7 มิ.ย. 2023 เวลา 00:45 • ความคิดเห็น
เราเข้าวัด ..เราก็ไปดูตั้งแต่หน้าวัด ที่เค้าเรียกว่า ..การทำบุญด้วยความบริสุทธิ์ เพื่อที่จะปลอดปล่อย อารมณ์ความยิดถือ ที่ตัวเองยึดความโลภความโกรธความหลง ลาภยศสรรเสริญเยินยอ ออกไป .ทำบุญถวายไว้ในศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ..เค้าถวายด้วยความเต็มใจ ..สละไปแล้ว สร้างไปแล้ว..ให้เป็นสถานที่ ..ที่บริสุทธิ์
..แต่คนเรามันมีความยึดถืออยู่ ยึดสิ่งนี้เป็นของฉัน เก้าอี้ โต๊ะ หน้าต่าง ประตู หลังคา จะทำบุญสละออกไป ก็ต้องสลักชื่อติด ชื่อคนนั้นคนนี้ ชื่อบริษัทห้างร้าน ..ชื่อคนตาย อะไรมากมาย นั้นแหละ ..เค้าว่าคนเรามันยึดกรรมอยู่ ยึดความยึดถือความโลภโกรธหลงอยู่
มีเศรษฐีคนหนึ่ง สร้างกุฏิ..ถวายพระที่นับถือ ..ถวายแล้วก็บอกว่า ในกุฏินี้อย่าเอาของคนอื่นเข้ามาในกุฏิของเค้า ..เมื่อเค้าเจตนามาอย่างนั้น ..พระท่านจะอยู่ได้มั้ย..นั้นก็เรื่องความยึดถือเต็มอัตราศึก ไม่อยากใช้คำนี้เลย ..ของ ..ของกู..น่ะ แล้วคนอย่างนี้จะเผื่อแผ่อะไรได้ (เราไม่ได้ว่าเค้า ..เราก็ดูนิสัยเค้าเป็นอย่างนั้น เห็นแก่ได้ เห็นแก่ แม้จะทำบุญ จิตใจก็ยังคับแคบ)
แม้การทำบุญ สร้างศาลา ทำกฐินสามัคคี สร้างโบสถ์วิหาร ก็ยังมีการจับจอง ประตูนี้เขียนชื่อคนนี้ คนนี้ จับจองประตูหน้าต่าง เหมือนแย่งสถานที่อยู่ที่กิน แม้จะทำบุญก็ต้องจับจอง จะต้องมีสิ่งสมนาคุณ เป็นตะกรุด ผ้ายันต์ เหรียญนั้นเหรียญนี้ นีร่เค้าสอน..เรียกว่า สอนให้ยึดถือ หลอกให้เค้ายึดถือ หลงใหลมากขึ้นไปอีก สกัดกั้น มิให้มีสิ่งที่บริสุทธิ์เกิดขึ้น
เหมือนว่า จะสร้างโบสถ์สักหลัง ก็ยึดถือ ไหนว่าถวายพระพุทธเจ้า ..เหมือนเวลา จะทำพิธีกรรมอะไร สักอย่าง ก็ทำเป็นกราบพระ อาราธนาศีล ทำบุญ เรียบร้อย ก็เลี้ยงฉลอง เหล้ายาปลาปิ้ง บ้างจะทำบุญงานบวช ทั้งเป็ดไก่ต้องเดือดร้อน เหล้ายาก็ฉลองกันเต็มที่ (นึกว่าจะบวชนาน แค่สามวันเจ็ดวัน) มีการแห่นาครอบโบสถ์ สนุกสนาน กว่าเข้าโบสถ์ได้ สามรอยก็ปาเข้าไปสองสามชั่วโมงก็มี ..คนเมามายตั้งแต่ก่อนเข้าโบสถ์..นี่มันมารผจญจริงๆ .มากับเหล่ามาร ข้าทาสบริวาร..
มันมีเรื่องราวมากมายที่ คนมีกรรม เข้าวัด เพื่อไปสร้างกรรมให้มันมากขึ้น เราจึงเห็นชื่อคนนั้นคนนี้สลักเกลื่อน เค้าทำบุญด้วยความยึด เอาอารมณ์โลภโกรธหลง ไปทำบุญ ..แล้วสิ่งที่ได้ จะเป็นบุญมั้ย ..หรือ ว่าไปทำกรรมให่มันมากขึ้น เมื่อโบสถ์ศาลา สลักชื่อคนนั้นคนนี้เต็มไปหมด โบสถ์นั้นจะบริสุทธิ์ เป็นโบสถ์สละน้อมถวายต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือ เป็นสถาที่บริสุทธิ์หรือ
มีเรื่องหนึ่ง พระท่านบวชใหม่ เผลอไปนั่งร้องเพลงในโบสถ์เก่า (คนสมัยก่อน เค้าสร้างโบสถ์เค้าไม่สลักชื่ออะไรกัน เพราะโบสถ์จะได้บริสุทธิ์) ก็เห็นมีพระชรา เดินออกว่าจากเสา มาบอกว่า ..ตอนนี้เราบวชมาเป็นพระน่ะ ..
แล้วเรื่องสวดชุมนุมเทวดา ..บ้างก็จะหาลาภยศ เลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้ง กินกันก่อน จะทำบุญเลี้ยงพระ แล้วยังมาสวดเชิญเทวดา ..เทวดาที่ไหนเค้าจะมา ร่วมอนุโมทนา ..คนที่กำลังสร้างแต่กรรม
แล้วก็ไปดูได้ วัดไหน เอารูปเกจิอาจารย์ ไปตั้งหน้าพระพุทธ ..วัดนั้นก็มีแต่ความแตกแยก เอาสิ่งไม่ดีเข้าไปในโบสถ์ ก็เหมือนกัน ลองไปสังเกตดู ..แล้วก็พวกหัวหน้าอะไรทั้งหลาย ..ตั้งหิ้งพระ ก็เอาตระกรุดผ้ายันต์ .เกจิไปตั้งหน้าพระพุทธ ..เค้าก็จะมีแต่เรื่องร้อน เร่าร้อน อยู่ไม่เป็นสุข คนนั้นคนนี้ทะเลาะกัน ไม่ถูกกัน แม้แต่ในบ้านก็เหมือนกัน ไปสังเกตดู ..อย่าเชื่อ..
ยิ่งดูคนใหญ่โต ..จะรับหน้าที่ต้องบรวงสรวง มีพิธีกรรม ..(มองลึกๆไม่ต่างจากคนป่าคนดอย ไหว้ผีเซ่นผีอะไรเลย คนเรามันผิดกันที่เครื่องแต่งกาย ..แต่จิตย้อนไปในยุคที่ไม่มีศาสนา)..อะไรมากมาก หมูเป็ดไก่เดือดร้อนอีก .ขนาดเป็ดไก่ยังเดือดร้อน เปลี่ยนร่างเป็น เป็ดย่างไก่ต้ม แล้วคนจะไม่เดือดร้อนได้อย่างไร
..หลง..ทำในสิ่งที่หลงคิดว่าเป็นมงคล ..อยากจะให้เป็นมงคล ทำไมไม่สร้างให้เกิด..เกิดบุญ ทำบุญเลี้ยงพระ ให้สถานนั้นมีบุญกุกุศลเผื่อแผ่ ไปถึงเจ้าของสถานที่ จิตที่อาศัยเร่ร่อนในสถานที่นั้น เผื่อไปซิ เค้าก็เคยเกิดเป็นมนุษย์ จิตออกจากร่างไปไหนไม่ได้ เค้าก็ต้องการบุญกุศล ..จิตต้องการบุญกุศล ..เหมือนชาร์จแบตตารี่ให้แก่จิต
อ้อ..ไหนก็เล่ามาแล้ว ที่อนุสาวรีย์พระเจ้าอู่ทอง ..อยู่ๆก็มีเสียงลอย (สงสัยตัวเองน่าจะหลงน่ะเนี่ย)..บอกมาว่า ..พวกไสยศาสตร์ เข้ารบกวนในสถานที่ ..เราก็ไปดู..ว่าจริงมั้ย ..ก็มีคนมาทำพิธีกรรม บรวงสรวงอะไร ร่ายโองการ..ที่สถานที่นั้น ..มันไม่ได้เกิดเป็นบุญ ..จิตวิญญาณสถานที่นั้นเค้าก็ร้อน..เดือดร้อน..วุ่นวาย..ไม่สงบสุข ..เค้าเรียกว่า ไปกระทำให้โลกวิญญาณเค้าเดือดร้อน
เขียนไปเขียนมา รู้สึกว่า ตัวเองจะเห็นตัวเองดีแล้ว อวดเก่งอวดดีดี ..นี่ก็เพราะเรามันเป็นคนหลง นี่เอง ..อย่าเชื่อคนหลง พระท่านบอกว่า ใช้เหตุผลให้มากๆ จะได้กันตัวหลงดี ..
อีกอย่างหนึ่ง กษัตริย์ไทยไม่ได้ รังเกียจผู้ที่ที่นับถือศาสนามาแต่อดีต เพราะอุปถัมภ์ค้ำชูในเรื่องราวของศาสนา ที่ผู้คนมีความแตกต่างกันด้วยความนับถือความยึดถือ คนที่อพยพเข้าสู่แผ่นดินก็มากมาย ทั้งจินแขกฝรั่งเขมรลาว เค้าว่า..ที่วังลพบุรี ผีฝรั่งโปรตุเกส แขก กรีก อาหรับ ก็ยังมีอยู่ไปไหนไม่ได้เลย
เรื่องพิธีกรรม..มันมีฝั่งลึกในแถบจะทุกที่ ในเรื่องราวศาสนา เค้าก็มุ่งหมายให้คนทำดีกัน ปัญหาไม่ได้เกิดจากคำสอนในศาสนา ปัญหามันเกิดจากคนที่เข้ามา เอาศาสนา มาเป็นเครื่องมือในการทำมาหากิน เสาะหาที่กินที่นอน ลาภยศสรรเสริญ ..ต่างหาก
เรื่องการสร้างบุญกุศล
เมื่อทำให้ถูกวิธี ..มันก็เกิดเป็นบุญกุศล .เกิดขึ้น ..เหมือนการบวช ..ผู้บวชมาขอบวช เดินเข้าไปขอเปลี่ยนชุด ..ไปสวมใสเครื่องหมายธรรม จะเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม ..เค้าก็มีพิธีกรรม ที่กระทำกันในโบสถ์ ..แล้วบุญกุศลที่ญาติโยม จะได้ ..ทำบุญถวายข้าวปลาอารมณ์ ไปประทังสังขารของนักบวช ญาติโยมทำบุญกับเครื่ิงหมานธรรม ก็เนื่องจากผู้ที่สวมใส่เครื่องหมายธรรม เอามาประพฤติปฏิบัติธรรม .เป็นผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ..
มีพระท่านเล่า..เรื่องญาติโยม จะทำบุญใส่บาตร พระอรหันต์ต้นพุทธกาล..ญาติโยมคนไหนไม่เต็มใจ ไม่พร้อมจะใส่บาตร ท่านก็เดินเลยไป เวลาญาติโยมจะใส่บาตร ท่านก็บอกให้นึกถึงจิตที่อาศัยในเรือนกายของคุณบิดามารดา นำปัจจัยมาน้อมถวายต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ระลึกถึงพระคุณบิดามารดา ที่ใช้กายของท่านไปหาปัจจัยมาด้วยความเหนื่อยยาก ญาติโยมก็ยกขันข้างชูขึ้น ท่านก็รอจนจิตของญาติโยม นั่นมีกายที่นิ่ง จิตนิ่ง ไม่นึกคิดอะไร แล้วท่านจึงเปิดบาตรให้ใส่ เพื่อจะให้ญาติโยมได้บุญกุศลเต็มที่ ให้กายบิดามารดาอนุโมทนาบุญกุศล
คำถาม ที่อยากจะฝากไว้ เรารู้จักเรื่องราวพระศาสนา มาอย่างไร เรียนรู้จากที่ไหน เรียนตามที่อ่านหนังสือ ..เรียนในสิ่งที่เค้าเรียกว่า คำภีร์ตำรา แล้วก็บอกว่ารู้ สิ่งที่เรารู้ แก้ทุกข์ขอจิตใจ ความโลภโกรธหลง อารมณ์นานาชนิดได้มั้ย ..นั่นก็คือ เรามีการประพฤติปฏิบัติธรรม ตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นมีมั้ย
หากปฏิบัติธรรม .เราปฏิบัติธรรมถูกทางมั้ย มีการสวดมนต์ภาวนา เราทำถูกวิธีมั้ย แม้แต่ทำบุญ เราทำถูกวิธีมั้ย มันมีรายละเอียด..ในเรื่องราวเหล่านี้ เราเองก็ เคยมองข้าม.เรื่องแบบนี้.เรื่องการสร้างบุญกุศล ..ไม่ทำบุญ ยังหลงคิดว่ามีบุญอยู่นั้นแหละ บุญที่ลมหายใจเค้ายังอนุเคราะห์ ไม่หยุดลมหายใจไป
โฆษณา