11 มิ.ย. 2023 เวลา 01:00 • สิ่งแวดล้อม

"ภัยแล้ง" จาก "เอลนีโญ" ปีนี้ อาจลากยาวถึงปี 2567 คนไทยรับมืออย่างไร?

ตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 เป็นต้นมา ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาสภาวะอากาศร้อน ที่รุนแรงมากกว่าทุกปี เนื่องจากโดน “Monster Asian Heatwave” เล่นงาน จนทำให้อุณหภูมิในไทยบางพื้นที่พุ่งสูงทะลุ 44.6 องศาเซียลเซียส
4
ประกอบกับข้อมูลจาก National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) ที่รายงานว่า พื้นที่ทั่วโลกในปี 2566 ทำลายสถิติอากาศร้อนที่สุดในรอบ 174 ปี โดยอุณหภูมิพื้นผิวโลกเพิ่มขึ้นอยู่ที่ +0.87 °C สูงขึ้นมากกว่าปี 2000 ซึ่งอยู่ที่ +0.34 °C เท่านั้น
ไม่ใช่แค่ร้อนมากเป็นประวัติการณ์เท่านั้น แต่ปีนี้ประเทศไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลกกำลังจะเผชิญกับปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” ที่อาจรุนแรงขึ้นและกินเวลานานมากขึ้นด้วย
จริงๆ แล้ว “เอลนีโญ-ลานีญา” เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่แล้วตามธรรมชาติ โดยอาจจะเกิดขึ้นทุกๆ 3-4 ปี สลับหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ ที่ผ่านมาช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ โลกเราเพิ่งจะผ่านพ้นสภาพอากาศแบบ “ลานีญา” ไปหมาดๆ มาปีนี้เรากำลังจะเข้าสู่สภาพอากาศแบบ “เอลนีโญ” ซึ่งส่งผลให้เกิด “ภัยแล้ง” ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย
สำหรับ เอลนีโญ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “El Niño – Southern Oscillation” เรียกอย่างสั้นว่า “ENSO” หมายถึง ความผันผวนซึ่งเกิดขึ้นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้
โดยในสภาวะปกติ “กระแสลมในมหาสมุทรแปซิฟิก” จะพัดจากทิศตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก (ชายฝั่งประเทศเปรู ทวีปอเมริกาใต้) ไปทางทิศตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก (อินโดนีเซียและออสเตรเลีย) เป็นสภาพอากาศที่สมดุลทั้งกระแสลมทะเลและกระแสน้ำอุ่น
1
แต่ถ้าปีไหนเกิดปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” จะพบว่าในปีนั้นมหาสมุทรแปซิฟิกมีความกดอากาศและอุณหภูมิที่ผิดปกติไปจากเดิม ทำให้ “กระแสลมในมหาสมุทรแปซิฟิก” อ่อนกำลังลง เกิดกระแสลมเปลี่ยนทิศทางเป็นตรงกันข้าม คือ พัดจากทิศตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก (อินโดนีเซียและออสเตรเลีย) ไปทางทิศตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก (ชายฝั่งประเทศเปรู ทวีปอเมริกาใต้)
1
เมื่อกระแสลมเปลี่ยนทิศ ก็ทำให้ “กระแสน้ำอุ่น-น้ำเย็น” แปรปรวนและไหลผิดทิศทางไปด้วย ซึ่งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคือ ทางฝั่งของอินโดนีเซียและออสเตรเลีย (ใกล้กับประเทศไทย) จะเกิดภัยแล้งหนัก ฝนขาดช่วง ปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าทุกปี ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ รวมถึงระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารในมหาสมุทรจะแย่ลง ฝูงปลามีจำนวนลดลง นกชายฝั่งขาดอาหาร ชาวประมงขาดรายได้ ขณะที่ทางชายฝั่งประเทศเปรู ทวีปอเมริกาใต้ จะเกิดพายุฝนอย่างหนัก อาจมีน้ำท่วมและดินถล่มอย่างรุนแรง
2
อย่างไรก็ตาม “เอลนีโญ” เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีคาบเวลาที่แน่นอน ไม่ได้เกิดขึ้นทุกปี ขณะที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งอาจกินเวลา 2 - 3 เดือนหรือนานกว่านั้น
ที่น่ากังวลคือ มีการพยากรณ์อากาศจาก องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ระบุว่า ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมปีนี้ มีโอกาส 60% ที่จะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ และภายในสิ้นเดือนกันยายน 2566 มีโอกาสมากถึง 80% ที่จะเกิดเอลนีโญ ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ประเทศไทย ก็มีคำพยากรณ์ออกมาในทิศทางเดียวกัน คือ คาดการณ์ปี 2566 ไทยมีแนวโน้มจะพบปรากฏการณ์เอลนีโญกำลังอ่อน และจะเกิดยาวไปถึงปี 2567
4
ส่วนฤดูฝนของประเทศไทยปีนี้มาช้ากว่าปกติเล็กน้อย และปริมาณฝนรวมปีนี้ จะน้อยกว่าค่าเฉลี่ยปกติประมาณ 5% อีกทั้งจะมี “ฝนทิ้งช่วง” ในเดือนมิถุนายน - กลางเดือนกรกฎาคม ทำให้เกิดพื้นที่แล้งซ้ำซากบริเวณนอกเขตชลประทาน อาจจะเกิดการขาดแคลนน้ำใช้สำหรับทำการเกษตรได้ในหลายพื้นที่
4
ดังนั้นคนไทยต้องเตรียมรับมือกับ “ภัยแล้ง” ที่จะมาถึงในปีนี้ให้ดี ซึ่งหนึ่งในหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องนี้ก็คือ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน โดยได้กล่าวว่า ทางกรมฯ ได้เตรียมแผนรับมือเพื่อลดผลกระทบต่อสถานการณ์ดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นกับเกษตรกรชาวไทย โดยได้กำชับให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ เฝ้าระวัง ติดตาม และประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และปรับแผนบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ ที่สำคัญให้เร่งเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด
5
ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกร ได้แนะแนวทางรับมือเอลนีโญไว้ว่า ในส่วนของภาครัฐ ควรจัดหาแหล่งน้ำสำรอง บริหารจัดกดารแหล่งน้ำ และเตรียมเครื่องมือ/เครื่องจักรที่จะใช้แก้ปัญหาภัยแล้งให้แก่ประชาชน ในส่วนของเกษตรกร ควรลดต้นทุนการผลิต ใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมี และเปลี่ยนมาปลูกพืชใช้น้ำน้อย เช่น มันสำปะหลัง อ้อย เป็นต้น
2
จากการคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ข้าวนาปีในปีนี้จะมีผลผลผลิตอยู่ที่ 25.1 - 25.6 ล้านตัน (ข้าวเปลือก) ลดลงจากปีก่อน อยู่ที่ -5.9% ถึง -4.1% เมื่อรวมทั้งข้าวนาปรัง คาดว่าผลผลิตจะอยู่ที่ -33.2 ล้านตัน (ข้าวเปลือก) ซึ่งก็ยังถือว่าน้อยลงจากปีก่อน อยู่ที่ -0.6% ถึง 0.9% อันเป็นผลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ
1
ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปก็ควรเตรียมรับมือภัยแล้งด้วยเช่นกัน โดยการช่วยกันประหยัดทรัพยากรน้ำเพื่อให้มีน้ำอุปโภคบริโภคได้อย่างเพียงพอในช่วงวิกฤติภัยแล้งปีนี้
โฆษณา