Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ร้อยเรื่องหลากมุมกับ ภก.ปราโมทย์
•
ติดตาม
10 มิ.ย. 2023 เวลา 22:01 • สุขภาพ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับอาการบ้านหมุน(Vertigo)
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า "น้ำในหูไม่เท่ากัน" หรือ "บ้านหมุน" ซึ่งเป็นคำกลางๆที่เราใช้อธิบายอาการเวียนหัวจากสาเหตุต่างๆ ซึ่งจริงๆแล้วมีรายละเอียดและที่มาที่แตกต่างกัน วันนี้จึงขอยกเรื่องเราของอาการ "บ้านหมุน" มาชวนคุยกันครับ
อาการบ้านหมุน (Vertigo) เป็นอาการเวียนศีรษะหรือมึนศีรษะ มีความรู้สึกเหมือนสิ่งแวดล้อมรอบตัวหมุนได้ แม้ว่าจะยืนหรือนั่งอยู่กับที่ ทำให้ไม่สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ อาจทำให้สูญเสียการทรงตัว และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้
1
โรคบ้านหมุนสามารถพบได้ทุก เพศทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ และเป็นอาการที่ไม่รุนแรง เป็น ๆ หาย ๆ
อาการบ้านหมุนเป็นผลมาจากความผิดปกติของอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นใน ซึ่งเกิดได้จาก หลายสาเหตุด้วยกัน เช่น
1.ความผิดปกติของอวัยวะการรับรู้ในหูชั้นในจากโรคต่าง ๆ ซึ่งพบได้บ่อย อาการ เวียนศีรษะ เช่น โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน (Benign Paroxysmal Positional Vertigo: BPPV) โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere’s Disease) ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของน้ำและแรงดันที่อยู่ภายในหูชั้นใน ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ หูอื้อ และการได้ยินลดลง
2.สาเหตุอื่นๆ เช่น ยาบางชนิด การบาดเจ็บที่ศีรษะและบริเวณคอ หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับสมอง เป็นต้น
การวินิจฉัย แพทย์จะซักประวัติผู้ป่วย สอบถามอาการ ตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยมีการตรวจหู ตรวจการเคลื่อนไหวของลูกตาในลักษณะต่างๆ ตรวจระบบการทรงตัวของร่างกาย หรือทดสอบการทำงานของอวัยวะการทรงตัวด้วยการเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว รวมถึงอาจมีการตรวจด้านอื่นเพิ่มเติมตามอาการของผู้ป่วยแต่ละราย
การรักษา สามารถทำได้หลายวิธี
1.รักษาโดยการใช้ยา
2.การทำกายภาพบำบัด (Canalith Repositioning Maneuvers) เหมาะสำหรับโรคที่พบบ่อยอย่างโรคตะกอนหินปูนในหูชั้นในหลุด
3.การฟื้นฟูระบบการทรงตัว (Vestibular Rehabilitation) เป็นวิธีการทำกายภาพด้วยท่าทางการบริหารร่างกายหลากหลายรูปแบบอย่างระบบ
4.การผ่าตัด
คำแนะนำเมื่อมีอาการบ้านหมุน
เมื่อเริ่มมีอาการวิงเวียนศีรษะ ควรนั่งพักหรือนอนบนพื้นราบโดยให้ศีรษะยกขึ้นสูงเล็กน้อย หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หากมีอาการรุนแรงมากขึ้น เช่น อาเจียนบ่อยจนไม่สามารถรับประทานอาหารได้ มีปัญหาการได้ยิน เวียนศีรษะ เดินเซ ไม่สามารถควบคุมการทรงตัวได้ ควรรีบไปพบแพทย์
อ้างอิง
1.Karatas M. Central vertigo and dizziness: epidemiology,
differential diagnosis, and common causes. Neurologist
2008;14:355-64.
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/19008741/
สุขภาพ
การแพทย์
ยา
1 บันทึก
7
5
8
1
7
5
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย