12 มิ.ย. 2023 เวลา 07:23 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

The Truman Show ชีวิตมหัศจรรย์ ทรูแมน โชว์

ภาพยนตร์เสียดสีสังคมที่เล่าเรื่องผ่าน “ทรูแมน”
ชายผู้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมาตลอดเกือบ 30 ปี
แต่หารู้ไม่ ว่าทุกก้าวเดินตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา ตั้งแต่เขาเกิดจนถึงปัจจุบัน
ถูกควบคุมและถ่ายทอดสดตลอด 24 ชั่วโมงผ่านรายการเรียลลิตี้ที่มีชื่อว่า “Truman Show”
น่าสนใจที่ว่าจุดไคลแม็กซ์ของหนัง
สาเหตุที่ทำให้ “ทรูแมน” ตัวเอกของเรื่องฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าชีวิตของเขานั้นมันมีความผิดปกติบางอย่าง กลับมาจากความผิดพลาดของตัวรายการเรียลลิตี้เองที่พยายามควบคุมและยัดเยียด “ของปลอม” เข้าไปในชีวิตของทรูแมนมากเกินไป จนทำให้มันไปเบียดบังสัญชาตญาณ “การค้นหาความจริง” ของมนุษย์และส่งผลให้ทรูแมนพยายามค้นหาว่าอะไรคือ “ของจริง” และพยายามแยก “ของปลอม” ออกจากชีวิตของเขา ซึ่งจะนำไปสู่ฉากจบของเรื่องที่ทรูแมนตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองได้ในที่สุด
แม้พล็อตหนังจะดูเว่อร์เกินไปมาก แต่ก็ชวนนึกถึงสภาพสังคมในปัจจุบัน
ในยุคที่ผู้คนสามารถเข้าถึงสื่อโฆษณาข่าวสารหรือแม้กระทั่งสามารถติดต่อผู้คนได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว เรารับข้อมูลต่างๆเข้าสมองมากมายในแต่ละวัน ทั้งการพูดคุยกับผู้อื่น,การดูโฆษณา,ข่าวสารต่างๆ
คำถามคือ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ข้อมูลที่เรารับไปนั้นมันเป็น “ของจริง” หรือ “ของปลอม” และการที่เราตัดสินใจเลือกอะไรสักอย่างนึงนั้น เราเลือกจากเจตจำนงเสรี(Free-will) ของเราอย่างแท้จริงโดยที่ไม่ถูกบังคับ ? หรือแท้จริงแล้วการตัดสินใจของเราหลายๆอย่างนั้นอาจจะถูกครอบงำและควบคุมให้ตัดสินใจผ่านข้อมูลจากสังคมและสื่อที่เรารับเข้ามาในทุกๆวัน
ซึ่งหากย้อนดูเนื้อหาหลักของหนัง The Truman Show เราจะพบว่าหนังนำเสนอประเด็นที่สังคมถูกขับเคลื่อนไปด้วยอิทธิพลของสังคมและสื่อที่คอยออกมาป้อนข้อมูลชักนำให้สังคมเดินทางตามไปในทิศทางที่กำหนดไว้แล้ว หรืออาจจะบอกได้ว่า หนังกำลังเตือนให้เราตระหนักคิดและระวังในอิทธิพลของสังคมและสื่อ โดยการสอดแทรกผ่านคำพูดจากเหตุการณ์ต่างๆในเรื่อง
อย่างเช่น
"There's Nothing Really Left To Explore."
“ไม่มีอะไรเหลือให้สำรวจอีกแล้วในโลกใบนี้.”
คำพูดจากอาจารย์ประจำชั้นของเขา หลังจากที่ทรูแมนได้บอกถึงความฝันของเขาที่อยากเป็น นักสำรวจ ซึ่งแน่นอนว่าการออกไปสำรวจโลกจะส่งผลร้ายกับรายการในเรื่องของการถ่ายทำ ดังนั้นกระบวนการ “กำจัดความฝันของทรูแมน” ของทีมงาน จึงเริ่มต้นขึ้น
เริ่มจากคำพูดง่ายๆอย่าง “มันมีคนทำไปหมดแล้ว” เพื่อลดความเชื่อมั่นของทรูแมนลงและกำจัดความอยากรู้อยากเห็นของทรูแมน มีการทำโฆษณาให้เห็นถึงอันตรายของการเดินทางผ่านเครื่องบิน รวมไปถึงให้คนสนิทของทรูแมนคอยป้อนชุดความคิดที่ว่า “ที่เป็นอยู่เนี่ย ดีที่สุดแล้ว” ผลที่เกิดขึ้นคือ ความฝันในเส้นทางของอาชีพนักสำรวจของทรูแมนพังทลายลง และถูกแทนที่ด้วยอาชีพ นายหน้าประกันภัยทั้งๆที่เขาไม่ได้เลือกแต่เป็นเพราะอิทธิพลจากสังคมและสื่อที่ป้อนข้อมูลให้เขาแท้ๆ.
"You Never Had A Camera In My Head."
“คุณไม่ได้ติดตั้งกล้องไว้ในหัวผมนี่”
คำพูดของทรูแมนที่เขากำลังบอกกับ “ผู้สร้าง” รายการเรียลลิตี้ทีวี หลังจากที่ผู้สร้างพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขากลับไปยังฉากของรายการเรียลลิตี้ด้วยคำพูดที่ว่า “เชื่อฉันเถอะทรูแมน โลกข้างนอกไม่ได้ต่างกับโลกสมมุติในรายการเรียลลิตี้นี้หรอก มันต่างก็หลอกลวงพอกัน เพียงแต่ในโลกสมมุติที่ฉันสร้างขึ้นนี้ เธอไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะฉันรู้จักเธอดีกว่าตัวเธอเองอีกยังไงล่ะ !” ทรูแมนจึงสวนกลับไปดังประโยคด้านบน
น่าเศร้าที่ทรูแมนกำลังพูดความจริงที่ว่า แม้ทั้งคนดูและผู้จัดรายการ จะเห็นทรูแมนตลอดเวลาผ่านกล้องที่ซ่อนไว้นับร้อยตัว แต่กลับไม่มีใครรู้จักตัวตนของทรูแมนจริงๆเลยสักคน เพราะสิ่งที่ทุกคนเห็นนั้นก็เป็นเพียงภาพลวงตาภายนอกที่เกิดขึ้นผ่านการควบคุมและปรุงแต่งของรายการเรียลลิตี้เพียงเท่านั้น ซึ่งสุดท้ายแล้วความคิดจิตใจจริงๆของทรูแมนนั้นก็ไม่อาจมีใครทราบได้.
หากชีวิตคุณกำลังออกเดินทางสู่จุดหมายแต่กลับรู้สึกว่าสังคมกำลังจับตาดูคุณอยู่และพร้อมที่จะสกัดขาคุณให้หยุดเดินทางตลอดเวลา ขอให้จำคำพูดของทรูแมนไว้ ว่าสุดท้ายแล้วไม่ได้มีใครเขารู้จักคุณดีจริงๆหรอก คนที่รู้จักคุณดีที่สุดก็มีแต่เพียง “คุณ” เท่านั้น
"You Were Real. That's What Made You So Good To Watch."
“คุณไงคือของจริง,นั่นแหละที่ทำให้ผู้ชมติดใจ”
คำพูดจาก “ผู้สร้าง” รายการเรียลลิตี้ที่พูดกับทรูแมน
หลังจากที่เขาถามว่าทั้งหมดในชีวิตเขานี่มัน “ของปลอม” ทั้งหมดเลยใช่ไหม ? แม้ทุกอย่างที่เกี่ยวพันกับชีวิตของทรูแมนในรายการเรียลลิตี้นั้นจะเป็น “ของปลอม” ทั้งหมด แต่สิ่งเดียวที่เป็น “ของจริง” และเป็นตัวขับเคลื่อนให้รายการเดินหน้าต่อไปได้โดยที่ยังคงดึงดูดความน่าสนใจของผู้คนต่อรายการเรียลลิตี้นี้ ก็คือ “ตัวทรูแมน” นี่ล่ะครับ
ต้องบอกว่าแม้ทางทีมงานจะพยายามจำกัดบทบาทของทรูแมนเอาไว้ แต่บ่อยครั้งความคิดอันอิสระเสรีของมนุษย์ก็นำพาทรูแมน “หลุด” ออกจากบทบาทที่ทีมงานวางไว้ให้ ซึ่งแม้ทีมงานจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่กลับเป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ชมทางบ้าน เพราะมันช่างดู “จริง” เสียเหลือเกิน ถึงแม้การกระทำของทรูแมนจะเป็นเพียงเรื่องธรรมดาที่คนปกติทั่วๆไปเขาก็ทำกัน แต่เมื่อมันมาอยู่ในรายการเรียลลิตี้ที่ “ปลอม” ทั้งรายการ ไอเรื่องสุดธรรมดา แต่ว่า “จริง” กลับถูกมองว่าเป็นเรื่องพิเศษไปเสียอย่างงั้น
เพราะตัวทรูแมนเองสำหรับผู้ชมแล้วเปรียบเสมือนตัวแทนของ “ชีวิตในอุดมคติ” ของผู้ชมที่กำลังใช้ชีวิตจริงอยู่ในโลกที่แสนวุ่นวายเหล่านั้นล้วนใฝ่ฝัน ผู้ชมชอบเปิดรายการเรียลลิตี้ทรูแมนทิ้งไว้ทั้งคืน เพราะให้ความรู้สึกว่าการใช้ชีวิตของ ทรูแมน ได้เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปในชีวิตของพวกเขา
ฉากจบที่มาพร้อมกับความจริงอันแสนเจ็บปวด
หลังจากที่ทรูแมนได้ทราบความจริงทุกอย่าง หนังตัดจบลงด้วยภาพทรูแมน เดินออกจากประตูที่เปรียบเสมือนทางเชื่อมระหว่าง โลกสมมุติ กับ โลกจริง พร้อมกับรายการที่หยุดออกอากาศ ซึ่งชีวิตของทรูแมนจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นคงไม่มีใครทราบได้
ซึ่งหลังจากที่รายการได้ยุติการออกอากาศไปแล้ว หนังได้ตัดภาพไปยังผู้ชมทางบ้านสองคน ที่กำลังมึนงงว่ารายการที่ดูมาตลอด 30 ปีนี่จบแล้วหรอ ? ก่อนที่ผู้ชมทางบ้านจะพูดขึ้นว่า “งั้นก็เปลี่ยนไปดูช่องอื่นดิ !!” น่าเศร้าที่ถึงแม้เขาจะดูคุณมาตลอด 30 ปี แต่สุดท้ายเมื่อคุณจากไป เขาก็ไม่ได้สนใจใยดีและรู้สึกผูกพันอะไรกับคุณมากขนาดนั้นหรอกครับ
โฆษณา