เรื่องย่อ: Lain Iwakura เป็นตัวเอกของ Serial Experiments Lain เธอได้รับการแนะนำว่าเป็นสาวญี่ปุ่นขี้อายและชอบเก็บตัวซึ่งไม่สนใจเทคโนโลยีหรือ Wired ซึ่งเป็นเครือข่ายการสื่อสารระดับโลกที่คล้ายกับอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม เมื่อซีรีส์ดำเนินไป Lain เริ่มมีส่วนร่วมกับ Wired มากขึ้น และเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวตนและความเป็นจริงของเธอเอง ตัวละครของเธอซับซ้อนและมีหลายแง่มุม
Lain Iwakura
การเดินทางของเธอตลอดทั้งซีรีส์นี้เป็นการสะท้อนถึงประสบการณ์ของมนุษย์ในการค้นพบตนเองและการเติบโต Alice Mizuki เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของ Lain และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ห่วงใยความเป็นอยู่ของเธออย่างแท้จริง อลิซได้รับการแนะนำให้รู้จักในฐานะเด็กสาวที่เป็นมิตรและเข้ากับคนง่ายที่พยายามผูกมิตรกับ Lain โดยหวังว่าจะช่วยเธอออกจากกรงอย่างไรก็ตาม เมื่อซีรีส์ดำเนินไป ตัวละครของอลิซก็ซับซ้อนมากขึ้น และความสัมพันธ์ของเธอกับเลนก็ตึงเครียดขึ้น
Alice Mizuki
ตัวละครของอลิซทำหน้าที่เป็นอุปสรรคต่อ Lain โดยเน้นความแตกต่างระหว่างทั้งสองและความท้าทายที่เกิดขึ้นเมื่อพยายามเชื่อมต่อกับผู้อื่น Masami Eiri เป็นศัตรูตัวฉกาจของ Serial Experiments Lain เขาเป็นอดีตโปรแกรมเมอร์ของ Tachibana General Labs และพยายามที่จะรวมโลกทางกายภาพและโลกดิจิทัลเพื่อสร้างความเป็นจริงใหม่
Masami Eiri
ตัวละครของ Eiri แสดงถึงอันตรายของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ไม่ถูกตรวจสอบ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการสูญเสียการติดต่อกับความเป็นจริง ความสัมพันธ์ของเขากับ Lain นั้นซับซ้อนและทำหน้าที่เป็นแรงผลักดันสำหรับโครงเรื่องของซีรีส์
Serial Experiments Lain เป็นอนิเมชั่นแนวไซไฟ – จิตวิทยา ที่เริ่มฉายในปี 1998 ที่กำกับโดย Ryutaro Nakamura เขียนบทโดย Chiaki J. Konaka โปรดิวซ์โดย Yasuyuki Ueda และออกแบบคาแรคเตอร์โดย Yoshitoshi ABe
ถือว่าเป็นอนิเมชั่นที่พูดถึงเรื่องสังคมแห่งโลกเสมือนที่มาก่อนใครเพื่อน ในตอนแรกนั้นแม้กระทั่งผู้สร้างเองก็ยังไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะประสบความสำเร็จ เพราะการทำอนิเมชั่นที่เต็มไปด้วยเรื่องปรัชญาเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูง แต่กลับได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากตัวละครที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ และคอนเซปต์ของเรื่องที่แปลกประหลาดจนเป็นที่จดจำ จนสร้างกลุ่มแฟนคลับที่ชื่นชอบในอนิเมชั่นเรื่องนี้ และมีการขยายเรื่องราวโลกของเลนไปในเกมส์ Playstation 1 และมีโดจินออกมาหนึ่งตอน
การเข้าสู่โลกของ The Wired ได้เปิดประสาททางสัมผัสและความรู้สึกใหม่ๆ ที่เลนไม่เคยสัมผัสมาก่อน การเริ่มต้นในโลกใหม่นี้กลับทำให้เลนมีคำถามและความสงสัยเกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น เพราะเธอรับรู้ว่าทุกคนใน The Wired รู้จักและสนใจตัวเธอเป็นพิเศษ ทำให้เธอสงสัยว่าตัวเองเป็นใครแท้จริง และทำไมเธอรู้สึกว่าไม่รู้จักตัวเองมาก่อน
เธอสงสัยว่าตัวเองเป็นใครแท้จริง
เลนเริ่มสับสนกับตัวตนของเธอเพราะไม่สามารถแยกแยะว่าตัวตนใดเป็นตัวตนจริงๆ ของเธอหรือว่าทั้งหมดไม่มีความเป็นจริงเกี่ยวข้องอย่างไรกับตัวเธอเอง พ่อของเธอเตือนให้เลนไม่ควรเข้าสู่โลกแห่ง The Wired อย่างลึกไปเกินไป
เพื่อป้องกันไม่ให้เธอสับสนระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกของ The Wired แต่เลนเชื่อว่าทั้งสองโลกนี้มีความเชื่อมโยงกัน และไม่มีเส้นแยกสร้างความขัดแย้งขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความขัดแย้งในใจของเลน เพราะเธอเป็นคนเดียวที่สามารถเดินทางผ่าน The Wired ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือเสริม การมีตัวตนของเธอกลายเป็นเป้าหมายของฝ่ายที่ต้องการใช้ความสับสนของเธอเพื่อทำให้เธอเปลี่ยนแปลงและตกอยู่ในโลกของ The Wired อย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อติดตามเรื่องราวต่อไป จะพบว่าสิ่งที่ชิสะค้นพบในโลกของ The Wired ไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นผู้สร้างปรากฏการณ์การเชื่อมต่อระหว่างโลกแห่งความจริงกับโลกของ The Wired โดยใช้ Protocol 7 เป็นเครื่องมือใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้คิดค้นอย่าง จอห์น ซี. ลิลลี่ (John C. Lilly) นักประสาทวิทยา, วินฟรีด ออตโต ชูมาน์น์ (Winfried Otto Schumann) นักฟิสิกส์ผู้ค้นพบทฤษฎีของค่าความถี่สนามแม่เหล็กโลก, และดั๊กลาส รุชคอฟฟ์ (Douglas Rushkoff) นักทฤษฎีสื่อ ซึ่งทั้งสามคนนี้มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ
แต่ผู้ที่นำทฤษฎีขึ้นมาต่อยอดคือ เอริ มาซามิ (Eiri Masami) นักวิทยาศาสตร์ภายในเรื่อง ซึ่งเขาสามารถถ่ายทอดข้อมูลทั้งหมดของตัวเองลงในโลกของ The Wired ได้
สรุปโดยสังเขปว่า Protocol 7 เป็นเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นในโลกของ The Wired เพื่อเชื่อมต่อระหว่างโลกแห่งความจริงกับโลกของ The Wired ซึ่งมีความเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้คิดค้น Protocol 7 คือ เอริ มาซามิ ซึ่งเขาสามารถถ่ายทอดข้อมูลทั้งหมดของตัวเองลงในโลกของ The Wired ได้
Protocol 7
ในเรื่องนี้ เอริมาซามิทำการตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องกับความเป็นพระเจ้าในโลกเสมือน ว่าพระเจ้าคือผู้เฝ้ามองอย่างเฉยๆ ตามความเป็นจริงหรือพระเจ้าควรเป็นผู้นำที่พาโลกไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ในทางกลับกัน เลนเป็นตัวละทิ้งร่างกายและเชื่อมโยงผู้คนด้วยเครือข่ายในโลก The Wired
เพื่อการพัฒนาตัวเองและเพื่อปฏิบัติการที่อยู่ในกลุ่ม The Knights ที่พยายามให้เลนตกอยู่ในเส้นทางของการเสียสละร่างกายเพื่อควบคุมทุกอย่างในโลก The Wired ทำให้เกิดความสับสนในเลนเกี่ยวกับร่างกายของเธอ และผลที่เกิดขึ้นทำให้คนในโลกเสมือนเข้าสู่ศาสนาใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี ซึ่งพวกเขามุ่งหน้าที่จะหนีจากโลกแห่งความจริง
ในเรื่องนี้มีสองภาพบรรยากาศที่ปรากฏอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญในการสื่อถึงความแตกต่างระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกของ The Wired
1. รอยเลือด: รอยเลือดที่ปรากฏอยู่ใต้เงามักเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงว่าโลกแห่งความจริงถูกซ่อนเร้นอยู่ภายในโลกของ The Wired โลกแห่งความจริงนั้นอาจเป็นโลกที่แสดงความจริงบางอย่างให้คนดูเห็นเท่านั้น การละทิ้งร่างกายไม่ได้หมายความว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่เป็นการตามหาที่อยู่แห่งใหม่ที่เหมาะสม รอยเลือดเหล่านี้เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่าโลกแห่งความจริงยังคงอยู่ภายใต้พื้นที่ของ The Wired
2. เสาไฟฟ้า: เสาไฟฟ้าที่พบบ่อยๆ มักถูกเลือกให้เป็นภาพบรรยากาศในเรื่อง ส่งผลให้เราเห็นเครือข่ายของสายไฟระโยงระยางที่ตั้งอยู่ใต้ท้องฟ้า พร้อมกับเสียงคลื่นไฟฟ้าที่สร้างความตื่นเต้นและเน้นบรรยากาศของความอึมครึม สายไฟที่ปกคลุมบริเวณนี้อาจส่งความหมายที่ซับซ้อนเหมือนกับการเชื่อมต่อของโลก The Wired แต่พื้นที่ในการใช้
งานเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น โลกของข้อมูลที่มีอยู่นั้นแสดงถึงความเชื่อมต่อของผู้คนทั่วโลกให้กลายเป็นหนึ่งเดียวดังนั้น สรุปโดยรวมของเรื่องนี้คือโลกแห่งความจริงและโลกของ The Wired มีความแตกต่างกัน โดยการเลือกใช้สัญลักษณ์เช่นรอยเลือดและเสาไฟฟ้าเพื่อสื่อถึงความแตกต่างนี้ โลกแห่งความจริงถูกซ่อนเร้นใน The Wired ซึ่งเป็นโลกที่แสดงความจริงบางอย่างให้เห็น
ในขณะที่เสาไฟฟ้าและสายไฟที่เกี่ยวข้องกับ The Wired แสดงถึงความซับซ้อนและการเชื่อมต่อของโลกในมิติที่ไม่จำกัด ทั้งนี้เพื่อให้เข้าใจและติดตามเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้น
ในโลก The Wired นั้นมีตัวละครที่สำคัญอีกมากมายที่เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเนื้อเรื่องและการสื่อสารกับเลน ตัวละครเหล่านี้ไม่มีหน้าตาที่แท้จริงเพราะเป็นเหล่าคนนิรนามที่ไม่สามารถระบุตัวตนที่แท้จริงในโลกแห่งความจริงได้ บางครั้งพวกเขาอาจมีรูปร่างเป็นแค่เงาลึกลับหรือแสงสับสน บางครั้งอาจปรากฏออกมาแค่อวัยวะหนึ่งของร่างกาย และบางครั้งก็อาจกลายเป็นคนที่เลนรู้จัก
แต่ไม่มีทางรู้ว่าพวกเขาคือพ่อและแม่ของเลนที่มาพูดคุยจริงหรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นการย้ำเตือนว่าบุคลิกในโลกแห่งความจริงและโลกใน The Wired ไม่สามารถรวมตัวกันเป็นหนึ่งได้ ยกเว้นเพียงแค่ไม่กี่คนที่มีชื่อในวงการวิทยาศาสตร์ภายในเรื่อง
บุคลิกที่สามคือบุคลิกที่เริ่มปรากฎตัวหลังจาก The Knights เข้ามาในเรื่อง เป็นบุคลิกที่ยุยงปลุกปั่นและสร้างความขัดแย้งกับคนอื่น ซึ่งอาจเป็นบุคลิกที่ The Knights สร้างขึ้นให้กับเลนเพื่อทำให้เลนเป็นตัวตนที่ทุกคนเกลียดชังและทำลายความคาดหวังของคนอื่น เลนเองมีความประหลาดใจที่เกิดจากการปะทะกันของความจริงในโลกแห่งความจริงและ The Wired
โดยเฉพาะเมื่อ The Knights เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในโลกของเธอ ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ทำให้เธอกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งกว่า The Knights และเอริ แม้ว่าเลนจะไม่ใช่พระเจ้าในโลกแห่ง The Wired เธอกลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถนิยามความหมายให้ได้ในเอง
ในสรุปแล้ว เป้าหมายของอาริสุคือการเป็นเพื่อนกับเลนและช่วยให้เลนสามารถสัมผัสตัวตนจริงๆ ในโลกแห่งความจริงได้ อาริสุต้องการให้เลนมีความสุขและไม่ต้องเจ็บปวดจากการอยู่ในโลกของ The Wired อาริสุยอมที่จะลบตัวตนของเธอและรีเซ็ตเหตุการณ์ทั้งหมดเพื่อให้เลนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น การกระทำนี้ทำให้โลกของ The Wired และโลกแห่งความจริงแยกกันได้ แต่อย่างไรก็ตาม, เลนกลายเป็นตัวตนที่มีอยู่จริง และสามารถเฝ้ามองผู้คนและสื่อสารกับเขาได้