13 มิ.ย. 2023 เวลา 01:12 • ความคิดเห็น
คำถามที่ว่า เกิดมาเพื่ออะไร เราก็ต้องทบทวนตัวเอง เราเกิดมาจากไหน อยู่ในท้องแม่ ที่เค้าว่า เลือดสองก้อนผสมกัน มีธาตุสี่มารวมกัน มีน้ำเลือดน้ำหนองเข้าไปหล่อเลี้ยง ให้เลือดสองก้อนมาโต ขึ้นแตกกิ่งก้านขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง ครบอาการสามสิบสอง เริ่มขยับเขยื้อน พอหลุดจากท้องแม่ เค้าตอนนี้แหละที่จุติ ลงสู่กายมนุษย์ หมอดูกเอาเวลา ตกฟาก..แต่ไม่รู้ว่า เวลาจะไปถึงฝั่งบั้นปลาย ที่มีกายเป็นมนุษย์จะจบสิ้นตรงไหน แบบไหน วันเวลาไหน เดือนไหน ปีไหน
เมื่อหลุดจากท้องแม่ก็ร้องกะแว้ๆๆ ร้องได้ ไม่รู้ว่าร้องอะไร ร้องเพื่ออะไร เกิดมาไม่รู้อะไรเลยในโลก ก็ต้องนอนเฉย ..หิวก็ร้อง ขับถายของเสียก็ร้อง ..เหมือนเรียกร้องให้คนช่วย ก็ได้พ่อแม่ป้อนนมให้กิน สมัยก่อนก็อาศัยนมแม่อย่างเดียว นมวัวนมผงไม่มีขาย ..มีแต่น้ำนมแม่ ที่คอยเฝ้า ดูแลให้ ..ชีวิตสมัยก่อนมันก็เลยผูกพันกับแม่มาก ตั้งแต่เกิด..พอตาเริ่มมองเห็น แม่ก็เรียกลูก ชื่อลูก เหมือนบอกว่า ลูกชื่อนี้น่ำ นีแม่น่ะ ก็ค่อยเรียนรู้ ฝึกหัด..หัดนั่ง หัดคลาน หัดเดิน ก็มีพ่อแม่ช่วยประคับประคอง
กว่าจะรู้ความเรียนเรื่องนั้นเรื่องนี้มา อารมณ์โลภโกรธหลง ก็เข้าเกิดขึ้นในเรือนกาย อยากไดสิ่งนั่นสิ่งนี้ อยากเป็นอย่างนั่นอย่างนี้ ก็ใช้กายทะเยอทะยานทำไป..เดินไปตามทางของชีวิต ..ไปทำหากิน ตามยุคสมัย เป็นลูกจ้างนายจ้าง ทำงานร่วมคนนั้นคนนี้ บ้างก็อิจฉา รังเกียจ แก่แย่งชิงดีชิงเด่น
เรื่องที่จะคบหาสมาคม ก็แบ่งไปตามนิสัยใจคอที่ชอบไม่เหมือนกัน เป็นคนเสเพลอันธพาลก็แบบหนึ่ง ไม่ต้องรับผิดชอบทำมาหากินก็มี เป็นคนที่รับผิดชอบช่วยเหลือเกื้อกูลครอบครัวก็มี เป็นคนทิ้งพ่อแม่เพียงลำพังก็มี เป็นคนเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัวก็มี
มันก็จะมีเรื่องราวที่แบ่งแยกกันไปตามทิฐิความคิดเห็นเห็นในตัวตนที่ชอบไม่ชอบเป็นนิสัย ชั่งติเตียน วิจารณ์สิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่ไม่ทำเอง ทำไม่เป็นมันก็มี ..มีเพียงลมปากไว้พูดได้ .เหมือนรสชาติอาหาร ที่ชอบไม่เหมือนกัน…ดูไปดูมา โลกนี้ก็เป็นมายา เป็นละคร ..ต่างคนต่างแสดงไปตามนิสัยทิฐิในตัวตน แม้แต่ลมหายใจ ก็ต่างคนต่างหายใจกันเอง..หายใจเข้าไว้ .จะได้ไม่ตาย.. หายเใจเข้าโกรธ หายใจออกมันก็โกรธ ลมหายใจทั้งเข้าทั่งออก มันก็เป็นอารมณ์ต่างๆมากมาย .เป็นอารมณ์ไปเสียทั่งหมดไปจนวันตาย
กลับมาที่คำถามว่า คนเราเกิดมาเพื่ออะไร มันตอบกันไม่ได้หรอก เพราะแค่คำว่าคนมัน ก็มีเป็นล้านๆ ล้านดวงจิต..มันละคนปะปนกัน ตั้งแต่เด็ก หนุ่มสาว แก่เฒ่าชรา ..ที่ยังแข็งแรงก็ไปไหนมาไหนได้ ที่เจ็บป่วย ..ทุกข์ทรมานทรกรรม ก็ใช้ชีวิตลำบาก
..มันก็เลยตอบไม่ได้ ว่าคนเกิดมาเพื่ออะไร ..เราคงต้องไปหาคำตอบ จากคำว่า มนุษย์..นั้นเป็นอย่างไร ..มนุษย์รู้จักดีชั่ว มนุษย์ผู้นั้นก็ไม่ทำเรื่องราวชั่วๆ ให้มันเกิดขึ้นจากการกระทำของตน เป็นมนุษย์รู้จักดีชั่ว ..ก็สร้างสรรค์เรื่ิองราวดีๆ ให้แก่ตนเอง เพราะจิตของมนุษย์ ..รู้ว่ามาอาศัยกายนี้ชั่วขณะหนึ่ง แล้วต้องเดินทาง ..ก็สร้างบุญกุศลสะสมเป็นเสบียงให้แก่จิต ที่จุติมามีกายเป็นมนุษย์
เคยมีคำถามว่า ..ท่านเป็นมนุษย์ใช่มั้ย..ถามลงไปที่จิต..ที่จิตแต่ละดวงมาอาศัยเรือนกาย..ต้องไปหาคำตอบกันเอาเอง..ว่า จิตที่มาอาศัยรูปมนุษย์ ..ข้างในรูป ..จิตนั้นใช่มนุษย์ หรือ ว่าเป็นจิตเปรตอสุรกาย หรือ สัตว์อบายสัตา์นรก เกิดมาอาศัยในรูปมนุษย์ ..เป็นมนุษย์ที่มีกายเพียบพร้อมด้วยสติปัญญา .ย่อมรู้จักดีชั่ว คัดกรองเหตุผล .ควบคุมการกระทำ ลดละในสิ่งที่จะเป็นเหตุแห่งทุกข์ แล้วก็สะสมขจัดสิ่งที่ไม่ดี ที่เป็นศัตรูของจิตออกไป
ศัตรูของจิตก็คือ อารมณ์ .นำพาให้ทุกข์ เราเกิดมาก็พยายามขจัมันออกไป มันทำให้สะสมกรรม สะสมการเกิดตายนับชาติไม่ได้ เราเกิดมาเพื่อขจัดอารมณ์..พอใจไม่พอใจ ที่มีมากมาย เอามันออกไป วางเฉยต่ออารมณ์ หรือ มีอารมณ์โกรธ ..ขึ้นมา เราก็ทำให้มันไม่โกรธเสีย ..ใจมันก็คงเป็นสุข สุขทั้งกายทั้งใจ ที่ไม่มีอารมณ์มาเผาเรือนกายให้จิตที่อาศัยกายเดือดร้อนไปด้วย ..ทำอย่างไร..จึงจะสุขทั้งกายทั้งจิตขึ้นมาได้ .ง
โฆษณา