ผ้าไหมหางกระรอก
เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายทั้งภายในและต่างประเทศเนื่องจากลักษณะของผ้าไหมที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น คือเนื้อผ้าแน่น ละเอียด มีความมัน วาว ซักแล้วสีไม่ตก ไม่ซีด เมื่อนำไปตัดเย็บเสื้อผ้าตะเข็บไม่แตกง่าย มีความพิถีพิถันในการทอ ผ้าไหมโคราชมีลักษณะกรรมวิธีการผลิต
แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ 1.ประเภทหัตถกรรม ได้แก่ ผ้าไหมหางกระรอก ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมมัดหมี่ข้อ ผ้าไหมลูกแก้ว ฯลฯ โดยมีแหล่งผลิตได้แก่ อำเภอบัวใหญ่ อำเภอประทาย อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอเสิงสาง อำเภอห้วยแถลง กิ่งอำเภอสีดากิ่งอำเภอบัวลาย ฯลฯ 2. ประเภทอุตสาหกรรม ได้แก่ ผ้าไหมลายประยุกต์ ผ้าไหมพิมพ์ลาย ผ้าไหมพื้นเรียบ การแปรรูปผ้าไหม โดยมีแหล่งผลิตที่สำคัญอยู่ที่อำเภอปักธงชัย
โดยปกติผ้าหางกระรอกนั้นมักจะทอลายอย่างผ้าขาวม้า เพื่อใช้เป็นผ้านุ่งของชาวไทยภาคอีสานที่ได้รับอิทธิพลจากเขมร แม้ไม่อาจระบุอย่างแน่ชัดได้ว่าภูมิปัญญาการเกลียวเส้นไหมก่อนการทอนี้มีที่มาจากแหล่งใด แต่ผ้าหางกระรอกนี้พบเห็นได้ในแถบภาคอีสานตอนใต้และกลุ่มวัฒนธรรมเขมรในละแวกใกล้เคียงกัน
จุดเด่นที่สําคัญของผ้านอกจากจะเป็นเรื่องมิติของเส้นด้ายแล้วยังเป็นเรื่องของการให้สีผ้าหางกระรอกมักใช้สีสันสดใสตัดกัน โดยเฉพาะสีโทนเขียวและโทนสีแดงซึ่งเป็นเอกลักษณ์สําคัญ ผ้าหางกระรอกจึงสามารถนําไปใช้กับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของวัยรุ่นได้อย่างไม่ขัดเขิน
โดยสรุปแล้วไหมหางกระรอกเกิดจากการนำเส้นไหมมา ควบเส้น (ดู-กระเนียว/กระนิว /มับไม /กล่อมไหม/เย็น) วิธีการ ตีควบเส้นไหมหรือด้าย ที่สีแตกต่างกัน ในอดีตนิยมคู่สีตรงข้ามหรือสีแก่คู่ สีอ่อน เพื่อให้เห็นรอยเหลื่อมล้ำบนเนื้อผ้าได้ชัดเจนมองดูคล้ายขนหางกระรอก
คนภาคกลางจึงนิยมเรียกผ้าอีสานที่ทอนี้ว่า “ผ้าหางกระรอก” แต่ในภาค อีสานจะเรียกต่างกัน เช่น เย็น (ชาวภูไท/ผู้ไทย) มับไม/กล่อมไหม (ชาวไท-ลาว) กระเนียว/กระนิว (ชาวไทยเชื้อสายเขมรและกูย) เป็นต้น
#ขออนุญาตนำเนื้อและรูปภาพมประกอบการเรียนการศึกษา
นายรัชภูมิ จันทะสิงห์ ม.6/10 เลขที่ 11
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
