ผู้เสียชีวิตจากโควิดของไทยสูงที่สุดในรอบปี 2566 รวมทั้งผู้ติดเชื้อแบบ PCR
ตัวเลขสถิติเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดของประเทศไทยล่าสุด ในสัปดาห์ช่วง 28 พฤษภาคมถึง 3 มิถุนายน 2566 แสดงให้เห็นว่า
ไทยมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดสูงที่สุดในรอบปี 2566 รวมทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อแบบพีซีอาร์ด้วย
โดยตัวเลขสถิติต่ำสุดเกี่ยวกับโควิดในรอบปี 2566 เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ 2-8 เมษายน 2566
มีผู้ติดเชื้อแบบพีซีอาร์ 168 ราย
เสียชีวิต 2 ราย
ปอดอักเสบ 19 ราย
ใช้เครื่องช่วยหายใจ 14 ราย
แต่ในสัปดาห์ล่าสุดคือ ช่วง 28 พฤษภาคมถึง 3 มิถุนายน 2566 พบ
ผู้ติดเชื้อแบบพีซีอาร์ 3085 ราย
เสียชีวิต 68 ราย
ปอดอักเสบ 386 ราย
ใช้เครื่องช่วยหายใจ 243 ราย
เมื่อเปรียบเทียบสถิติทั้งสี่ตัวในช่วงสองสัปดาห์ดังกล่าว จะมีการเพิ่มขึ้น
ผู้ติดเชื้อแบบพีซีอาร์ 18 เท่า
เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 34 เท่า
ปอดอักเสบเพิ่มขึ้น 20 เท่า
ใช้เครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้น 17 เท่า
และเมื่อวิเคราะห์ตัวเลขเกี่ยวกับโควิดทั้ง 4 ตัวในสัปดาห์ล่าสุด เปรียบเทียบกับตัวเลขทุกสัปดาห์ของปี 2566 พบว่า
จำนวนผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในรอบปี 2566 โดยสถิติเสียชีวิตสูงเป็นอันดับสองรองลงไปเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ 8-14 มกราคม 2566 เสียชีวิต 65 ราย
เช่นเดียวกัน จำนวนผู้ติดเชื้อพีซีอาร์ก็สูงที่สุดในรอบปี 2566 โดยมีอันดับสองเกิดขึ้นในช่วง 21-27 พฤษภาคม 2566 จำนวนผู้ติดเชื้อแบบพีซีอาร์ 2970 ราย
จากตัวเลขดังกล่าว เป็นการยืนยันว่า สถานการณ์โควิดของไทยขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลอดสองเดือนที่ผ่านมา แต่ถือว่าเป็นระลอกเล็กเมื่อนำไปเทียบกับสถิติเมื่อปี 2565
โดยพบว่าผู้ติดเชื้อแบบพีซีอาร์สูงสุด
เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565
จำนวน 28,379 รายต่อวัน
และผู้เสียชีวิตสูงสุด
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565
จำนวน 129 รายต่อวัน
ในขณะที่ตัวเลขของปี 2566 เป็นการรายงานต่อสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม แม้การเพิ่มขึ้นของโควิดจะยังถือว่าเป็นระลอกเล็ก(Small Wave) แต่ก็ไม่ควรประมาท และมีข้อแนะนำที่ควรปฏิบัติตัวโดยไม่ยุ่งยากดังนี้
1) มิติการป้องกันการติดเชื้อ ควรมีวินัยในการใส่หน้ากากอนามัย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานที่เสี่ยง และมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ เช่น ในสถานที่ที่เว้นระยะห่างทางสังคมไม่ได้ ในลิฟท์ ในขนส่งสาธารณะ ในเครื่องบิน ในห้องประชุมขนาดเล็กที่ระบบระบายอากาศไม่ดี เป็นต้น
2) มิติการลดความรุนแรงของโรคและลดการเสียชีวิต ให้เน้นการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่จะป่วยรุนแรงคือกลุ่ม 608 และในกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยง คือต้องไปอยู่ในสถานที่เสี่ยง
ก็จะทำให้สถานการณ์โควิดของประเทศไทยสามารถควบคุมให้เป็นระลอกเล็ก ไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
ซึ่งจะทำให้มาตรการต่างๆไม่จำเป็นจะต้องออกมาให้เข้มงวดกวดขันมากกว่าเดิม จนกระทบมิติทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าในการเปิดประเทศต่อไปได้
Reference
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
- 133
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
