14 มิ.ย. 2023 เวลา 13:48 • ปรัชญา
เรื่องสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมของตน ที่เกิดมาก็เพื่อชดใช้กรรม แล้วก็มีการสร้างกรรม เพิ่มพูนให้มากขึ้น เราก็ได้ฟังมาก็ไม่รู้จักว่ากรรมนั้นมีลักษณะอย่างไร เจอพระองค์หนึ่ง ท่านพูดว่า คนเราอยู่กับอารมณ์ก็ไม่รู้จักอารมณ์ อยู่กับกรรมก็ไม่รู้จักกรรม เราก็ฟังท่าน ก็ฟังเรื่องราว ท่านแนะนำ ให้ตื่นเช้าก็กราบพระสวดมนต์ ทำบุญหน้าพระ เราก็ฝึกหัดของเรา
ตกเย็นก็มากราบพระสวดมนต์ ก็ทบทวนเรื่องราวของอารมณ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เรื่องอารมณ์ที่เรา ไปติเตียน ต่อว่า นึกโกรธตนนั้นคนคนนี้ เห็นคนคนนั่นผิดคนนี้ไม่ดี มีอารมณ์ไม่ชอบใจ ไม่พอใจ เราก็หมั่นทบทวน.ตัวเอง ในเรื่องของอารมณ์ ดูๆมันเยอะนะนี้
ท่านก็บอกว่า ..อีกว่า ..ให้เอาตัวทิฐิของเราออกไปก่อน ไม่อย่างนั้น ก็สอนไม่ได้ เราก็ต้องมานั่งทบทวน ตัวเอง .อยู่นาน.กว่าจะเข้าใจได้ มันก็เรื่อง ที่เราไปอ่านเรื่องนั้นเรื่องนี้ เรื่องท๊่เค้่าว่า ปฏิบัติธรรมต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องได้ฌานอย่างนั้นอย่าง เรื่องสติปัฏฐานสี่ เราก็จดจำมา .เอามาเป็นทิฐิเป็นอารมณ์จดจำ นั่นก็เป็นเหตุให้เกิดความรู้สึกต่อต้าน มีความทิฐิเกิดขึ้นว่า..ข้ารู้แล้วๆ..แต่มันยังไม่รู้จริง..เพราะยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติ..เวลาปฏิบัติมีความตั้งอกตั้งใจทำมั้ย ทำแบบไหนอีก.ในการวางกายวางจิต
ในสิ่งที่ท่านสอน เพราะท่านไม่ได้เอาตำรับตำรามาสอน ท่านบอกว่า ..คนเรามันจะลดละอารมณ์ง.ที่มันมีมากมายก่ายกอง มันทำไม่ได้หรอก ท่่านบอกว่า เอาไปทำทีละตัว ..เอาตัวติเตียนนี้ไปทำ พอติเตียนใคร ก็ให้หยุด ..เนี่ยเราใช้ตัวติเตียน .มันเกิดที่เรา เราก็หยุด ตกเย็นกราบพระสวดมนต์ เราก็นั่งทบทวนวันนี้เผลอไปติเตียนใครบ้าง แล้วท่านก็ต่อให้ เรื่องตัววิจารณ์ ..ไม่วิจารณ์ใคร ไม่พอใจใคร ไม่ต่อต้านใคร ตัวขี้เกียจ .. การเรียนรู้จักอารมณ์ ..นั้นจิตต้องมีความขันติอดทน ไม่เข่นนั้น ก็จะเรียนรู้จักไม่ได้เลย
ท่านก็ให้เรียนรู้ ..แล้วก็ตัวที่ท่านบอกให้ทำให้เรียนรู้ ..ไม่เห็นใครผิดเลย ไม่เห็นตัวเองดีแล้ว ..มันก็ล้วนเป็นเรื่องอารมณ์ เรื่องที่ยากลำบาก ..ก็เรื่องของหมวดตัวหลง ..ที่มีเรื่องราวของไสยศาสตร์ มนต์ดำ ..คือ มีคนเค้าพัวพัน เรื่องนี้ เข้ามาในกุฏิ ..ท่านก็บอกให้ศึกษา .จะได้รู้จัก เราไม่ได้เป็นคนทำ ..แต่ก็ต้องไปสัมผัสเรื่องราวเหล่านี้ .เวลาถูกพวกนี เข้ามา มันทำให้เกิดอะไรขึ้นมาในกาย สติกายรับรู้ ผิดปกติ อารมณ์ผิดปกติ
เรื่องอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชของสิ่งพวกนี้ มันทำให้า คนหลงดี ก้าวร้าว อยู่ไม่เป็นสุข ทำตัวเป็นผู้ยิ่งใหญ่่ อวดเก่งอวดดี แล้วก็ทำให้ทุกข์ทรมาน ไม่สามารถที่จะประพฤติปฏิบัติธรรม ลดละอารมณ์ได้เลย เมื่อเรื่องเหล่านี้ไหลเข้าไปสู่กายสู่จิต มันปิดบังจิตของตนเอง ไม่รู้กรรมเลย บุญกุศลก็ทำไม่่เป็น ปิดบังไปจนลืมเลือนเรื่องพระคุณพ่อแม่ เรื่องราวของสิ่งที่เป็นคุณต่อจิตของตน มันปิดสนิทลงกลอนประตูหน้าต่าง..ที่จิตนั่น จะตื่นขึ้นมารับรู้จักกรรม แล้วหนีกรรม มีแต่จะจมลงไปให้มากขึ้น ..
แล้วเรื่องที่เรื่องรู้จักอีกมากมายก่ายกอง ..เราเคยถามพระ เรื่องของวิญญาณหก ..ท่านบอกว่า เรายังทำไม่ได้หรอก ท่านเรียกว่า มันเรื่องของตัวหลงทั้งนั้น
เรื่องบุญกุศล..เราก็พยายามสอบถาม เรื่องอุบาสกอุบาสิกา สมัยต้นพุทธกาลเค้าทำกันอย่างไร ใช้กิริยาอย่างไร มีการทำบุญเสร็จแล้ว ก็นั่งพับเพียบฟังธรรม เค้ากระทำด้วยความนอบน้อม ทำกายทำจิตอย่างไรกันบ้าง ซึ่งท่านก็ค่อยแนะนำสอนให้ แม้แต่เรื่องการกราบพระ เรื่องการเอาจิตมากราบ เอาจิตมาสร้างบุญกุศล นั่นก็เป็นเรื่องราวของการเอากิริยาของผู้ที่เป็นเทพเป็นพรหมมากราบพระ .ซึ่งมันก็เป็นการฝึกหัดตัวเองอย่างหนึ่ง..
..เช่น เวลาทำบุญ ไม่ใช่อยู่จะไปทำบุญเลย ก็นั่งสำรวมจิต สำรวมอารมณ์ เอากิริยาดี มากราบ ..พระ กราบองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า .ก็ต้องใช้กิริยา ..ดีๆมากราบ ไม่ใช้กิริยาของคนมีกรรม กราบไปอย่างนั้น รีบร้อนลุกลี้ลุกลน ..ทำอย่างนั้นใครจะรับการกราบไหว้ ทำแบบเหวี่ยงไป ..
เรื่องของกราบพระนั้น ต้องทำให้ดี เมื่อเริ่มต้นปฏิบัติธรรม..บางทีเราก็รีบร้อนไม่ระมัดระวัง .เวลาปฏิบัติธรรม..มันก็วุ่นวาย ด้วยอารมณ์ไปด้วย แต่เราก็ไม่เคยสังเกต ..นั้นก็คือ เราต้องทำจิตทำใจ ตั้งอกตั้งใจ เอาจิตมากราบพระ ..ไม่ใข่เอาอารมณ์มากกราบพระ..เวลากราบก็ กระทำให้พรั่งพร้อม ทั้งกายวาจาใจ ..ต้องสำรวจตัวเอง...
เรื่องของบุญกุศลนั้นช่วยเหลือจิตอย่างไร ..มันก็ต้องมีการปฏิบัติ มีการเรียนรู้ รู้จักกรรม รู้จักเรื่องเจ้ากรรมนายเวร อะไรต่างๆมากมาย
ที่เขียนเล่ามานั้น มันเป็นเรื่องส่วนตัว ที่เราเห็นว่าชีวิตของเรา..เราก็อยากจะเรียนรู้ชีวิต ..ไม่ได้เป็นเรียนรู้ที่คนอื่น .เรือนรู้จัก สิ่งที่เกิดในกาย อารมณ์ จิต ..วนเวียนอยู่ในกายนี้ ให้รู้จักกรรมในกายนี้ จะหนีกรรมก็อาศัยกายนี้ จะสร้างบุญกุศลหรือสร้างกรรม ก็กายนี้ ..กายที่พ่อแม่ให้มามีพระคุณต่อจิต..ให้เราได้เรียนรู้จักกรรม เรียนรู้จักที่จะหนีกรรม .ก็เรียนรู้ไปเรื่อย..เท่าสติปัญญาอำนวยให้ เรียนรู้ที่จะสลัดละอารมณ์กรรมตัวกระทำ ..ที่เราใช้นั้นออกไป .ที่มันก็ยากลำบาก ในการเรียนรู้..ไปทั้งชีวิต
โฆษณา