11 ก.พ. เวลา 06:30 • การศึกษา

การสอบวัดระดับภาษาเยอรมัน Goethe A2

สวัสดีค่ะ อันดับแรกขอสารภาพก่อนเลยว่าประสบการณ์การสอบนี้ เป็นการสอบเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2566 นะคะ ตอนแรกตั้งใจจะมาเขียนตั้งแต่หลังสอบเสร็จ ทำไปทำมา กลายเป็นว่าเกือบครบปีแล้วถึงได้มาเขียนจริงๆ ก็...เขียนช้าไปนิ๊ดค่ะ 😂
ผลสอบ A2 ของเราในตอนนั้นค่ะ
สำหรับการสอบเกอเธ่ ทุกคนสามารถเข้าไปสมัครสอบง่ายๆ ที่เว็บไซต์ของสถาบันได้เลยค่ะ
ในหน้าเว็บไซต์จะมีรายละเอียดทุกอย่างบอกชัดเลย
แต่ปกติแล้ว จะมีแค่ A1 ที่มีจัดสอบบ่อยๆ ค่ะ ถ้าใครจะสอบเกรดอื่น แนะนำให้สมัครสอบล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ นะคะ เพราะตอนแรกเราอยากสอบ A2 ตอนต้นเดือนกุมภา แต่ขนาดเริ่มดูการสมัครตั้งแต่สิ้นเดือนธันวายังไม่ทันเลยค่ะ เต็มแล้ว เลยต้องเลือกสอบเดือนมีนาแทน
เรายังโชคดีที่ไม่ได้ต้องรีบขอวีซ่า (เรียนภาษา) แต่ถ้าใครกำลังเตรียมตัวเกี่ยวกับการขอวีซ่า และจะสอบวัดระดับภาษาเยอรมันที่ไม่ใช่ A1 อย่าลืมวางแผนเรื่องวันสอบเป็นอันดับแรกเลยนะคะ
หัวข้อต่อมาขอพูดถึงวิธีการเตรียมตัวก่อนสอบค่ะ
เกริ่นก่อนว่าผู้เขียนเคยไปแลกเปลี่ยนที่เยอรมนีมาก่อน แต่กลับมาไทยนานมากแล้ว (หลัก 10 ปี) ดังนั้นตัวภาษาเอาจริงๆ คือลืมไปเยอะมากแล้วค่ะ
แต่เพราะว่ามีพื้นฐาน ดังนั้นเราจึงไม่ได้ลงเรียนที่ไหน แต่เลือกหาเรียนออนไลน์เอาค่ะ จะได้เลือกเวลาเรียนเองได้ด้วย
เราเลือกเรียนกับเว็บไซต์นี้ค่ะ (no sponsor)
สำหรับเราคือครูสอนดีมาก อธิบายแกรมม่าเข้าใจง่าย ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนไม่มีพื้นเลยเรียนจะเป็นยังไง แต่ถ้าใครมีพื้นฐานแล้ว หลักๆ อยากทวนใหม่ เว็บไซต์นี้ตอบโจทย์แน่นอนค่ะ
แต่อันที่จริงเรามองว่าที่สำคัญกว่าแกรมม่า คือ Wortschatz และความเข้าใจค่ะ
ก่อนจะลองทำแบบฝึกหัดข้อสอบ เราคิดว่าข้อสอบเยอรมันจะเหมือนภาษาอื่น ที่จะมีการสอบแกรมม่าตรงๆ แต่ปรากฏว่าข้อสอบเยอจะไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ข้อสอบเยอเน้นความเข้าใจ การนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงล้วนๆ ซึ่งเรามองว่าเป็นข้อดีค่ะ ไม่ต้องมานั่งจำแกรมม่าอะไรให้เป๊ะ
พวกตัวอย่างข้อสอบ อันดับแรกคือทุกคนสามารถดูที่เว็บไซต์เกอเธ่ได้ค่ะ ว่าข้อสอบจะมาแนวไหน แนะนำว่าสำคัญ***ต้องดูนะคะ การรู้ลักษณะข้อสอบจะช่วยประหยัดเวลาตอนสอบจริงได้มากเลยค่ะ
ส่วนพวกแบบฝึกหัด ขอแนะนำ YouTube ช่องนี้เลยค่ะ แบบฝึกหัดเยอะมากๆๆ ดีมากค่ะ
ส่วนใครอยากฝึก Hören ขอแนะนำช่อง Easy German ค่ะ
มาถึงการสอบจริง
พูดตรงๆ คือ รู้สึกว่าข้อสอบจริงยากกว่าข้อสอบแบบฝึกหัดทั้งหมดที่ทำมาค่ะ 😂
อย่างที่บอกว่า Wortschatz สำคัญมากในการทำข้อสอบ
ถ้าใครเพิ่งเริ่มเตรียมตัวสอบและมีเวลาเหลือเยอะ อยากให้ขยันท่องศัพท์ทุกวันนะคะ
แต่ก็ไม่ต้องกดดันมากเกินไป เพราะคำศัพท์อะมันเยอะมาก ท่องให้ตายยังไงก็อาจเจอคำที่ไม่รู้จักอยู่ดีค่ะ เราแค่พยายามลดเปอร์เซนต์การเจอคำที่ไม่รู้จักให้เหลือน้อยที่สุดเท่านั้นเอง
  • Lesen
พาร์ทอ่านจะมีพวกบทความ อีเมล
ประกาศกิจกรรม - ถามว่าถ้าเราอยากทำกิจกรรมนี้ ต้องไปที่ไหน เช่น ไปที่ตึกเรียน ไปที่โรงพละ
ประกาศรับสมัครงาน/ โฆษณาของโรงแรม ข้อสอบของเราได้เป็นโฆษณาโรงแรมต่างๆ ค่ะ คำถามก็จะแบบ คนนี้มองหาโรงแรมที่มีกิจกรรมเดินป่า อีกคนมองหาที่ติดทะเล เราก็ต้องเลือกโรงแรมที่เหมาะสมให้ถูก
โดยพาร์ทนี้ จะมีอย่างน้อย 1 ข้อที่เป็น X ไม่ตรงกับอันไหนเลยเสมอนะคะ
ความยากของข้อสอบอ่าน หลักๆ คือต้องตีความให้เข้าใจ แต่ไม่คิดไปเอง เพราะตัวข้อสอบมันจะไม่ได้บอกข้อมูลตรงๆ ขนาดนั้นค่ะ
แล้วก็ต้องระวัง อย่ารีบตัดสินใจด้วย อย่างในพาร์ทโฆษณาโรงแรม เราจำได้ว่ามีคำถามสองอย่างที่ใกล้เคียงกันมาก อย่าง คนหนึ่งหาโรงแรมติดทะเล อีกคนหาโรงแรมใต้ทะเล ก็ต้องพิจารณาให้ดีว่าโรงแรมที่มีในตัวเลือก เหมาะกับใครกันแน่ ไม่ใช่ว่าแค่เห็นคำว่าทะเลก็เลือกเลยค่ะ
  • Hören
ภาพรวมเหมือนพาร์ทอ่านค่ะ คือไม่มีการบอกตรงๆ
ที่สำคัญของพาร์ทฟังเราว่าคือการตั้งสติไม่ให้หลุดค่ะ
หัวข้อที่เรารู้สึกว่าค่อนข้างยาก คือหัวข้อที่เพื่อนสองคนคุยกันถึงเพื่อนคนอื่น แล้วเราต้องเลือกว่าใครทำอะไรในวันหยุด
ส่วนใหญ่พาร์ทนี้จะชอบมาแบบ เพื่อนจะไปทำสิ่งนี้ แต่สุดท้ายไม่ได้ทำ ทำอีกอย่างแทน เช่น
A: ได้ยินว่าวันหยุดนี้ C ไปดูหนังมาใช่ไหม
B: ใช่ เธออยากไปดูหนัง แต่สุดท้ายฝนตก เธอเลยดูทีวีอยู่บ้านแทน
แต่ขณะเดียวกัน บางคนก็คือบอกตรงเลยว่าทำอะไร จากนั้นข้ามผ่านไปเร็วมาก ก็ต้องตั้งใจจับฟังให้ทันค่ะ
  • Schreiben
พาร์ทเขียนเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายสำหรับเราค่ะ
เพราะตอนเตรียมตัว เราก็เน้นพวกแบบ Einladung, etwas Kaputt, ein Termin vereinbaren มาเต็มที่ แบบให้มีโครงสร้างประโยคคร่าวๆ ในหัว จะได้รู้ว่าจะแต่งอะไร
ข้อสอบจริงเราเจอหัวข้อพวกนี้ก็จริง แต่มาในรูปแบบที่ไม่เคยฝึก ก็คือพวก Redemittel ที่จำมาใช้จริงไม่ได้เลยค่ะ 😂
โดยข้อสอบเขียนจะแบ่งเป็น 2 พาร์ท ปกติพาร์ทแรกจะเป็นการเขียนคุยกับเพื่อนชิลๆ ส่วนพาร์ทสองจะเขียนแบบเป็นทางการกว่า เขียนอีเมล มักต้องใช้ Sie แต่ตอนเราสอบ เราเจอหัวข้อที่ต้องเขียนแบบ Du ทั้งคู่ค่ะ
พาร์ทแรกเราได้หัวข้อจักรยานพัง อยากรบกวนให้เพื่อนช่วยซ่อมให้หน่อย
พาร์ทสองเราได้หัวข้อนัดเพื่อนมหาลัยเก่าที่ไม่เจอกันนานแล้วมาเจอกันค่ะ
ซึ่งตอนแรก ด้วยความยึดติดแบบฝึกหัดที่ทำมา ทำให้เราลังเลมากว่าตอนเขียนอีเมลต้องใช้ Sie ไหม แต่ด้วยความที่ข้อสอบบอกว่าเขียนหาเพื่อน เราเลยเลือกใช้ Du ไป ซึ่งก็ไม่ผิดค่ะ
ก็เลยอยากบอกว่าใครสายทำแบบฝึกหัด เตรียมตัวมาเยอะ เวลาเจอข้อสอบจริงก็ห้ามเยอะติดกับรูปแบบมากเกินไปนะคะ
  • Sprechen
มาถึงพาร์ทพูดสุดท้าย พาร์ทนี้ เรามองว่าเคล็ดลับการได้คะแนนสูงๆ คือการตอบสนองได้ทันทีค่ะ
อย่างพาร์ทแรก เราจะได้จับการ์ดคำถาม 4 ใบ จากนั้นตั้งคำถามให้เพื่อนตอบ แล้วก็สลับกันเพื่อนถามเราตอบ ก็คือพยายามให้ถามมาตอบไปได้ทันทีค่ะ
หรือพาร์ทสอง ได้การ์ดใบใหญ่มาให้พูดเกี่ยวกับหัวข้อในการ์ด
พาร์ทนี้เราไม่ได้พูดยาวเลยค่ะ แค่ให้ครอบคลุมทุกหัวข้อในการ์ดพอ
ถ้าเกิดมันสั้นไป เวลาเหลือ ผู้คุมสอบจะตั้งคำถามเราต่อเองค่ะ
แล้วก็พาร์ทสุดท้าย เราจะได้ตารางเวลามา จากนั้นต้องหาเวลาที่ลงตัวกับคู่เราเพื่อนัดกันไปทำกิจกรรมสักอย่าง
พาร์ทนี้คู่เรามีส่วนสำคัญสูง แต่ถ้าเราได้คู่ที่พูดไม่ค่อยได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไรนะคะ พยายามทำส่วนของเราให้ดี ผู้คุมสอบเขาดูออกค่ะว่าใครได้ไม่ได้แค่ไหน
แต่อยากแนะนำว่า อย่าเล็งเวลาที่ว่างกันทั้งคู่แต่แรกนะคะ ไม่งั้นมันจะเดดแอร์ ประโยคแรกมาหาเวลานัดเจอเลย Ja, das passt mir sehr gut รับส่งสามประโยคจบ แบบนี้ไม่ได้นะคะ สั้นเกิน 😂
อาจเป็นบทความรีวิวที่ไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะเขียนหลังจากผ่านมานานมาก ข้อมูลหลายอย่างหลงลืมไปแล้ว แต่หวังว่าจะพอมีประโยชน์กับทุกคนที่หลงมาอ่านนะคะ
Viel Erfolg ka 😁
โฆษณา