7 มิ.ย. 2023 เวลา 11:33 • นิยาย เรื่องสั้น

ผมจำเสียงได้ครับ...คุณพยาบาล

มีช่วงชีวิตหนึ่งผมเคยต้องนอนแหมะอยู่ในโรงพยาบาลราว ๆ หนึ่งสัปดาห์ ด้วยอาการปอดติดเชื้อและต้องรักษาให้หมดเชื้อหมดไข้จึงกลับบ้านได้
ในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ผมนอนอยู่ในห้องผู้ป่วยรวมได้สองสามวันก็ทนสภาพแวดล้อมและความแออัด จอแจของห้องผู้ป่วยรวมไม่ไหว
แต่นั่นอาจจะเป็นเพียงข้ออ้างของผม ซึ่งสาเหตุสำคัญจริง ๆ คือ ในเวลาที่ผมตื่นขึ้นมากลางดึกสงัด บรรยากาศในห้องผู้ป่วยรวมมันหลอนมากจนเกินไป ผมมองไปยังเตียงต่าง ๆ ที่เห็นผู้ป่วยนอนตะคุ่ม ๆ อยู่ เอาจริง ๆ ไม่แน่ใจเลยว่าเตียงไหนยังหายใจ เตียงไหนเป็นเพียงวิญญาณที่ยังแสดงรูปกายอยู่ด้วยไม่รู้ตัวว่าตายไปแล้ว
เช้ารุ่งขึ้นผมรีบทำเรื่องขอห้องพิเศษ เพื่อจะได้หลับสบายและหายระแวงเสียที จนในที่สุดผมได้ย้ายขึ้นไปห้องพิเศษตอนบ่าย ๆ ที่ชั้น 12 ห้อง 1214 และที่ห้องนี้เองทำให้ผมรู้ความจริงว่า ความน่ากลัวและความเดียวดายที่แท้จริงอยู่ที่ห้องพิเศษนี้เอง
ผมไม่มีคนเฝ้าไข้ เนื่องด้วยอาการภายนอกผมไม่ได้หนักหนาอะไร นอกจากมีไข้สูงเป็นพัก ๆ นอกนั้น ผมกินได้ ยืน เดิน นั่ง นอน ขับถ่ายได้เอง เหมือนคนปกติ จึงบอกทางบ้านว่าไม่ต้องห่วง
สภาพห้องดูรู้ว่าโครงสร้างเก่าแต่รีโนเวทใหม่ ซึ่งดูโปร่งโล่งสบายตาสบายใจดีในระดับหนึ่ง และคืนแรกของผมที่ห้องพิเศษนี้ก็เริ่มขึ้น ผมนอนปิดไฟทุกดวงยกเว้นดวงหน้าห้องน้ำที่เปิดไว้ เพื่อให้ได้แสงสว่างแบบไม่มากนัก พอดีที่จะทำให้ไม่กลัวและก็ไม่รบกวนการหลับนอนของผม
หลังจากผมได้รับยาทางสายน้ำเกลือจนยาหมดกระปุกเวลาประมาณเกือบเที่ยงคืน ผมก็เริ่มเข้าสู่ภวังค์เมายาเคลิ้ม ๆ ใกล้จะหลับ แต่ก็ต้องมาสะกิดหูด้วยเสียงอะไรบางอย่างที่ฟังคุ้นหูมากแต่นึกไม่ออก เสียงนั้นดังเป็นระยะ ดังไล่มาตามโถงทางเดินหน้าห้อง จากไกล ๆ มาใกล้ ๆ จนผ่านหน้าห้องผม แล้วเลยหายไปทางเค้าน์เตอร์พยาบาล
ก่อนจะหลับผมพยายามนึกให้ได้ว่ามันเป็นเสียงอะไร นึกไปนึกมาจึงถึงบางอ้อ ว่านั่นคือเสียงกดปากกา เสียงคนที่กดท้ายปากกาเล่นเพลิน ๆ แล้วก็กดที่เดือยข้าง ๆ เพื่อให้ท้ายปากกาเด้งกลับ กดไปกดมาแบบคนที่กดเพลิน ๆ จนเคยชิน พอผมมั่นใจในสมมุติฐานแล้วผมก็หลับไปไม่รู้ตัว
รู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีพยาบาลเข้ามาวัดความดัน วัดไข้ตามช่วงเวลา ผมงัวเงียแล้วปล่อยให้คุณพยาบาลจัดการกับผมได้ตามใจชอบโดยที่ไม่ได้ลืมตา ไม่นานคุณพยาบาลก็เสร็จธุระแล้วเดินออกไป ทันทีที่ผมได้ยินเสียงปิดประตูห้องของคุณพยาบาล ผมก็ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดอีกครั้งทันที พร้อมกับเสียงนั้น เสียงกดปากกา
ผมเข้าใจว่าต้องมีพยาบาลอีกคนเดินเข้ามาทำหน้าที่ของเธอ ผมยังไม่ลืมตา แต่สติตื่นขึ้นมาแล้วครบถ้วน มันรู้สึกแปลก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก เหมือนผมรู้สึกกดดันและอึดอัดกับเสียงกดปากกานี้ ทั้งที่เป็นเสียงสุดแสนจะธรรมดา
เสียงกดปากกาหยุดชะงักลงตรงปลายเท้าผม แล้วก็เงียบฉี่ไปเฉย ๆ เงียบจนผมหงุดหงิดว่า ทำไมจะทำอะไรก็ไม่ทำมายืนเฉย ๆ อยู่ได้ ผมจำได้ว่าผมรอนานมาก เพื่อจะฟังเสียงปิดประตูอันหมายถึงพยาบาลคนนี้ทำหน้าที่เสร็จแล้วเดินออกไป แต่ก่อนที่ผมจะหลับผมจำได้ทีหลังว่าผมไม่ได้ยินเสียงปิดประตูเลย
ช่วงกลางวัน ผมไม่ได้ยินเสียงกดปากกาเลย นั่นอาจจะหมายถึงพยาบาลเจ้าของกิจกรรมกดปากกานั้นเข้ากะกลางคืน แต่ก็แอบแปลกใจว่า ทำไมเธอไม่มีการเข้ากะกลางวันสลับกันมาบ้าง ผมจะได้ขอยลโฉมหน้าของเธอสักหน่อย
แล้วคืนที่สองของผมก็เริ่มขึ้น คืนนี้ผมตั้งใจว่า ถ้ามีพยาบาลเดินกดปากกาเข้ามา ผมจะขอให้เธอเปิดไฟแล้วจะได้เห็นหน้าเธอเสียหน่อย แล้วเช่นเดิม หลังได้รับยาครบตอนหลังเที่ยงคืนผมก็หลับไปไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่แขนโดนรัดด้วยแถบวัดความดัน จากนั้นทุกอย่างก็เงียบสงบ ผมรอฟังเสียงบางอย่างอีกสักพักจนสุดท้ายทนความง่วงไม่ไหวหลับไปอีกครั้ง
จนสะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด พร้อมกับเสียงกดปากกาที่คุ้นเคย กดลงกดขึ้น กดลงกดขึ้น สลับไปมา แล้วสลับกันเร็วขึ้น ๆ เร็วจนผมว่ามันแปลกที่ความสามารถของนิ้วคนไม่น่าจะกดปากกาขึ้นลงได้เร็วขนาดนี้
ผมผงกตัวขึ้นมาครึ่งตัว มองไปที่ช่องหน้าประตู ซึ่งจะถูกเหลี่ยมของมุมผนังบังอยู่ไม่สามารถเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูได้ เสียงกดปากกาดังรัว ๆ อยู่เป็นนาที ผมก็ไม่เห็นเจ้าของเสียงเดินเข้ามา จนผมตัดสินใจเรียกออกไปว่า "คุณพยาบาลเหรอครับ"
สิ้นเสียงเรียกของผม เสียงกดปากกาก็หยุดชะงักทันที แล้วมีเสียงใส ๆ ตอบกลับมาว่า "อยากเห็นหน้าหนูเหรอคะ" ผมได้ยินดังนั้น ยังไม่ทันได้พิจารณาความหมาย หรือแปลกใจอะไรทั้งสิ้น ผมก็เห็นมือขาว ๆ ซีด ๆ เกาะตรงขอบผนัง อารมณ์เหมือนคนเตรียมพร้อมจะโผล่หน้ามาจ๊ะเอ๋
เหตุการณ์ตอนนั้นมันเกิดขึ้นเร็วมาก จนผมคิดประมวลผลอะไรไม่ทัน ว่าจริง ๆ แล้วมันเรื่องอะไรกันแน่ หลังจากผมเห็นมือที่ขาวซีดข้างนั้นโผล่มาเกาะขอบมุมผนังไว้ เหมือนใจผมก็เตรียมพร้อมที่จะได้เห็นใบหน้าของเธอโผล่พ้นมุมผนังออกมา
แล้วเธอก็โผล่หน้าออกมาจริง ๆ ครับ ถ้าย้อนพิจารณาจากตำแหน่งมือของเธอที่เกาะขอบผนังอยู่ เธอน่าจะเป็นพยาบาลตัวเล็ก ๆ สูงไม่เกิน 165 เซนติเมตร แต่ทันทีที่ผมเห็นหน้าเธอผมถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เพราะหน้าเธอโผล่พ้นมุมกำแพงมาในระดับที่สูงจนเกือบติดฝ้าเพดาน
ในปรากฏการณ์เช่นนี้ผมรู้ด้วยสัญชาติญาณทันทีว่า "มันผิดธรรมชาติ" ตอนนั้นผมเห็นหน้าเธอไม่ชัดนัก เพราะข้างหลังศรีษะเธอเป็นแสงไฟจากหลอดไฟหน้าประตู ทำให้ภาพของเธอเป็นภาพย้อนแสง แน่นอนถ้าผมต้องการเห็นหน้าเธอ ผมต้องเปิดไฟด้านในห้องดวงใดสักดวง ก่อนที่ผมจะตกใจไปมากกว่านี้ไอ้มือเจ้ากรรมก็ไวทายาด กดสวิตช์ไฟที่อยู่หัวเตียงด้านซ้ายมือเพื่อเปิดไฟดาวน์ไลท์ตรงหัวเตียงทันที แล้วผมก็ช็อคตาค้างกับความผิดหวังที่พบ
ศรีษะของเธอยังโผล่ค้างอยู่ตรงนั้น ตรงความสูงที่เกือบติดเพดาน ทันทีที่ไฟดาวน์ไลท์ส่องต้องกระทบศรีษะนั้น ผมก็ยังไม่เห็นหน้าเธอ ผมไม่เห็นใบหน้าที่ควรต้องมี ตา จมูก ปาก คิ้ว แต่ภาพใบหน้าที่ผมเห็นคือภาพใบหน้าที่เกลี้ยงเกลา ไม่มีส่วนประกอบใด ๆ เลยบนใบหน้า
ผมได้ยินเสียงใส ๆ ดังออกมาว่า "หน้าสดหนูสวยมั้ยคะ" เสียงดังออกมาจากใบหน้าที่ไม่มีปาก จากนั้นใบหน้านั้นก็หลุบหายเข้าไปเหมือนเธอไปยืนตรงมุมอับหน้าประตูนั้น แล้วเสียงกดปากกาก็ดังขึ้นรัว ๆ อีกครั้ง
ตอนนี้ผมไม่มีสติแล้ว ขนทุกเส้นบนร่างกายเหมือนจะตั้งชันจนจะสลัดออกไปได้เหมือนขนเม่น ผมรู้สึกเหมือนจับไข้ขึ้นมาทันที ในห้องพิเศษนี้ไม่มีมนุษย์คนอื่นอยู่ให้ผมพออุ่นใจได้เลย ขณะนั้นผมนึกเหลวไหลขึ้นมาว่า ทำไมเราไม่จอดับวะ ทำไมเราไม่สลบเหมือนคนอื่น ๆ ที่ได้รับฟังมาในรายการเล่าเรื่องผีหลายต่อหลายเรื่อง
ผมนอนตาค้างฟังเสียงกดปากกาจนได้ยินเสียงรองเท้าของพยาบาลเดินต๊อกแต๊กเข้ามาในโถงทางเดิน จากนั้นผมได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมกับเสียง "วัดไข้ค่าาา" แล้วพยาบาลที่ผมคุ้นหน้าตาเป็นอย่างดีก็เข็นเครื่องวัดความดันและวัดไข้เข้ามา
"คนไข้หน้าซีด ๆ นะคะ นอนไม่หลับเหรอคะ"
".........."
"โอ้โห ทำไมไข้กลับมาสูงอีกแล้ว พรุ่งนี้จะได้กลับบ้านแล้วเชียว สงสัยได้อยู่ต่ออีกสองวันนะคะ รอคุณหมอมาแจ้งอีกทีค่ะ"
ในใจตอนนั้นผมคิดด่าตัวเองว่าทำไม่มันโง่บรมอย่างนี้ ทำไมเมื่อกี้เราไม่กดปุ่มฉุกเฉินเรียกพยาบาลวะ
อีกสองวันที่เหลือของผมผ่านไปอย่างสันติ พร้อมมิตรสหายคับคั่งทั้งผู้ป่วยทั้งคนเยียมไข้ ในห้องผู้ป่วยรวมห้องเดิม
โฆษณา