หนังฉายภาพไดอาน่าที่ไปด้วยกันไม่ได้กับธรรมเนียมปฏิบัติไร้แก่นสารของราชวงศ์ ธรรมเนียมที่ทุกอย่างถูกจัดวาง ('setting') ไว้ล่วงหน้าหมดเรียบร้อยแล้ว ตัวเธอไม่ต่างอะไรกับหุ่นไล่กาและหุ่นลองชุด "ไร้หัว" ที่มีหน้าที่เพียงแค่สวมอาภรณ์และห้อยเครื่องประดับที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นตามคำสั่ง ความรู้สึกไม่มีหัวนี้เองที่อาจทำให้เธอรู้สึก identify กับ Anne Boleyn ราชินีที่ถูกบั่นหัวตามคำสั่งของ Henry VIII
ไดอาน่าในเรื่องมี death drive สูงมาก และถ้าเลือกได้เธอคงอยากถูกบั่นหัวเพื่อถอดสร้อยไข่มุก (ภาพแทนของธรรมเนียม) ที่พันธนาการอยู่บนคอของเธอตลอดเวลา
ถ้าขยับมาที่ราชวงศ์ภายใต้ constitutional monarchy ของอังกฤษ ประโยค "There is no future (tense), only past and present" ก็ valid ไม่แพ้กัน เพราะในระบอบแบบนี้สถาบันกษัตริย์หรือกษัตริย์ในฐานะ head of state ต้องเป็นร่างกายที่เชื่องของรัฐประชาชาติ (รัฐ+ชาติ/ประชาชน) การดำรงอยู่ของสถาบันกษัตริย์จะเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เท่านั้น นั่นทำให้เกิดหลักอย่าง The King Can Do No Wrong (because The King Can Do Nothing) และจัดวางให้มีสถานะ 'อยู่เหนือการเมือง'
แต่อย่างที่รู้กัน กว่าสถาบันกษัตริย์อังกฤษจะอยู่เหนือการเมืองได้ก็ผ่านอะไรมาไม่น้อย ดู Charles I เป็นตัวอย่าง การคงสถานะให้อยู่เหนือการเมืองในเริ่มแรกจึงมีการเมืองเป็นแรงผลักดัน (ในความหมายที่แยกไม่ออกจากสงคราม) ส่วนการคงสถานะให้อยู่เหนือการเมืองในปัจจุบันก็จำเป็นต้องอาศัยการเมืองด้วยเช่นกัน เพราะมันสัมพันธ์กับสถานะทางเศรษฐกิจของราชวงศ์ด้วย (บทบาทของ Queen Elizabeth เป็นตัวอย่างสำคัญ)
ประชาชนคาดหวังให้เราทำตัวเหนือคนธรรมดา คือคำที่เจ้าฟ้าชาย Charles ผัวของไดอาน่า พูดกล่อมให้เธอทำตัวอยู่ในร่องในรอยและยอมปฏิบัติตามธรรมเนียมที่ 'เรา' เกลียดให้เสร็จๆ ไปเสีย ทั้งยังให้เหตุผลว่าคนในราชวงศ์ต่างมี 2 ตัวตนกันทั้งนั้น (public and private persona)
ธรรมเนียมไร้เหตุผลที่ไดอาน่าเจอเป็นเหมือนการที่พระราชตำหนักไม่ยอมติดตั้งฮีตเตอร์ ทั้งที่อากาศหนาวเย็นจัด อันที่จริง สิ่งที่ไดอาน่าในเรื่องต้องการก็ไม่ต่างอะไรกับความต้องการให้พระราชตำหนักติดตั้งฮีตเตอร์เพื่อปรับอุณภูมิให้เหมาะสมเสีย แถมยังสะท้อนผ่านคำสอนที่เธอพูดกับ Prince William และ Prince Harry ว่าถ้าหนาวก็จุดไฟซะ (การรู้คาแรคเตอร์ของทั้งสองคนในปัจจุบันเลยน่าจะทำให้หลายอย่างในเรื่อง 'ตลก' มากขึ้น)
ตรงนี้ก็ชัดว่า แม้สถาบันอังกฤษจะถูกยกย่องว่ามีการปรับตัวตามยุคสมัยตลอด แต่มันก็ไม่ได้ตามทันขนาดนั้นหรอก เพราะขณะที่สถาบันพยายามโอบอุ้มยุคสมัย (พยายาม Precedent) ยุคสมัยกลับหนีห่างสถาบันไปเรื่อยๆ และหากเชื่อคำของ Eric Hobsbawm มันจะชัดขึ้นหลัง Queen Elizabeth ตาย
สุดท้ายสิ่งที่จะปลดปล่อยไดอาน่าไม่ใช่ความตาย แต่คือการลบสถานะ princess หรือ your highness ออกไปเสีย เพราะ "น้ำหนักตัวเธอกว่าครึ่งคือเครื่องประดับ" และเพื่อไม่ต้องมีใครมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่อยากกระชากสร้อยไข่มุก หรือไปล้วงคออ้วกลงชักโครก หรือเป็นร่างกายที่ไร้หัว ไร้วิญญาณเช่นนี้อีก สหราชอาณาจักรก็น่าลอง cancel the monarchy ดูสัก 10000 ปี