Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Side Stories
•
ติดตาม
6 มิ.ย. 2023 เวลา 17:32 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Shin Masked Rider ความเจ็บปวดของมนุษย์ดัดแปลง
“Semaru Shokkā!
Jigoku no gundan
Warera wonera kuroikage
Sekai nohei wawo mamoru tame
Go Go Let's Go!
Kagayaku ma shin”
.
.
.
แม้กาลเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน
ในยามที่บทเพลงนี้ก้องดังขึ้นอีกครั้ง
ร่างกายก็เหมือนมีพลัง
อะดรีนาลีนไหลหลั่ง
สูบฉีดไปทุกอณูเส้นเลือด
ยิ่งได้รู้ว่าอีกหนึ่งฮีโร่ในดวงใจ
อย่าง “ไอ้มดแดง” (ซึ่งจริงๆ คือตั๊กแตน)
กำลังจะกลับมาอาละวาดอีกครั้ง
บนจอขนาดยักษ์ด้วยผลงานของ
คุณ “ฮิเดอากิ อันโนะ” ผู้สร้าง
จักรวาล “Shin” อันเป็นเอกลักษณ์
เปี่ยมด้วยคุณภาพอันลึกซึ้ง
และลายเซ็นการเล่าเรื่อง
ที่ยากจะหาใครเหมือน
จักรวาลชินของคุณ "ฮิเดกิ อันโนะ"
ทั้ง Shin Godzilla, Evangelion และ Ultraman
มาครั้งนี้กับ “Shin Masked Rider” ตั้งแต่
วินาทีที่ปล่อย Teaser ฮีโร่สวมหน้ากาก
พร้อมฉากควบไซโคลนบรื้นนนออกมา
เฉกเช่นต้นฉบับเก่าในปี 2514
ก็ยิ่งทำให้รู้สึกเนื้อเต้นขึ้นไปอีก
เพราะคำว่า “シン (Shin)” ในภาษาญี่ปุ่น
นั้นแปลได้ 3 ความหมายด้วยกัน
ทั้ง “พระเจ้า” “ใหม่” หรือ “แท้จริง”
จะสื่อแบบไหนก็อยู่ที่บริบทของเรื่องนั้นๆ
อย่างชิน ก็อดซิลล่า ก็ตีความได้ทั้ง
ราชา(เทพ)แห่งเหล่าสัตว์ประหลาด
หรือการกลับมาของสัตว์ในตำนาน
ที่ถูกตีความใหม่ให้โหดเหี้ยมบริสุทธิ์
พร้อมเข่นฆ่ามนุษย์ให้หายป่วง
ชิน อุลตร้าแมนที่สื่อถึง
การนำยักษ์แห่งแสงมาเล่าใหม่
โดยกลับไปเคารพรากเหง้าต้นฉบับเก่า
จากภาพวาดสีน้ำมัน “Truth and Justice
and the Incarnation of Beauty”
ของ อ.โทรุ นาริตะ กับดีไซน์แรกสุด
แบบยังไม่มีปุ่มคัลเลอร์ไทม์เมอร์ตรงอก
และมีตัวตนของความเป็นเอเลี่ยน
ที่คาดเดาอารมณ์ไม่ถูก
รวมถึงเทคนิคการเล่าเรื่อง
โดยเน้นการขยี้ปมความขัดแย้ง
พร้อมชำแหละจิตใจมนุษย์ออกเป็นชิ้นๆ
ในบรรยากาศตึงเครียด เข้มข้น
มีความสะท้อนภาพการเมือง
และสังคมการทำงานของมนุษย์จริงๆ
เหมือนเอาซีรีส์เด็กมาปรับให้เข้ากับ
โลกของผู้ใหญ่อย่างสมเหตุผล
สิ่งเหล่านี้แหละคือลายเซ็นของจารย์โนะที่ว่า
พอมาเป็นชิน มาสค์ไรเดอร์
หรือชิน คาเมนไรเดอร์
เราก็รู้สึกได้ตั้งแต่ Teaser
ถึงความตั้งใจของผู้สร้าง
ที่อยากจะนำเสนอแง่มุม
ของ “มนุษย์ดัดแปลง”
ให้ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ยิ่งขึ้น
เริ่มจากดีไซน์แบบปล่อยผมแลบ
ออกมาจากหน้ากาก แล้วเพิ่มระยะห่าง
ระหว่างคอกับผ้าพันคอ
เพื่อให้เห็นส่วนที่เป็นเนื้อหนังมากขึ้น
และในเนื้อหาบทความที่ผม
กำลังจะเล่าต่อไปนี้จะมีการ
สปอยล์แหลก เปิดเผยเรื่องราว
จากหนังแบบเต็มพิกัด
ดังนั้นใครที่ยังไม่ได้ดู
แชร์เก็บไว้ก่อนแล้วค่อยมาอ่านนะครับ
ซึ่งถ้าลองปิดตาข้างหนึ่ง
มองผ่านรอยแผลเหวอะหวะ
ที่มีเยอะสุดตลอดทั้งเรื่องไปก่อน
การกลับมาครั้งนี้ของฮีโร่สุดคลาสสิค
ก็ยังให้ “แก่น” อะไรบางอย่างที่แปลกใหม่
และขยายภาพจากต้นฉบับได้ดีเลยล่ะ
จุดนี้เลยอยากชวนไรเดอร์ทุกคน
ควบไซโคลนคู่ใจออกไปให้สุดแรงม้า
พร้อมปลดปล่อยพลังปราณออกมา
ผ่านสายลมที่พัดพาเข้าสู่เข็มขัด
หลอมรวมเลือดตั๊กแตนและตัวเรา
ให้พุ่งพล่านไปทั่วทุกอณูร่างกาย
แล้วแปลงร่างพุ่งทะยานออกไป
ไล่บดขยี้พวกช็อคเกอร์ให้แหลกคามือ!!
ตอน!! … “Shin Masked Rider:
ความเจ็บปวดของมนุษย์ดัดแปลง”
.
.
.
1. “โลกสีเทา” ที่อยู่ใต้หน้ากาก
ความแปลกใหม่ที่ชิน มาสค์ไรเดอร์สื่อออกมาให้เห็นชัดก็นับว่ามีหลายจุดให้เห็นกันชัดมาก เริ่มตั้งแต่ช่วงแรกของการเล่าเรื่อง ที่ไม่เสียเวลาเท้าความว่า “Hongo Takeshi” พระเอกของเรามาเป็นฮีโร่ได้ยังไง แต่เริ่มจากการเป็นคาเมนไรเดอร์โดยสมบูรณ์ พร้อมบุกขย้ำ ฉีกเลือดเนื้อ เลาะกระดูกพวกช็อคเกอร์ (องค์กรที่หวังยึดครองโลก) ออกมาบดเป็นชิ้นๆ อย่างไร้ปราณี แบบเดียวกับที่หนัง “The Batman” ทำ คือเริ่มเรื่องมาเป็นแบทแมนเลย ไม่อารัมภบทฉากตอนเด็กที่เห็นพ่อแม่โดนฆ่าอีกต่อไป
มากกว่านั้นคือใจความสำคัญที่ซีรีส์ต้นฉบับไม่เคยบอกเลย เพราะปกติเรามักจะคุ้นเคยกับภาพของฮีโร่ใต้หน้ากาก ผู้ขี่ไซโคลนออกมาผดุงความยุติธรรมจากองค์กรชั่วร้ายที่สร้างเขาขึ้นมา ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเจอเหล่าสมุนกี้ๆๆ กรูกันเข้ามามากเพียงใด หรือต้องเจอเหล่ามนุษย์ดัดแปลงด้วยกันที่โหดหิน ร้ายกาจแค่ไหน เขาก็จะพยายามฝ่าไปได้ในปลายทาง
แต่ครั้งนี้แม้จะนำเสนอแบบเคารพต้นฉบับเดิมเหมือนจักรวาลชินที่ผ่านมา ผมกลับพบว่าชิน มาสค์ไรเดอร์กลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง เพราะเขาตีความจากมุมมอง “What is inside that mask?” อะไรคือสิ่งที่ซุกซ่อนอยูภายใต้หน้ากากตั๊กแตนและความแข็งแกร่งอันทรงพลัง นั่นแหละคือการนำ “Side Stories” ที่ไม่เคยถูกเล่าในซีรีส์เดิม พร้อมนำเหตุการณ์จากมังงะมาต่อยอดขยี้ให้ละเอียดถึงใจ
ตั้งแต่การตีความฮอนโก ทาเคชิในมุมใหม่ จากเดิมที่เป็นหนุ่มไบค์เกอร์สุดหล่อ เจ้าเสน่ห์ แถมฉลาดเป็นกรด ขยับแต่ละท่วงท่าก็ดูดีแทบทุกอย่าง มาเป็นชายหนุ่มผู้เปราะบาง สูญเสียคุณพ่อผู้เป็นตำรวจ พยายามเกลี้ยกล่อมคนร้ายแล้วถูกมันฆ่าตาย เด็กชายตัวน้อยผู้อยู่ตรงนั้น มีเพียงความหวาดผวา เสียใจ ช่วยอะไรพ่อไม่ได้ วินาทีสุดท้ายยังเห็นพ่อห่วงพะวงในหน้าที่ อยากช่วยคนร้ายให้สำนึก ทั้งที่ลูกก็ยังอยู่
มันเลยกลายเป็นความเจ็บปวด ผิดหวัง น้อยใจ และหวังอยากให้ตัวเองมีพลังขึ้นมาปกป้องคนที่รักได้บ้าง ไม่ใช่ได้แต่ส่งแรงใจอยู่แบบนี้ ซ้ำยังโตมาเป็น Loser ที่ตกงาน มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร ดูแล้วช่างตรงกันข้ามกับทาเคชิที่เราคุ้นเคยราวฟ้ากับเหว
ทว่าพอได้พลังนั้นขึ้นมาจริงๆ ทุกสิ่งกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวังและวาดฝันเอาไว้ เมื่อการเป็นมนุษย์ดัดแปลงได้ทำให้สูญเสียความเป็นตัวตนเดิม DNA แห่งมนุษย์ถูกแทรกซึมจนไม่เป็นตัวเองอย่างเคย พอสวมหน้ากากแล้วคุมระดับความรุนแรงจากการโจมตีไม่ได้ ปลิดชีวิตช็อคเกอร์อย่างเหี้ยมโหด ชโลมเลือดคามือแบบไร้ความรู้สึก
กระทั่งพอนึกออกก็ตื่นตระหนักตกใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิด แทบไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะฆ่าคนกับมือราวกับผักปลา ระหว่างสู้ไปก็ยังตั้งคำถามกับตัวเองไปด้วยว่าสิ่งที่ทำอยู่มันใช่จริงๆ หรือเปล่า พ่อครับนี่ผมทำถูกหรือไม่ถูก เมื่อพ่อพยายามยืนหยัดด้วยวิถีฮีโร่สุดๆ พยายามหยุดคนร้ายอย่างใจเย็น เข้าอกเข้าใจ และพร้อมให้โอกาสกัน จับกุมด้วยกระบวนการยุติธรรมต่อไป
แต่เขานั้นไม่ใช่ เข้าข่ายศาลเตี้ยหรือ Anti-Hero ผู้มีแบ็คอัพ ภารกิจแต่ละครั้งไม่มีคำว่าปราณี ชี้เป็นชี้ตายแบบเด็ดขาด เพราะหากเผลอใจอ่อนย่อมหมายถึงการเปิดช่องโหว่ให้ศัตรูเล่นงานกลับและไปทำร้ายผู้บริสุทธิ์ได้อีก
ยิ่ง อ.มิโดริคาวะ ผู้เลือกเขามาทำการทดลองเป็นผลงานความภูมิใจสุดท้ายที่หวังให้ช่วยทำลายล้างช็อคเกอร์ กลับถูกอ็อคแมงมุมฆ่าตายอย่างอนาถ ก่อนจะฝากชีวิตของ “รูริโกะ” ลูกสาวเอาไว้ พร้อมความคาดหวังอันหนักอึ้งที่ถาโถมอย่างฉับพลันลงบนบ่า
ท่ามกลางสภาวะหัวใจที่หนักหนา หวาดกลัว เจ็บปวด ไม่แน่ใจ โดดเดี่ยว สูญเสียตัวตนเดิม และสงสัยในหนทางที่เลือกเดินอยู่ ดูแล้วยังไม่พร้อมเป็นฮีโร่เท่าไหร่ แต่สถานการณ์ตรงหน้าไม่อาจรีรอให้ได้ทบทวน คิด ตกผลึกใดๆ กับตัวเองเลย แม้แต่รูริโกะเองก็ยังสัมผัสได้ว่าเขายังสั่นกลัว ดูไม่น่าจะไปปกป้องเธอได้ สู้ดูแลตัวเองยังดีกว่า กระนั้นทาเคชิก็ยังยืนหยัดจะสู้ต่อ ทั้งที่ยังไม่พร้อมมากนี่แหละ
สื่อให้เห็นว่าจริงๆ แล้วชีวิตการเป็นฮีโร่ เป็นมนุษย์ดัดแปลงอย่างคาเมนไรเดอร์ จริงๆ มันไม่ได้เท่เลยนะ มันซ่อนโลกสีเทาๆ เอาไว้ข้างในอยู่อีกมาก มันคือการที่ต้องเก็บงำความเจ็บปวดทุกอย่างไว้ข้างใน เหมือนภาพของการแปลงร่างที่เปลี่ยนไปจนน่ากลัวเหมือนตั๊กแตนปีศาจ เป็นความไม่งามที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้หน้ากาก พร้อมกรอบเวลาที่บีบสุดๆ ไม่มีพื้นที่ให้คิดเรื่องอื่น
จากตรงนี้มองย้อนไปแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกว่าตลอดชีวิตของทาเคชิ เขาต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิด มองตัวเองไม่ดีพอ ไร้พลังช่วยพ่อ และไม่เป็นที่ต้องการ อย่างงานก็โดนให้ออก การมาของ ดร.มิโดริคาวะกับรูริโกะจึงเปรียบได้กับแสงสว่าง เป็นการเปิดโอกาส ให้ความหมายบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ว่าเขาเองก็ยังเป็นที่ต้องการอยู่ ยังสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ในชีวิต
เลยตั้งเป้าอย่างแน่วแน่ที่จะปกป้องรูริโกะและพาเธอร่วมทางกันขจัดช็อคเกอร์ออกไป ค่อยๆ หาทางเรียนรู้ที่จะชินกับความไม่เคยชินให้ได้ โดยนิยามตัวเองใหม่ ไม่ขอเป็นอ็อคตั๊กแตนผู้เป็นเครื่องมือคนอื่น แต่คือคาเมนไรเดอร์ผู้ยอมรับในตัวเอง โอบกอดทั้งด้านสว่างและด้านมืดของความเป็นมนุษย์ดัดแปลง อยู่และเรียนรู้มันอย่างเข้าใจ เพื่อเติบโตสู่การเป็นฮีโร่ที่แท้จริง พร้อมจะทุ่มเทสู้จนถึงที่สุด ไม่ให้ใครต้องเจอโศกนาฏกรรมแบบพ่อเขาอีก
นอกจากนี้โลกเทาๆ ที่ก็ยังเกิดกับเหล่าตัวร้ายด้วยนะครับ จะเห็นว่าใครที่มาเป็นมนุษย์ดัดแปลงในช็อคเกอร์ ไม่มีใครดูปกติสักคน ไม่ขาดก็เกินจนล้น ต้องมีอะไรที่ไม่สมบูรณ์มาก่อน แต่พอดัดแปลงแล้วชีวิตเปลี่ยน ได้ทำอะไรที่ชีวิตก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสได้ทำ มีทั้งพลัง ทั้งอำนาจ มีสมุนใต้บังคับบัญชา อย่างอ็อคตัวต่อ “ฮิโรมิ” เพื่อนเก่ารูริโกะที่พอถูกชวนให้ออกจากช็อคเกอร์ก็ตอบทันทีว่าไม่ออก อยู่นี่ดีแล้วมีพร้อมทุกอย่าง ขึ้นหลังเสือจะให้ลงคงยากหน่อย นี่แหละคือความเทาที่เกิดกับมนุษย์ดัดแปลง
2. “สุข” กับ “ทุกข์” อยู่ใกล้กันเพียงนิดเดียว
การที่ทาเคชิได้เป็นคาเมนไรเดอร์นั้น ไม่เพียงแต่เขาต้องพยายามสู้ฝ่าฟันกับเหล่าช็อคเกอร์ผู้ร้ายกาจ แต่ยังต้องสู้กับความคิดตัวเองอยู่ตลอด เพราะคนเรามักหวาดกลัวในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ ร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยเทคโนโลยีไฮเทค พอแปลงร่าง สวมหน้ากากก็กลายเป็นอีกคน ห้ำหั่นศัตรูอย่างโหดเหี้ยมด้วยระบบที่ถูกออกแบบมาให้ลงมืออย่างเด็ดขาดเพื่อเอาตัวรอด
ทำให้เขาบอกรูริโกะว่าแบบนี้มันคือความทรมานชัดๆ ถึงปากจะบอกพร้อมปกป้องเธอนะ แต่อาการตื่นกลัวชัดขนาดนี้ มองจากดาวเสาร์ยังรู้ว่าเขายังไม่พร้อมจะไปดูแลใครได้ ทำภารกิจก็ยิ่งไม่ได้ เอาตัวเองให้รอดก่อน สาวสวยผู้ฉลาดล้ำเลยบอกเธอดูแลตัวเองได้สบายมาก ทำอะไรอย่างรอบคอบเสมอ
ก่อนจะฝากแง่คิดเตือนสติทาเคชิไว้ได้ดีมากๆ คุณอย่าลืมสิว่าเข้ามาตรงนี้(เป็นคาเมนไรเดอร์) เพราะอะไร? คุณอยากปกป้องคนนี่? ไม่อยากให้เกิดโศกนาฏกรรมกับใครอีก ลองมองมุมกลับ ปรับมุมมองใหม่ “ความสุข” มันอยู่ใกล้กับ “ความทุกข์” นิดเดียวเหมือนเวลาเขียนตัวคันจิในภาษาญี่ปุ่นว่า 幸せ – ความสุข และ 辛い - ความทุกข์,ลำบาก จะมองพลังตรงนี้เป็นคำสาป หรือจะมองมันเป็นจุดเปลี่ยน อยากจะขีดเขียนชีวิตให้เป็นแบบไหนขึ้นอยู่กับเรามองมากกว่า
คำพูดของรูริโกะจึงเปรียบดั่งแสงคอยส่อง ให้ทาเคชิรับรู้ถึงคุณค่าในตัวเองและก้าวต่อไปให้ดีกว่าเก่า ไม่ว่าในฐานะคาเมนไรเดอร์หรือมนุษย์คนหนึ่ง ความใจดี มีเมตตาธรรมของเขานี่แหละที่จะไม่มีวันเปลี่ยน
“ผ้าพันคอสีแดงนี้ ดีจังที่มันเหมาะกับคุณ” -
รูริโกะ😊❤️ 🏍
3. “จิตวิญญาณ” คือสิ่งที่สามารถส่งต่อกันได้
หากข้อมูลคือสิ่งที่เป็นรูปธรรม ถ่ายโอนกันได้ชัดในรายละเอียดทั้งภาพ เสียง เนื้อหา จิตวิญญาณก็ทำได้เช่นกัน แม้มันจะไม่ได้เห็นชัดเลยในทีแรก แต่เมื่อถึงเวลาที่จังหวะเวลาทุกอย่างมันผ่านการบ่มเพาะ หล่อหลอม เคี่ยวกรำอย่างเหมาะสม ตัวตน ความคิด ความเชื่อและมุมมองเหล่านั้นก็จะแสดงออกมา จากคนหนึ่งถึงอีกคน (หรือหลายคน)
หนังเรื่องนี้จึงเป็นภาพสะท้อนของการส่งต่อทั้งจิตวิญญาณและเจตนารมณ์ระหว่างกัน เริ่มจากทาเคชิที่สืบทอดตัวตนฮีโร่จากพ่อ ทั้งจิตใจที่ดีงาม โอบอ้อมอารี อยากจะมีพลังปกป้องทุกคน เห็นใจกระทั่งศัตรู พอควบคุมความพุ่งพล่านในร่างได้แล้ว เมื่อมีโอกาสไว้ชีวิตมนุษย์ดัดแปลงด้วยกัน ตอนที่รูริโกะขอให้ช่วยเว้นฮิโรมิไว้คนหนึ่ง เขาก็ยินดี
หรือตอนที่เจอ “อิจิมอนจิ ฮายาโตะ (V.2)” เป็นครั้งแรก ก็สู้แบบจำใจ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทุกข์ทรมานและต่อต้านการล้างสมองของช็อคเกอร์ ระหว่างสู้ก็พยายามหาโอกาสถอยเพื่อคุยเกลี้ยกล่อมให้ได้สติ คอยแต่คิดถึงหัวใจของอีกฝ่ายจนบาดเจ็บหนัก ขาหักหมดสภาพ ก่อนที่รูริโกะจะช่วยปลดล็อคกลไกล้างสมอง จนฮายาโตะคืนสติอีกครั้ง
รูริโกะเองจากที่ตอนแรกเป็นคนเย็นชา สูญเสียคุณพ่อไปก็เฉยๆ เพราะมองว่าตัวเองแค่สืบสายเลือดทาง DNA เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งของเขา ทั้งที่จริงพ่อรักเธอมากจนฝากความหวังสุดท้ายไว้ให้ทาเคชิช่วยดูแล การได้มาร่วมทางทำภารกิจร่วมกับพ่อหนุ่มไรเดอร์จึงทำให้หัวใจเธอสัมผัสได้ถึงพลังแห่งรักมากขึ้น เริ่มเรียนรู้ที่จะเข้าใจคนอื่นบ้าง
ซึ่งจริงๆ เธอก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำแต่แรก แต่เพราะระบบช็อคเกอร์และความโหดร้ายของพวกมัน จึงหล่อหลอมให้เธอต้องโตมาแบบนั้น เมื่อมีโอกาสเจรจาก็ลองพยายามให้สุด ไม่อยากให้ฮิโรมิต้องเจ็บ ไว้ชีวิตอีกฝ่าย จนเพื่อนตัวร้ายเองก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเธอ น่าเสียดายที่ต้องจากกัน ทั้งที่ฉันอยากตายด้วยมือเธอมากกว่านะรูริรูริ (ฮือออ)
และความอ่อนโยนที่เธอได้รับจากทาเคชิ ก็ถูกส่งต่อไปให้ฮายาโตะ รวมถึง “อิจิโร่ (No.0)” พี่ชายผู้หลงผิด เป็นบอสใหญ่ชอคเกอร์ที่อยากจะดึงเอาปราณหรือพลังชีวิตมนุษย์ทุกคนไปนรกด้วยกัน เพราะมองเป็นยูโทเปียหรือดินแดนในอุดมคติ จากปมเมื่อครั้งต้องเสียคุณแม่ผู้เป็นที่รักไป ด้วยน้ำมือฆาตกรที่ฆ่าไม่เลือก
แต่หัวใจอันบริสุทธิ์ของเธอและทาเคชิก็ช่วยสาดแสงสว่างส่องมาถึงใจอันมืดมิดของชายผู้สิ้นศรัทธาในมนุษย์ ได้มองเห็นถึงความหวังอีกครั้ง ว่าในโลกอันโหดร้ายก็ยังมีความรัก คุณธรรมน้ำมิตร ซ่อนอยู่เสมอ แม้แต่น้องสาวที่จากไปแล้วก็ยังคงมีหวัง ยังเชื่อในพลังความดีที่ยังมีอยู่ในตัวเขา ทาเคชิเองที่รับสารนี้มาโดยตรงทีแรกยังน้ำตาร่วงไหลรินอาบหน้า ก็พร้อมจะเชื่อและศรัทธาไปกับเธอด้วย จนยอมใช้ปราณสุดชีวิต ยอมพลีชีพเพื่อเรียกสติอิจิโร่ก่อนจะสลายไปทั้งคู่ อย่างน้อยผีเสื้อก็ได้กางปีกโบยบินอย่างอิสระเสียที
แม้แต่ฮายาโตะที่เจอกันได้ไม่นาน ก็รับรู้ได้ถึงจิตใจอันดีงามของฮอนโก (ฮายาโตะเรียกนามสกุล) กับคุณหนู(รูริโกะ) จากนักข่าวหนุ่มผู้รักสันโดษ ชอบลุยเดี่ยว ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ก็กลายเป็นคนที่พร้อมเปิดใจให้คนอื่นบ้าง ยอมทำงานเป็นทีมบ้าง มันก็ไม่ได้แย่ แถมยังให้แง่มุมใหม่ๆ ในชีวิตด้วย
ถึง V.1 จะจากไป แต่ก็จากแค่กาย เพราะจิตวิญญาณและเจตนารมณ์ของเขาได้ถูกส่งผ่านมายัง V.2 ผ่านหมวกใบใหม่สีสดใสซึ่งเป็นภาพจำที่สุดในสายตาแฟนๆ ผู้รักเรื่องนี้ เราเลยได้เห็น V.1+2 เป็นคาเมนไรเดอร์ผู้รวมสองจิตวิญญาณให้เป็นหนึ่ง ก้าวลุยต่อไปไม่ไหวหวั่น
นอกจากนั้น เสน่ห์อีกอย่าง
ของชินมาสค์ไรเดอร์คือการ
ผสมผสานเทคโนโลยีความล้ำยุค
เข้าไปในตัวฮีโร่ได้อย่างกลมกลืน
ทั้งหน้ากากที่ไม่ใช่แค่เอาไว้บังหน้า
แสดงถึงความเป็นฮีโร่อย่างเดียว
แต่เต็มไปด้วยมันสมองจากคลังข้อมูล
กำหนดทิศทางการต่อสู้และชีวิตไรเดอร์
ตรงนี้ดูให้ความแปลกใหม่ได้ดีทีเดียว
อารมณ์เหมือนดู Spider-man
เวอร์ชั่น Tom Holland ที่ชุด
จะมีความไฮเทค มี A.I. ผู้ช่วย
และนวัตกรรมการยิงใยมากมายหลายแบบ
รวมถึงฉากบู๊ก็ทำออกมาได้มันส์สลัด
ตามเทคนิคการถ่ายทำที่พัฒนาไปตามยุค
กระนั้นแผลเหวอะหวะก็มีอยู่มาก
พอเป็นคาเมนไรเดอร์ยุคโชวะ
ที่เรารักมากและโตมาด้วยกัน
มันเลยแอบคาดหวังเยอะหน่อย
ไม่โทษนักแสดงเพราะ
บทมันส่งมาแบบนั้น
เป็นบทที่มันไม่ดีถึงขีดสุด
เดินเรื่องเร็วแบบทื่อๆ
เหมือนเกมตะลุยด่านที่ตัวเอก
ไล่ปราบตัวร้ายไปเรื่อยๆ
แบบแทบจะไม่ให้พัก
มาสำรวจแง่มุมอื่นของตัวละครเลย
แถมแต่ละด่านก็ดูง่ายดายสุดๆ
ตัวร้ายถูกปูมาอย่างเดือด
แต่ตายง่ายแบบเคี้ยวป๊อบคอร์น
ยังไม่ทันละเอียดก็เป็นศพฟอง
จากตัวหนึ่งก็ไปต่ออีกตัวและก็ไปอีก
อย่างเจ๊แมงป่องเปิดตัวมาแบบเริ่ดๆ
สุดท้ายตายห่าไปแบบเงียบๆ
ไรเดอร์ช็อคเกอร์มาเป็นฝูงขนาดนั้น
ฝีมือและพลังเหนือกว่าพวกทาเคชิเยอะ
ก็เป็นได้แค่ไม้ประดับให้เอามาฆ่าเล่น
และความง่ายนี้มันยังรวมอีกหลายอย่าง
ในความที่เวลามีบางอย่างเปลี่ยน
ก็เปลี่ยนแบบฉับพลันไม่มีปีมีขลุ่ย
ทั้งฮายาโตะที่มาอย่างเท่
ปูมาเดือดสุดๆ หวดกันยับกลางอากาศ
ยังกะ Dragon Ball แต่บทจะคืนสติ
กลับง่ายสุด เหมือนช็อคเกอร์
เป็นองค์กรเด็กๆ ที่ไม่ได้ลงโปรแกรม
ป้องกันการแฮ็คหรือแผนซ้อนเอาไว้
พอมาเป็นพวกเดียวกัน
บทขอลุยคนเดียวแล้วตามมาช่วย
หรือสุดท้ายยอมร่วมมือ
กับทีมรัฐบาลที่เขาเคยแอนตี้
จริงๆ พอเข้าใจได้นะครับ
เพียงแต่มัน “เร็วเกินไป”
จนไม่ได้เห็นระหว่างทาง
กว่าที่ตัวละครหนึ่งคนจะเปลี่ยนแปลง
ลาสบอสอย่างอิจิโร่หรืออ็อคผีเสื้อ
ที่เปิดตัวมาอย่างอลังการ
ระเบิดพลังเทพใส่พวกทาเคชิ
จนเลือดกระอักคาหน้ากาก
แทบไม่เห็นทางสู้ พอเสียท่า
เจออีกฝ่ายใช้ไซโคลนเข้าแหล่งพลัง
ก็สะดุดเอาดื้อๆ บทจะกลับใจก็ง่ายๆ
รวมถึงรัฐบาลสองคนอย่าง
ทาจิบาน่าและทากิก็มาแบบทื่อๆ
ต่างจากต้นฉบับที่ลุงทาจิบาน่า
มีส่วนสำคัญและมีชีวิตชีวากว่านี้มาก
ทุกอย่างมันเลย
ดูขาดเสน่ห์ ไร้มิติไปหมด
ไหนจะเรื่องความไม่สมเหตุสมผลอีกหลายจุด
จนพ่อผมที่เป็นแฟนมดแดงเข้าเส้น
ไปดูมาก็ส่ายหัวเหมือนกัน
บอกบทไม่ดี อย่างตอนสู้กันก็ไม่รู้
ว่าผู้คนหายไปไหนหมด
ผมเองที่คาดหวัง Signature คุณอันโนะแบบสุดๆ
ก็เสิร์ฟออกมาน้อยกว่าที่คิดไว้มาก
ถ้าขยี้ความเก่งของช็อคเกอร์ออกมาได้
ขยายภาพความเข้มข้น จริงจัง
ว่ารัฐบาล คาเมนไรเดอร์ และผู้คน
ต้องเจอกับอะไรบ้าง
ใส่เกมจิตวิทยาปั่นๆ ที่พวกตัวร้าย
มักใช้เล่นงานฮีโร่ของเราจนเหนื่อย
กว่าจะผ่านไปได้แต่ละตอนไม่ใช่เรื่องง่าย
บทรักระหว่างทาเคชิกับรูริโกะ
ก็แอบหยอดมาเป็นกลิ่นๆ
แต่ก็ไปไม่สุด จะรักหรือเปล่า
พอต้องเดาไปมา ฉากบอกลาที่ควรจะซึ้งสุดๆ
กลับกลายเป็นไม่สุดไปอีก
ดูจบเลยมีแต่คำว่า “เสียดาย”
ผุดขึ้นในหัวมาไม่หยุด
เพราะวัตถุดิบดีแล้วทุกอย่าง
เพียงแต่ปรุงและเคี่ยวออกมาไม่ถึง
รสชาติมันเลยไม่ได้ ไปไม่สุดอย่างหวัง
นับเป็นการส่งท้ายจักรวาลชินที่จืดสนิท
เพราะรักและต้องติเพื่อก่อ
และก็ได้แต่หวังใหม่ว่า
เวอร์ชั่นรีเมคครั้งหน้าทีมผู้สร้าง
จะหาส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง
การใช้เทคโนโลยีถ่ายทำล้ำๆ
กับบทที่ลึกซึ้ง เข้าถึง
ช่วยส่งตัวละครที่มีเสน่ห์อยู่แล้ว
ให้น่าจดจำยิ่งกว่านี้อีก
ถ้านำจุดเด่นของบทจากต้นฉบับเก่า
มาคลุกเคล้ากับความแปลกใหม่
ของภาคชินได้อย่างลงตัว
เมื่อนั้นแหละเราคงได้เห็น
คาเมนไรเดอร์ที่สมบูรณ์แบบสุด
อย่างที่ควรจะเป็นจริงๆ
เฉกเช่นความหมายในบทเพลงแห่งวันวาน
.
.
.
“Rider (Jump!) Rider (Kick!)
Kamen Rider Kamen Rider
Rider Rider,,,” 🏍💨💨
บันเทิง
ภาพยนตร์
ญี่ปุ่น
2 บันทึก
4
4
3
2
4
4
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย