สรุปการเข้าซื้อ INTUCH ของกลุ่ม GULF
รู้หรือไม่ว่า INTUCH ที่เป็นเจ้าของบริษัท ไอทีวี ที่เป็นข่าวดังในช่วงนี้ เมื่อก่อนบริษัท INTUCH ชื่อ ชินคอร์ป
คำว่า “ชิน” ก็มาจากคำว่า “ชินวัตร” หรือก็คือนามสกุลของทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง..
16 ปีที่แล้ว ทักษิณ ชินวัตร ขายหุ้นชินคอร์ป 49.6% ให้เทมาเส็ก ของรัฐบาลสิงคโปร์ มูลค่า 73,271 ล้านบาท
เรื่องในวันนั้น มีประเด็นเรื่องภาษีจากการขายหุ้น ทักษิณ ชินวัตร เหมือนจะประหยัดเงินภาษีไปได้มาก แต่เรื่องนี้ได้เป็นตัวจุดชนวนให้มีผู้ชุมนุม และการชุมนุมนั้น ได้นำไปสู่การรัฐประหารในเวลาต่อมา.. และนี่คือจุดเริ่มต้นมหากาพย์การเมืองไทยในช่วงเวลา 16 ปีที่ผ่านมา
เคยได้ยินคำว่า Butterfly Effect ไหม ?
การกระทำของสิ่งหนึ่ง มันส่งผลกระทบต่อสิ่งหนึ่งเป็นทอด ๆ ต่อกันไป และผลลัพธ์สุดท้ายมันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ ใหญ่ขนาดที่คนกระทำคนแรกก็ไม่คาดคิดมาก่อน
และเรื่องนี้มันก็เกิดขึ้นกับ ชินคอร์ป ซึ่งต่อมาได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น INTUCH โดยเทมาเส็กจากสิงคโปร์
แล้วผลลัพธ์สุดท้ายของเรื่องนี้ มาเกี่ยวข้องกับกลุ่ม GULF ได้อย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
3 ปีก่อน.. กลุ่ม GULF นำโดยสารัชถ์ รัตนาวะดี เริ่มซื้อหุ้น INTUCH เป็นครั้งแรก และในตอนนั้นทุกคนคิดว่า GULF ซื้อหุ้นนี้เก็บไว้ แค่เป็นที่พักเงิน รอรับผลตอบแทนจากเงินปันผล
- มิถุนายน 2563 GULF เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใน INTUCH สัดส่วน 4.59%
โดยตอนนั้นบริษัทให้เหตุผลว่าเป็นแนวทางการใช้เงินสด เพื่อกระจายความเสี่ยง และสร้างผลตอบแทน ในรูปแบบเงินปันผลราว 4% ถึง 5% ของเงินที่ลงทุน
- สิงหาคม 2563 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มเติม สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 7.99%
- ตุลาคม 2563 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มเติม สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 10.00%
ในระหว่างนี้เป็นช่วงเวลาที่เกิดโรคระบาด ตลาดทุนสนใจแต่ข่าวล็อกดาวน์ โดยที่ไม่มีใครทันสังเกตว่า GULF เริ่มวางแผนการอะไรบางอย่างที่หลายคนคิดไม่ถึง..
- มกราคม 2564 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มเติม สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 15.00%
- เมษายน 2564 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มเติม สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 18.93%
พอ GULF ได้เข้ามาถือหุ้นในระดับสูงขนาดนี้ ทุกคนเริ่มคาดเดากันแล้วว่า GULF ไม่ได้ซื้อหุ้น INTUCH เล่น ๆ
และในที่สุด ปริศนาก็คลี่คลาย คณะกรรมการของบริษัท GULF ได้อนุมัติ ให้ทำ Tender Offer หรือการประกาศรับซื้อหุ้นที่เหลือของบริษัท INTUCH จากผู้ถือหุ้นคนอื่นทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 65 บาท
หลังจากการ Tender Offer ปัจจุบัน GULF ได้ขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของ INTUCH โดยถืออยู่ในสัดส่วน 42.25% ซึ่งแปลว่า GULF มีอำนาจควบคุมบริษัท INTUCH เหนือเทมาเส็กจากสิงคโปร์ ซึ่งตอนนี้ถือในนามบริษัท Singtel
พูดง่าย ๆ ก็คือ ต่อให้เทมาเส็กจะคัดค้าน GULF อย่างไร ก็เป็นไปได้ยากที่จะค้านได้ เพราะ GULF ถือหุ้นในระดับมากพอที่จะโหวตให้บริษัทเดินไปในทิศทางที่อยากให้เป็น
แล้ว INTUCH มีดีอะไร ?
ทำไม GULF ถึงอยากครอบครอง ?
บริษัท ชินคอร์ปเดิม ทักษิณ ชินวัตร ตั้งใจทำให้เป็นบริษัทโฮลดิง เป็นอาณาจักรในฝัน ที่ไว้ถือครองธุรกิจสื่อสารที่สำคัญของประเทศไทย
ซึ่งนอกจากไอทีวีแล้ว ก็จะมีไทยคมที่ทำธุรกิจดาวเทียม และธุรกิจที่เด็ดสุดก็คือ AIS ค่ายมือถือที่ทุกคนรู้จักกันดี แค่มูลค่าบริษัท AIS บริษัทเดียวก็มีมูลค่า 640,000 ล้านบาท แล้ว..
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ชาญฉลาดของกลุ่ม GULF คือแทนที่จะซื้อ AIS โดยตรง แต่ GULF กลับเลือกที่จะไล่ซื้อหุ้น INTUCH ที่ถือหุ้น 40.4% ใน AIS อีกที
การที่ GULF ซื้อหุ้น INTUCH จะทำให้มีอำนาจควบคุม AIS ทางอ้อม และใช้เงินลงทุนที่น้อยกว่าการที่ GULF ซื้อหุ้น AIS โดยตรง
รู้หรือไม่ว่าเมื่อคำนวณแล้ว GULF ซื้อหุ้น 42.25% ใน INTUCH ด้วยมูลค่าเงินลงทุน ประมาณ 80,000 ล้านบาท
ถ้านำเงินจำนวนเดียวกันนี้ไปซื้อหุ้น AIS โดยตรง จะได้หุ้น AIS เพียง 12.5% ซึ่งจะไม่สามารถมีอำนาจควบคุม AIS ได้เหมือนการซื้อทางอ้อมผ่าน INTUCH
และที่พีกกว่านั้น รู้หรือไม่ว่าเงิน 80,000 ล้านบาทนี้ GULF ก็ไม่ได้ใช้เงินตัวเอง เพราะโดยส่วนใหญ่จะใช้เงินที่กู้ยืมจากหุ้นกู้ และสถาบันการเงินมาซื้อหุ้น..
และด้วยเครดิตระดับ GULF เงินกู้ยืมระยะสั้นของ GULF จากสถาบันการเงินจะมีอัตราดอกเบี้ยเพียง 2% ถึง 3% เท่านั้น ถ้าเทียบกับเงินปันผลที่ INTUCH จ่ายออกมานั้นจะคิดเป็น 4% ถึง 5% ของเงินที่ลงทุน
พูดง่าย ๆ ก็คือดีลนี้ GULF ได้เปรียบจาก ทั้งที่ตัวเองมีเครดิตที่ดี มีต้นทุนในการกู้ยืมเงินต่ำ และประเทศไทยยังอยู่ในภาวะดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ GULF ได้กำไรจากส่วนต่างระหว่างเงินปันผล กับดอกเบี้ยกู้ยืมด้วย..
ทั้งหมดนี้ ก็คือสรุปทั้งหมด เกี่ยวกับดีล การเข้าซื้อ INTUCH ของกลุ่ม GULF ที่สามารถครอบครองธุรกิจสื่อสารขนาดใหญ่ของประเทศไทยได้ โดยใช้เครื่องมือทางการเงินเป็นตัวช่วย
ย้อนกลับไป 16 ปีที่แล้ว..
ทักษิณ ชินวัตร ขายหุ้นชินคอร์ป 49.6% ให้เทมาเส็ก ของรัฐบาลสิงคโปร์ มูลค่า 73,271 ล้านบาท
แต่ตอนนี้ GULF เข้าซื้อหุ้น 42.25% ของบริษัทนี้ด้วยเงิน 80,000 ล้านบาท
คิดดูแล้วมันก็แปลกดี
คนหนึ่งอยากขายได้เงินสด แล้วเหตุการณ์นั้นนำไปสู่ชีวิตที่พลิกผันของตัวเอง ในขณะเดียวกัน อีกคนหนึ่ง กลับอยากซื้อเพื่อนำมาขยายธุรกิจของตัวเอง และคนนั้นก็ได้ก้าวมาเป็น บุคคลที่รวยที่สุดอันดับ 1 ของประเทศไทย ที่ชื่อว่า สารัชถ์ รัตนาวะดี
และเรื่องราวได้มาสู่ในวันนี้
พรรคการเมืองที่ได้ ส.ส. เป็นอันดับ 1 ไม่ใช่เพื่อไทยของทักษิณ ชินวัตร แต่เป็นก้าวไกลที่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กลับถือครองหุ้นไอทีวี ที่มีประเด็นว่ายังทำธุรกิจสื่อหรือไม่ เพราะตามกฎหมายแล้ว ส.ส. ห้ามถือหุ้นสื่อ
ในขณะเดียวกัน พรรคก้าวไกลมีนโยบายที่จะทลายทุนผูกขาด ปรับลดการซื้อไฟฟ้าจากภาคเอกชน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องชนกับ GULF อาณาจักรของผู้ที่รวยที่สุดในประเทศไทย
และตอนนี้ GULF ถือหุ้นใหญ่ใน INTUCH และ INTUCH ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี ซึ่งแปลว่า GULF มีอำนาจควบคุมในบริษัท ไอทีวี ที่จะควบคุมทิศทางของบริษัทนี้
ก็น่าติดตามว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร
แต่ดูเหมือนว่า INTUCH หรือชินคอร์ปเดิม จะเหมือนเป็นบริษัทที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เกี่ยวข้องกับมหาเศรษฐี และนายกรัฐมนตรี ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
“ความรวย” และ “อำนาจ” ที่ถูกส่งต่อเป็นทอดกันมา เสมือนเป็น Butterfly Effect ที่ใครได้ครอบครองบริษัทนี้ ก็จะเกิดเป็นเรื่องราวที่ไม่สิ้นสุด กับคนนั้นต่อไป..
- 313
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
