเงินระหว่างประเทศ
จากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ณ ไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 ส่วนแบ่งเงินสำรองเงินตราต่างประเทศของธนาคารกลางในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐลดลงเหลือ 58.36%
ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลในปี 2538
จนอาร์เจนตินาประกาศการตัดสินใจใช้ RMB เพื่อชำระค่าสินค้าที่นำเข้า
ประธานาธิบดี Lula ของบราซิลเรียกร้องให้ประเทศในกลุ่ม BRICS ใช้สกุลเงินของตนเองในการชำระบัญชี
และประเทศในอาเซียนหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินท้องถิ่นเพื่อยุติการค้า... นอกเหนือจากเงินดอลลาร์สหรัฐ ทุกๆอย่างก็ค่อยๆ ขยายตัวเช่นกัน
ดังที่ Filippo Gori นักเศรษฐศาสตร์จาก Organisation for Economic Co-operation and Development ชี้ว่า
วิกฤตเพดานหนี้ที่รุนแรงอาจทำให้ประเทศส่วนใหญ่ในโลกไม่ไว้วางใจเงินดอลลาร์อีกต่อไป
และเร่งการสิ้นสุดของความเป็นเจ้าโลกในระดับสากล มันจะเป็นความพ่ายแพ้ที่น่าทึ่งของอเมริกาเอง
- 12
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
