16 มิ.ย. 2023 เวลา 12:26 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

รีวิว The Flash (บทความนี้การสปอยเนื้อหาบางส่วนแนะนำให้ชมภาพยนตร์ก่อนอ่าน)

ถ้าคุณย้อนอดีตไปแก้ไขอะไรบางอย่างได้ คุณจะทำหรือเปล่า แล้วคุณคิดไหมว่าสิ่งที่คุณแก้ไขไปจะมีอะไรตามมาบ้าง แต่ไม่ใช่กับชายคนนี้ Barry Allen ชายที่ไวที่สุดในโลก
สิ้นสุดการรอคอยกับการมีภาพยนตร์เป็นของตัวเอง โดย The Flash มีความยาวถึง 145 นาที แต่ไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่า ทำไมไม่จบซักทีหรือเบื่อเลย ตัวหนังเองดำเนินเรื่องไปอย่างรวดเร็ว เป็นการเล่าเรื่องต่อจาก Snyderverse
ทุกเรื่องราวที่เล่าออกมาทำให้แฟนบอยค่าย DC กรี๊ดแตกกันเป็นแถว แต่ถ้าคุณไม่ใช่แฟนบอยของการ์ตูนดังเจ้านี้ ไม่ต้องห่วง คุณก็จะสามารถเข้าใจเรื่องราวที่หนังเรื่องนี้เล่าออกมาได้ โดยการทำให้ผู้ชมรับรู้ หรือค้นพบอะไรไปพร้อมพระเอกของเรา Barry Allen (แสดงโดย Ezra Miller) หลังจากการค้นพบว่าตัวเขามีความสามารถย้อนเวลาได้ เขาจึงย้อนอดีตกลับไปแก้ไขอะไรบางอย่างเพื่อช่วยพ่อเขาไม่ให้ติดคุกและไม่ให้แม่เขาเสียชีวิต
โดยหนังเรื่องนี้เราจะได้เห็น Batman ถึง 2 คนนั่นคือ Ben Affleck ที่จะกลับมารับบทนี้เป็นครั้งสุดท้าย และ Michael Keaton ที่เคยแสดงเป็น Batman เวอร์ชั่น 1989 รวมไปถึงการปรากฏตัวในหนังจอใหญ่ของ Supergirl (แสดงโดย Sasha Calle) ที่ดูเงียบขรึม อารมณ์ร้อน แตกต่างกับ Superman ที่เราเคยเห็น Costume เรื่องนี้ออกแบบได้เข้ากับตัวละคร ไม่มีชุดไหนที่ดูแล้วรู้สึกว่าไม่เข้ากับชุด Superhero ของพวกเขา
ผู้ชมอาจมีความรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับ CGI ในฉาก Action เพราะบางฉากเราสามารถเห็นได้ว่าหน้าของตัวละครเด่นมากกว่าชุดที่ใส่อยู่และลอย แต่ถึงยังไงการขยับของตัวละครในการต่อสู้ดู smooth เหมือน Video game ใน Playstation ทำให้สนุก มันส์และลุ้น พอจะหักล้างกับเรื่อง CGI หน้าลอยไปได้ไม่ทำให้ผู้ชมต้องอารมณ์เสียจนขมวดคิ้วไปดูไป
ต้องชมทีมเขียนบทที่สร้างปมของเรื่องไว้ให้ผู้ชมรู้สึกเอาใจช่วย The Flash ให้พยายามแก้ปัญหาที่เขาสร้างเอาไว้ และจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Barry เข้าใจว่าจุดทับซ้อนของเวลาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ บางทีเราต้องให้บางสิ่งเกิดขึ้นเราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้
ในตอนท้ายของหนังเรื่องนี้เป็นการ rebooth จักรวาลของ DC เหมือนกับใน Comic The New 52 โดยเปลี่ยน Batman เป็นจักรวาลนี้เป็น George Cloony (ที่เคยรับบท Batman เมื่อปี 1997) บทบาทของ Batman คนใหม่อาจจะเป็นคนที่คอยสั่งการและคอยสนับสนุนทีม คล้ายๆกับ Nick Fury ของค่าย Marvels นั่นเอง
รวมถึง End-Credit ที่ Barry ไป hangout กับ Arthur เจ้ามหาสมุทร Atlantis ที่เมาแอ๋ เป็นการบอกใบ้ของ James Gunn ว่ายังใช้ Aquaman คนเดิม(นั่นคือ Jason Momoa ที่กำลังเตรียมตัวถ่าย Aquaman 2)หลังจากหนังเรื่องนี้เราจะได้เห็น new Superman รอติดตามว่าใครจะมารับบทในจักรวาลใหม่ไป โดยรวมแล้วเป็นการเปิดจักรวาลใหม่ของ DC ภายใต้การคุมบังเหียนของ James Gunn ที่ทำให้ DC Universe มีความน่าสนใจเเละน่าติดตามมากขึ้น เชื่อว่าแฟนบอย Marvel หลายคนต้องหันมาสนใจผลงานของทางฝั่ง DC ที่จะกำลังจะตามมาเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย
โฆษณา