9 มิ.ย. 2023 เวลา 10:21 • ประวัติศาสตร์

“มานซา มูซา (Mansa Musa)” หนึ่งในบุคคลที่รวยที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

“มานซา มูซา (Mansa Musa)” คือหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
2
พระองค์เป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิมาลี ปกครองดินแดนในช่วงศตวรรษที่ 14
2
ในรัชสมัยของพระองค์ พระองค์ทรงมีคุณูปการต่อชาวมาลีมากมาย อีกทั้งความร่ำรวยของพระองค์ยังเป็นสิ่งหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
3
ลองมาดูเรื่องราวของพระองค์กันครับ
มานซา มูซา (Mansa Musa)
มานซา มูซา พระราชสมภพเมื่อราวปีค.ศ.1280 (พ.ศ.1823) ที่จักรวรรดิมาลี และเมื่อทรงเติบโต ก็ได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ องค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิมาลี
1
ในเวลาต่อมา จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิมาลีได้มีพระราชประสงค์จะเรียนรู้เกี่ยวกับมหาสมุทรแอตแลนติก พระองค์จึงทรงจัดการเดินทางออกสำรวจ โดยมีขบวนเรือกว่า 2,000 ลำ และคนติดตามนับพัน
2
หากแต่ขบวนเรือหลวงนี้ก็ไม่เคยได้กลับมา กลับหายสาปสูญไป ทำให้แผ่นดินว่างจากองค์พระประมุข ส่งผลให้มานซา มูซาขึ้นสู่อำนาจทันที
5
สำหรับทรัพย์สินของมานซา มูซานั้น หากคิดตามค่าเงินปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 400,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 14 ล้านล้านบาท) ทำให้มานซา มูซาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก รวยกว่า "บิลล์ เกตส์ (Bill Gates)" "เจฟฟ์ เบโซส (Jeff Bezos)" และ "อีลอน มัสก์ (Elon Musk)" ซะอีก
ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของพระองค์นั้นมาจากทองคำจำนวนมหาศาลและเหมืองเกลือในจักรวรรดิมาลี รวมทั้งยังมีการค้าและเหมืองทองคำกับการค้างาช้าง ซึ่งสร้างรายได้ให้มานซา มูซามหาศาล โดยประเมินว่าในขณะที่พระองค์สวรรคต ทองคำทั้งหมดที่พระองค์ครอบครองเท่ากับครึ่งหนึ่งของทองคำทั้งโลก
20
นอกจากนั้น พระองค์ยังครอบครองที่ดินอีกหลายผืน สัตว์เลี้ยงจำนวนมาก ทาสอีกนับพัน อีกทั้งพระองค์ยังทรงมีอำนาจควบคุมเส้นทางการค้าในจักรวรรดิมาลี เก็บภาษีจากเหล่าพ่อค้าอีกด้วย
3
ในปีค.ศ.1324 (พ.ศ.1867) มานซา มูซา ได้ทรงตัดสินพระทัยจะเสด็จเดินทางจาริกแสวงบุญไปยังนครเมกกะ และคณะเสด็จของพระองค์ย่อมไม่ธรรมดา
1
ผู้ติดตามพระองค์นั้นมีจำนวนกว่า 60,000 คน ทาสอีก 12,000 คน โดยจากบันทึกประวัติศาสตร์นั้น กล่าวว่าแม้แต่เหล่าทาสก็แต่งตัวด้วยผ้าไหมจากเปอร์เซียประดับด้วยทองคำ และทาสแต่ละคนก็ถือไม้เท้าที่ทำจากทองคำหนักกว่า 2.7 กิโลกรัม
6
คณะเดินทางนี้ยังประกอบด้วยอูฐจำนวน 80 ตัว แต่ละตัวบรรทุกทองคำหนัก 136 กิโลกรัม ออกเดินทางเป็นระยะทางประมาณ 6,400 กิโลเมตร โดยตลอดทางนั้น มานซา มูซาก็ทรงบริจาคเงินและสร้างสุเหร่าตลอดเส้นทางที่พระองค์ทรงหยุดพัก
4
น้ำพระทัยของมานซา มูซาทำให้ไคโรและเมดินาเกิดภาวะเงินเฟ้อเนื่องจากได้รับทองคำมากจนเกินพอดี กว่าไคโรจะฟื้นจากภาวะเงินเฟ้อ ก็ต้องใช้เวลาถึง 12 ปีเลยทีเดียว
3
นอกจากจะเสด็จแสวงบุญ พระองค์ยังทรงขยายอำนาจออกไป สามารถยึดครองดินแดนต่างๆ มากมาย และพระองค์ก็ทรงสร้างสุเหร่าและสถานศึกษาจำนวนมาก อีกทั้งยังทรงอุปถัมภ์เหล่าบัณฑิตและศิลปิน ทำให้พระองค์ทรงถูกยกย่องเป็นหนึ่งในพระประมุขที่ทรงมีคุณูปการต่อการศึกษาในแอฟริกา
5
มานซา มูซาสวรรคตในปีค.ศ.1337 (พ.ศ.1880) และถึงแม้พระองค์จะครองราชย์เพียงแค่ประมาณ 20 ปี หากแต่เรื่องราวของพระองค์ก็เป็นที่เล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่ความร่ำรวยเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องเล่าเรื่องความมีพระทัยกว้างและทรงใช้ความร่ำรวยในการช่วยเหลือผู้คน
3
โฆษณา