ประเทศทั่วโลกต่างพึ่งพากันและกันมาช้านาน ไม่มากก็น้อย หากคุณเคยเรียนวิชาสังคมศึกษา คุณก็ต้องได้ท่องคำว่า "สนธิสัญญา" ไทยเราทำสนธิสัญญาเบาว์ริ่งกับอังกฤษ และกับประเทศอื่นๆ เพื่อเปิดประเทศ แล้วก็ตามมาด้วยการพึ่งพาทางศก. โดยการชี้นำของประเทศตะวันตกและญี่ปุ่นมาโดยตลอด โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม เราจึงประสบความสำเร็จในการพัฒนาทางศก. แม้จะมีผลเสียหลายประการ แต่ได้ก็คุ้มเสีย ใช่ไหมเล่า
หากคุณไม่ต้องการพึ่งพาประเทศใดเลย คุณก็แค่ต้องโคตรเก่ง มีความได้เปรียบทุกทาง สามารถแข่งขันทางการค้าได้อย่างสมศักดิ์ศรี คำถามคือ ประเทศคุณอยู่ตรงไหน ในระดับโลกกันหรือ เมื่อปีที่แล้ว ศก.ไทยพึ่งพาจีนคิดเป็น 16 % ของ GDP ไทย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ถึง 5 ล้านล้านบาท หรือ 30% ของ GDP นักท่องเที่ยวจีนมีจำนวนมากสุด และยังเอาเงินมาจับจ่ายให้คุณมากสุดเป็นอันดับ 1 มีคำกล่าวว่า "สู้ได้ให้สู้ สู้ไม่ได้ให้สาบานเป็นพี่น้อง"
เมื่อ 2 ปีก่อน นักศศ.จาก "ฝรั่งเศส" คนหนึ่ง ออกมาวิเคราะห์ว่า ศก.ไทยใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียนนั้น ดูเหมือนจะดีนะ แต่ดั๊นพึ่งพาอุปสงค์ภายนอกมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจีน เนื่องจากมูลค่าจากนักท่องเที่ยวจีนมาไทย คิดเป็น 2.7% ของจีดีพี และทั้งมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปจีนก็มีอยู่ถึง 6% ของจีดีพีทั้งประเทศ แล้วยังไงเล่า? เราก็แค่บาลานซ์ ไม่เห็นต้องไปตระหนกอะไรกับคำพูดนักวิเคราะห์ สัญชาติฝรั่งเศสคนหนึ่ง
ที่ตลกร้าย ระคนสนเท่ห์คือ "มาครง" รูปหล่ออายุ 45
เชิญเจ้าสัวไทย เชื่อมศก.ไทย-ฝรั่งเศส
ทั้งที่เจ้าสัว โคตรจะอวยจีน ต้นตระกูลเจ้าสัวก็จีน
ผลสำรวจพบว่ามีหลายประเทศมีทัศนคติเชิงลบต่อจีน
โดยเฉพาะประเทศในฝั่งตะวันตก!
แต่ผลสำรวจมุ่งสำรวจเฉพาะประเทศที่ไม่ชอบ
ไม่เคยไปสำรวจประเทศด้อยพัฒนา หรือในกลุ่มอาฟริกา
ประเทศเหล่านี้โคตรจะพึ่งพาจีน แต่กลับรักจีนมาก
ในหลายประเทศ เด็กๆ ตัวดำปิ๊ดปี๋ แต่พูดภาษาจีนได้คล่องปรื๋อ!
แถมเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน
และฐานความรู้ก็พัฒนาไปเร็วมาก
มากจนพวกเราดูถูกพวกเขาไม่ได้แล้ว
ยาวเลยทีเดียว ก็ไม่รู้สินะคะ คหสต. Chen Eing
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
