15 มิ.ย. 2023 เวลา 06:28 • อสังหาริมทรัพย์

พาทัวร์ OCC (One City Centre) อาคารสำนักงานเกรดเอพลัสระดับลักชัวรี่แห่งใหม่

โดย RML X Mitsubishi Estate พร้อมสุดยอดรูฟท็อปเดสทิเนชั่นใจกลางกรุง
ในปัจจุบันนี้อาคาร OCC นับว่าเป็นอาคารสำนักงานสร้างเสร็จ ที่มีความสูงที่สุดในประเทศไทยครับ ด้วยความสูง 61 ชั้น หรือ 275.76 เมตร (แต่ในอนาคตอันใกล้สถิตินี้จะถูกทำลายโดยอาคาร Signature Tower ของ ONE BANGKOK ที่มีความสูง 90 ชั้น หรือประมาณ 437 เมตรกว่าๆ) ตัวโครงการนับว่าสร้างเสร็จในส่วนที่ตลาดอาคารสำนักงานในประเทศไทยกำลัง Reach ถึงขีดสุด
โดยอ้างอิงจาก ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2566 อุปทานพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 9.650 ล้านตารางเมตร (ตร.ม.) คิดเป็นร้อยละ 0.94 จากไตรมาสก่อนหน้า โดยพบว่ามีการเปิดตัวโครงการอาคารสำนักงานใหม่จำนวน 5 โครงการ ด้วยพื้นที่เช่ารวม 90,983 ตร.ม. และคาดการณ์ว่าคาดการณ์ว่าสำหรับในปี 2566 อาจมีพื้นที่สำนักงานให้เช่าก่อสร้างแล้วเสร็จและเข้าสู่ตลาดใหม่อีกประมาณ 56,379 ตร.ม. ปี 2567 ประมาณ 532,778 ตร.ม.
และปี 2568 อีก 169,500 ตร.ม. โดยพบว่ามากกว่าร้อยละ 95.16 เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ และตั้งอยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ ซึ่งในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา พื้นที่สำนักงานทั้งหมดในกรุงเทพฯ ถูกใช้ไปแล้วกว่า 8.635 ล้าน ตร.ม. ส่งผลให้อัตราการเช่าโดยรวมอยู่ที่ร้อยละ 89.48 ปรับตัวลดลงจากในช่วงไตรมาสก่อนหน้าร้อยละ 0.38 โดยพบว่าพื้นที่สุขุมวิทยังคงเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเช่าสูงสุดในย่านศูนย์กลางธุรกิจที่ร้อยละ 92.33 ขณะที่พื้นที่รอบเมืองฝั่งทิศตะวันตกมีอัตราการเช่าสูงสุดในพื้นที่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจที่ร้อยละ 95.86
และสำหรับข้อมูลของพื้นที่อาคารสำนักงานเกรดเอ พลัส ซึ่งเป็นตลาดใหม่ของกทม. ข้อมูลจาก CBRE พบว่า ในไตรมาส 1 ปีนี้ มีพื้นที่ให้เช่าอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ รวมทั้งหมด 9.38 ล้านตารางเมตร ซึ่งแบ่งเป็นพื้นที่ให้เช่าอาคารสำนักงาน Grade A+ บนทำเลศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) อยู่ที่ 400,000 ตร.ม. และเป็นพื้นที่ให้เช่าอาคารสำนักงาน Grade A บนทำเล CBD อยู่ที่ 900,000 ตร.ม.
รวมถึงเป็นพื้นที่ให้เช่าอาคารสำนักงาน Grade A นอกพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ (Non-CBD) อยู่ที่ 520,000 ตร.ม. จะเห็นได้ว่าอุปทาน (Supply) พื้นที่ให้เช่าในอาคารสำนักงาน Grade A+ มีน้อยที่สุด
"OCC เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอพลัส ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Fitwel ในระดับ 2 ดาว โครงการแรกของไทย (Fitwel Design Certification, Multi-Tenant Base Building v2.1 with 2-Star rating) เป็นมาตรฐานอาคารเพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้ใช้อาคารระดับสากล ก่อตั้งโดยกรมควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) และดำเนินการโดย Center for Active Design (CfAD) จึงตอบโจทย์ เทรนด์ผู้เช่าที่มองหาอาคารเขียว มอบความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเสริมด้วยจุดเด่นที่มีระบบเครื่องปรับอากาศทำงานแบบยืดหยุ่นสูง
สามารถเลือกเปิดได้ 24 ชั่วโมง ก้าวข้ามขีดจำกัดพื้นที่สำนักงานให้เช่าที่มักจะตัดไฟตัดแอร์เวลา 17.00 น. ทำให้ตอบโจทย์ลูกค้า flexible work hours ได้ตรงจุด ตอบโจทย์การเป็นมหานครเมืองทำงาน 24 ชั่วโมง สำหรับสัดส่วนผู้เช่าคาดว่า 60% จะเป็นผู้เช่าบริษัทต่างชาติ อีก 40% เป็นบริษัทไทย เทรนด์ปี 2566-2567
คาดว่าอาคารสำนักงานเกรดเอพลัสบนทำเล CBD จะเพิ่มขึ้นอีก 4-5 โครงการ และผมมองว่าออฟฟิศสำนักงานเกรดเอพลัสบนทำเล CBD จะยังคงมีดีมานด์สูงอย่างต่อเนื่อง" กรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน)
โครงการนี้ ไรมอน แลนด์ ร่วมทุนกับมิตซูบิชิ เอสเตท จากญี่ปุ่น บนมูลค่าโครงการ 8,800 ล้านบาท และเป็นการเติมเต็มความต้องการของกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท ในการพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ในไทย แต่ที่ผ่านมาทางพาร์ทเนอร์ขาประจำอย่างเอพี ดูจะไม่ค่อยอยากที่จะเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้เล่นตลาดนี้สักเท่าไหร่ โดยตัวโครงการสามารถเดินเชื่อมต่อเข้าไปในอาคารผ่าน Sky Bridge ของสถานีบีทีเอสเพลินจิตได้เลยเมื่อสะพานก่อสร้างแล้วเสร็จในครึ่งหลังของปี 2566
โดยไรมอน แลนด์ถือหุ้น 60% มิตซูบิชิ เอสเตท ถือหุ้น 40% มีพื้นที่ให้เช่า 61,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น พื้นที่สำนักงาน 86% พื้นที่ค้าปลีก 14% โครงการได้รับการวางคอนเซ็ปต์ให้เป็นที่สุดแห่งอาคารสำนักงานยุคใหม่ใจกลางเพลินจิตพรั่งพร้อมทุกองค์ประกอบของการเป็นทั้งพื้นที่ซึ่งส่งเสริมให้ผู้คนทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมดื่มด่ำกับความรื่นรมย์ในศูนย์กลางไลฟ์สไตล์เหนือระดับ
ด้วยแนวคิดการออกแบบที่จุดประกายพลังสร้างสรรค์ทั้งในการทำงาน ต่อยอดธุรกิจ และการพักผ่อน รวมทั้งส่งเสริมคนทำงานให้พัฒนาสู่ความเป็นผู้นำ ที่นี่จึงเป็นเสมือนพื้นที่แห่งการเติมเต็มชีวิตในทุกมิติอย่างแท้จริง บนแนวคิด ‘REIMAGINE YOUR WORLD’ ที่เป็นการผสานความร่วมมือกันระหว่างบริษัทออกแบบชั้นนำระดับโลกและบริษัทสถาปนิกที่มีชื่อเสียงของไทย ตั้งแต่การออกแบบสถาปัตยกรรม ตกแต่งภายใน ตลอดจนภูมิทัศน์โดยรอบโครงการที่แบ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งของโครงการมาทำเป็นพื้นที่สวนขนาดใหญ่ถึง 3 ไร่
โดยมีที่ปรึกษาในการวางแนวคิดการออกแบบอาคารคือ สกิดมอร์, โอวิงส์ และเมอร์ริล ไทยแลนด์ (Skidmore, Owings & Merrill (Thailand) หรือ SOM (Thailand) บริษัทดีไซน์ชั้นนำระดับโลก ผู้ออกแบบ อาคารเบิร์จ คาลิฟา (Burj Khalifa) ที่ดูไบ ซึ่งทำงานร่วมกับ ดีไซน์ 103 อินเตอร์เนชั่นแนล (Design 103 International) บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมชั้นนำของไทยที่มีประวัติยาวนานและมีผลงานอาคารระดับมาซเตอร์พีซมากมาย เช่น ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
และสนามบินสุวรรณภูมิ และแทนเดม อาร์คิเท็ค (2001) (Tandem Architects) บริษัทสถาปนิกแถวหน้าของไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาคารสูง โดยมี ฉมา (Shma) บริษัทภูมิสถาปัตย์ชั้นนำที่เชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์ ระบบนิเวศ และสิ่งแวดล้อมเป็นที่ปรึกษาด้านภูมิทัศน์ ดีดับเบิ้ลยูพี (ประเทศไทย) (DWP (Thailand)) บริษัทออกแบบและตกแต่งภายในชั้นนำ
เป็นที่ปรึกษาด้านการตกแต่งภายใน และออเรคอน คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) (Aurecon Consulting (Thailand)) ผู้นำด้านบริการงานออกแบบ ให้คำปรึกษาและบริหารงานทางวิศวกร เป็นที่ปรึกษาด้านงานระบบไฟฟ้า และงานระบบเครื่องกล
ด้วยจุดมุ่งหมายในการสร้างอาคารสำนักงานลักชัวรี่ที่มีดีไซน์สุดล้ำ ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมระดับโลกและศิลปะวัฒนธรรมไทยเข้าด้วยกัน เห็นได้จากแผงแนวเฉียงที่พาดอยู่บนส่วนหน้าของอาคาร (façade) ซึ่งเป็นดีไซน์ที่มีความสอดคล้องลงตัวกับสภาพอากาศเมืองไทย โดยทำหน้าที่ลดความร้อนจากแสงอาทิตย์เข้าสู่อาคาร นอกจากนี้ในตัวอาคารยังมี Signature Design & Function และเทคโนโลยีสมัยใหม่มากมาย เพื่อเปิดมิติใหม่สู่โลกของอาคารออฟฟิศและสุดยอดศูนย์กลางไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต อาทิ
การออกแบบด้วยการเพิ่มพื้นที่เปิดโล่งหันหน้าสู่ถนนด้านหน้าได้เต็มที่ และยกพื้นที่กลางแจ้งทั้งหมดนี้ให้เป็นสวนสาธารณะที่ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ได้/ ตัวอาคารแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักที่มีลักษณะตรงกันข้าม คือส่วนแกนกลางเป็นแท่งทึบรูปทรงที่เพรียวบางหันสู่ทิศตะวันตก และส่วนผนังกระจกใสตลอดความยาวตึกซึ่งเป็นพื้นที่ออฟฟิศหันสู่ ทิศตะวันออก รวมทั้งพื้นที่สีเขียวตามจุดต่าง ๆ ทั้งพื้นที่โถงใหญ่กลางอาคาร (Atrium) ระเบียง และสวนหย่อมกระจายอยู่ทั่วอาคาร/
การพัฒนาโครงการ OCC มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ล้ำสมัยที่สุด เช่น การสร้างแบบจำลองข้อมูลอาคาร (BIM) / เพดานสูง 3 เมตรต่อชั้น แบบไม่มีเสากั้น ออกแบบ Knockout Panels ทุบเชื่อมต่อพื้นที่กันระหว่างชั้นได้/ การติดตั้งเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อสร้างประสบการณ์ที่เหนือระดับแก่ผู้เช่า เช่น แอปพลิเคชั่นมือถือสำหรับผู้เช่าอาคาร ระบบจดจำใบหน้า และระบบจดจำป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติ มอบความสะดวกสบายด้วยระบบไร้สัมผัส ตั้งแต่การเข้า-ออกที่จอดรถ ลิฟต์ และอาคารสำนักงาน
รวมทั้งการจองใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางและร้านอาหารผ่านโมบายแอป/ การออกแบบให้มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ในอนาคตเพื่อรองรับความต้องการในการทำงานที่แตกต่างกันและเปลี่ยนแปลงไป โดยมีระเบียงบนชั้น 14 และ 61 เป็นพื้นที่พักผ่อนอีกหนึ่งจุด รวมทั้งพบปะสังสรรค์ในโอกาสต่างๆ ระบบกรองอากาศในอาคารใช้แผ่นกรองประสิทธิภาพสูง MERV14 ช่วยให้อากาศภายสะอาดและสดชื่นตลอดเวลา/
Rooftop Destination บนชั้น 58 และ 61 สเปซแห่งการดื่มด่ำกับมื้ออาหารสุดพิเศษ ด้วยบาร์และภัตตาคารสุดหรู ดีไซน์และตกแต่งทุกรายละเอียดอย่างเหนือระดับพร้อมทิวทัศน์กรุงเทพฯ แบบ พาโนรามา 360 องศา
สำหรับแนวคิด ‘REIMAGINE YOUR WORLD’ ของ OCC ประกอบด้วย
– Reimagined Daily Work Rhythm – พื้นที่สำนักงานที่ OCC ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อหล่อเลี้ยงพลังชีวิตของคนทำงาน สร้างความสุขให้กับช่วงเวลาทำงานโดยมีนวัตกรรมที่ทันสมัย
– Reimagined Daily Green Intake – ด้วยเป้าหมายที่จะนำต้นไม้และธรรมชาติกลับมาสู่วิถีคนเมืองในกรุงเทพฯ OCC เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตใจกลางเมืองที่เขียวชอุ่มที่สุดในย่านเพลินจิต ด้วยพื้นที่สีเขียวกว่า 5,000 ตร.ม.
– Reimagined Office Space Possibilities – ด้วยโครงสร้างอาคารที่ไม่มีเสาคั่นกลาง ผู้เช่าจึงสามารถออกแบบ เลย์เอาต์สำนักงานได้อย่างอิสระตามความต้องการ สร้างสรรค์พื้นที่สำนักงานที่ดีที่สุดได้อย่างใจ
– Reimagined Retail and Food Selection – OCC มาพร้อมกับพื้นที่รีเทล คาเฟ่ บาร์ และร้านอาหารที่คัดสรรมาอย่างมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร รวมถึงบาร์และภัตตาคารหรูบนชั้นดาดฟ้าที่จะกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์และเป็นหนึ่งในรูฟท็อปเดสทิเนชั่นที่ดีที่สุดในเอเชีย [คาดว่าจะเป็นร้าน Vaso และ Skybar ของกลุ่มเตชะอุบล]
– Reimagined Journey In and Out – สุดท้ายนี้ การเดินทางเข้าและออกจากอาคาร OCC ง่ายและสะดวกสบายติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเพลินจิต โดยใช้เวลาเดินเพียง 2 นาทีจากบีทีเอส และสามารถเดินเชื่อมต่อเข้าไปในอาคารผ่าน Sky Bridge ได้เลย หรือถ้าขับรถมาก็อยู่ห่างจากทางด่วนเพลินจิต เพียง 200 เมตร
สำหรับพื้นที่เช่าแต่ละฟลอร์มีพื้นที่รวม 1,300 ตารางเมตร โดยพื้นที่เช่าเริ่มต้นที่ 125 ตารางเมตรขึ้นไป ในด้านดีไซน์โครงการ ออกแบบสูง 61 ชั้น แบ่ง 4 ชั้นสำหรับพื้นที่โคเวิร์กกิ้งสเปซ บนชั้นที่ 37 - 40 โดยกลุ่ม JustCo เช่าระยะยาวเป็นเวลา 12 ปี บนพื้นที่ทั้งหมด 5,228 ตารางเมตร ซึ่งมอบประสบการณ์การทำงานที่สามารถชมวิวที่สวยงามใจกลางกรุงผ่านผนังกระจกแบบไม่มีอะไรบดบัง
และตอนนี้ผู้เช่าหลักของ OCC คือกลุ่มบริษัท RML, มิตซูบิชิ เอสเตท (Mitsubishi Estate), มิตซูบิชิ เฮฟวี่ (Mitsubishi Heavy), มิตซูบิชิ พาวเวอร์ (Mitsubishi Power), มารูเบนิ (Marubeni), STARK, จัสโค (JustCo), ซีบีอาร์อี (CBRE), อะมาดิอุส (Amadeus), คอร์ติน่า วอทช์ (Cortina Watch), และโคคูโย (Kokuyo) นอกจากนี้ยังมีร้านค้าที่พร้อมเปิดให้บริการในไตรมาส 2 อาทิเช่น
ดีน แอนด์ เดลูก้า (DEAN & DELUCA) ร้านกาแฟดังที่ถือกำเนิดมากจากอเมริกา, โอ ปอง แปง (Au Bon Pain) ร้านกาแฟกึ่งเบเกอรี่ ชื่อดังจากอเมริกา, %อาราบิก้า (%Arabica) คาเฟ่ที่โด่งดังมากในญี่ปุ่น, คาซาน่า (Ksana) คาเฟ่ชาเขียวมัทฉะเข้มข้นชื่อดังจากญี่ปุ่น, แบลคโบบา (BLK.BOBA) ร้านชาไข่มุกออร์แกนิคชื่อดัง, โฟคาฟิเซีย (Focaficial) ร้านขนมปังพรีเมียมจากอิตาลี และลอว์สัน (Lawson) ร้านสะดวกซื้อชื่อดังจากญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ในไตรมาส 4 ยังเตรียมเปิด Sky Bar ที่ชั้น 61 และร้านอาหาร ที่ชั้น 58 ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงฟู๊ดคอร์ท กินนี่ฟู๊ด (Kinnie Food) ที่รวมร้านอาหารชื่อดังมากมายในราคาที่จับต้องได้มาไว้ที่นี่อีกด้วย
ทั้งนี้เรามั่นใจว่าหลัง Sky bridge สร้างเสร็จ จะผลักดันให้อัตราการเช่า OCC เต็มพื้นที่ในต้นปี 2567 และหลังจากที่เปิดใช้บริการ OCC เต็มรูปแบบ จะส่งผลให้ RML มีสัดส่วนรายได้ประจำเพิ่มขึ้นถึง 15-25% ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ RML มีสถานะทางการเงินที่เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคตระยะยาว” นายกรณ์ กล่าว
โดย OCC นำเสนอราคาค่าเช่าต่อตรม.ที่ประมาณ 1,500 บาท ซึ่งนับว่าเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูงที่สุดในบรรดาค่าเช่าอาคารสำนักงานเกรดเอ ที่สร้างเสร็จใหม่ โดยอัตราค่าเช่าเฉลี่ยของสำนักงานเกรดเอในพื้นที่ CBD Prime Area จะอยู่ที่ประมาณ 1,100 บาทต่อตรม. มีแนวโน้มค่าเช่าที่คงที่เพื่อรักษาผู้เช่ารายเดิม
แต่หากเป็นอาคารเก่าพบว่ามีการปรับลดราคาค่าเช่าลงเพื่อให้สามารถแข่งขันกับอาคารสำนักงานที่สร้างเสร็จใหม่ได้ดีขึ้น โดยมีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยโดยรวมทั้งตลาดทุกพื้นที่ที่ประมาณตรม.ละ 700 - 800 บาท
OCC ได้รับรางวัลการพัฒนาอาคารสำนักงานแห่งปี (Office Development of the Year) จากเวที Real Estate Asia Awards 2021 และยังเป็นอาคารสำนักงานแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรอง Fitwel ในระดับ 2 ดาวจาก Center for Active Design (CfAD ) ในหมวด Multi-Tenant Building ในฐานะอาคารที่มีคุณภาพการบริหารจัดการอันโดดเด่นและสร้างสุขภาวะที่ดีเยี่ยมให้กับผู้ใช้อาคาร และอยู่ในระหว่างการยื่นขอการรับรองมาตรฐาน LEED Gold สำหรับการออกแบบ การก่อสร้าง และการดำเนินงานของอาคารที่มีความยั่งยืน
โฆษณา