21 มิ.ย. 2023 เวลา 09:07 • ปรัชญา

# Belle Gunness ฆาตกรต่อเนื่อง

ผู้ถือมีดหั่นเนื้อแห่งยุคเปลี่ยนศตวรรษแห่งอินเดียนา
ฟาร์มหมูใน La Porte รัฐอินเดียน่า Belle Gunness ได้ฆ่าสามีของเธอสองคน ชายโสดจำนวนหนึ่ง และลูก ๆ ของเธอหลายคนก่อนที่จะหายตัวไปอย่างลึกลับ ในปี 1908 Gunness ที่ดูเหมือนหญิงม่ายโดดเดี่ยว อาศัยอยู่ในแถบมิดเวสต์ อเมริกา ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 แต่ความจริงแล้วเธอคือฆาตกรต่อเนื่องที่คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 14 ศพ และบางคนคาดว่าเธออาจสังหารเหยื่อมากถึง 40 ราย
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 Gunness ฆ่าผู้ชายหลายคนเพื่อเงินของพวกเขา Gunness เขียนว่า: "หัวใจของฉันเต้นด้วยความปลาบปลื้มใจสำหรับคุณ แอนดรูว์ ฉันรักคุณ และเตรียมพร้อมที่จะอยู่กับคุณตลอดไป”
หลังจากนั้น Gunness ก็ฆ่าเขาและฝังร่างที่แยกชิ้นส่วนของเขาไว้ในคอกหมูของเธอ
สำหรับจุดเริ่มต้น ของ Belle Gunness เริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่เธอเกิดใน Brynhild Paulsdatter Storset ที่เมือง Selbu ประเทศนอร์เวย์ แม้จะไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับชีวิตในวัยเด็กของเธอ แต่ด้วยเหตุผลใดก็ตาม Gunness ตัดสินใจอพยพจาก Selbu ไปยังชิคาโก
ที่นั่น Gunness ได้พบกับเหยื่อรายแรกของเธอ นั่นคือ Mads Ditlev Anton Sorenson (สามีของเธอ) ซึ่งเธอแต่งงานด้วยในปี 1884 ชีวิตคู่ที่ดูเหมือนปกติ แต่แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม Gunness และ Sorenson เปิดร้านขายลูกกวาด ที่ไม่นานก็ถูกไฟไหม้ พวกเขามีลูกด้วยกันสี่คน แต่สองคนถูกกล่าวหาว่าเสียชีวิตด้วยอาการลำไส้ใหญ่อักเสบเฉียบพลัน
ฉลับพลัน
และในปี 1900 บ้านของพวกเขาก็ถูกไฟไหม้ แต่ในกรณีของร้านขายขนม Gunness และ Sorenson สามารถนำเงินประกันเข้ากระเป๋าได้ จากนั้น โศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้นอีกครั้ง โซเรนสัน เสียชีวิตกระทันหันด้วยอาการเลือดออกในสมอง Gunness ภรรยาม่ายเก็บเงินประกันได้ $150,000
แต่ตอนนั้นไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้นอกจากเรื่องบังเอิญที่น่าเศร้า Gunness อ้างว่า Sorenson กลับมาบ้านด้วยอาการปวดหัว และเธอได้ให้ยาควินินแก่เขา สิ่งต่อมาที่เธอรู้ สามีของเธอก็เสียชีวิตแล้ว
Belle Gunness ออกจากชิคาโกพร้อมกับลูกสาว Myrtle และ Lucy พร้อมด้วยลูกสาวบุญธรรมชื่อ Jennie Olsen Gunness เธอเริ่มชีวิตใหม่อีกครั้ง เพื่อนบ้านอธิบายว่า Gunness น้ำหนัก 200 ปอนด์เป็นผู้หญิงที่ "สมบุกสมบัน" ซึ่งแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
ชายคนหนึ่งที่ช่วยเธอย้ายเข้ามาในภายหลังอ้างว่าเขาเห็นเธอยกเปียโนหนัก 300 ปอนด์ด้วยตัวเอง “ชอบฟังเพลงที่บ้าน” Gunness พูดอธิบาย และไม่นานนัก Gunness ที่เป็นหม้ายก็ไม่ได้เป็นม่ายอีกต่อไป เธอแต่งงานกับปีเตอร์
จากนั้นปีเตอร์ก็เสียชีวิตหลังจากลูกของทั้งสองคนเริ่มตายไปที่ละคน เขาตายด้วยเครื่องบดไส้กรอกที่ตกลงบนหัวของเขาจากชั้นวางของที่สั่นคลอน เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพบรรยายเหตุการณ์นี้ว่า “แปลกประหลาดเล็กน้อย” แต่ทุกคนก็เชื่อว่านี้เป็นอุบัติเหตุ
พิสูจน์ไม่ได้
ในขณะเดียวกัน เพื่อนบ้านสังเกตว่า Gunness เริ่มใช้เวลามากผิดปกติที่คอกหมูของเธอในตอนกลางคืน ดูเหมือนเธอจะใช้เงินจำนวนมากไปกับหีบไม้ ซึ่งพยานบอกว่าเธอยกได้เหมือน “กล่องใส่มาร์ชเมลโลว์” ในขณะเดียวกัน ผู้ชายก็ปรากฏตัวทีละคนที่ประตูของเธอ — แล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
"Gunness ต้อนรับผู้ชายที่เข้ามาเยี่ยมบ้านเธอตลอดเวลา” คนงานในฟาร์มคนหนึ่งของเธอบอกกับนิวยอร์กทริบูน ในเวลาต่อ มาว่า “ผู้ชายคนอื่นมาพักที่บ้านเกือบทุกสัปดาห์ เธอแนะนำพวกเขาว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องจากแคนซัส เซาท์ดาโคตา วิสคอนซิน และจากชิคาโก… เธอระมัดระวังเสมอที่จะทำให้เด็ก ๆ อยู่ห่างจาก 'ลูกพี่ลูกน้อง (คนแปลกหน้า)' ของเธอ”
ในปี 1906 Gunness ติดต่อกับเหยื่อรายสุดท้ายของเธอ Andrew Helgelien พบโฆษณาของเธอใน Minneapolis Tidende ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษานอร์เวย์ ไม่นาน Gunness และ Helgelien ก็เริ่มแลกเปลี่ยนจดหมายที่แสนโรแมนติก
“เราจะมีความสุขมากเมื่อคุณมาที่นี่” Gunness บ่นในจดหมาย “หัวใจของฉันเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งเพื่อคุณ แอนดรูว์ ฉันรักคุณ และฉันก็เตรียมพร้อมที่จะอยู่กับคุณตลอดไป”
คดีสุดท้าย
และเช่นเดียวกัน แอนดรูว์ ก็เหมือนกับเหยื่อรายอื่น ๆ ที่เสียชีวิตหลังจากแต่งงานได้ไม่นาน
จากนั้นเขาก็หายไป แม้ Belle Gunness จะสามารถหลบหนีการจับหรือความสงสัยไปได้มาก แต่หลังจากที่ Andrew Helgelien หยุดตอบจดหมาย Asle น้องชายของเขาก็กังวลใจและเริ่มหาคำตอบ
“คุณอยากรู้ใช่ไหมว่าพี่ชายของคุณอยู่ที่ไหน” Gunness เขียนถึง Asle “แต่สิ่งที่ฉันรู้ ดูเหมือนว่าคงไม่เป็นประโยชน์ หรือให้คำตอบที่ชัดเจนกับเธอได้”
เธอแนะนำว่าแอนดรูว์ เฮลเกเลียนอาจจะไปชิคาโก หรืออาจจะกลับไปนอร์เวย์ แต่ Asle Helgelien ดูเหมือนจะไม่ตกหลุมพรางนี้
ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็พบศพลูกทั้ง 3 คนของ Gunness ในซากปรักหักพังที่ไหม้เกรียมของห้องใต้ดินบ้านไร่ พวกเขายังพบร่างของหญิงสาวหัวขาดซึ่งตอนแรกพวกเขาคิดว่าเป็น Gunness ตำรวจเริ่มค้นพื้นที่ฟาร์มโดยหวังว่าจะพบหัวของ Gunness หลังจากเธอหายไปอย่างไร้ร่องลอย
ในขณะเดียวกัน Asle Helgelien ได้อ่านเกี่ยวกับไฟในหนังสือพิมพ์ เขาปรากฏตัวขึ้นด้วยความหวังที่จะตามหาพี่ชายของเขา ชั่วขณะหนึ่ง เฮลเกเลียนช่วยตำรวจแยกชิ้นส่วนศพออกจากซากปรักหักพัง
“ฉันไม่พอใจ” Helgelien เล่า “และฉันก็กลับไปที่ห้องใต้ดินและถาม [หนึ่งในเจ้าของฟาร์มของ Gunness] ว่าเขารู้หรือไม่ว่ามีหลุมหรือสิ่งสกปรกใด ๆ ที่ถูกขุดขึ้นที่นั่นเกี่ยวกับสถานที่นี้ในฤดูใบไม้ผลิ”
ข้อสังเกต
การหายตัวไปของพี่ชาย เฮลเกเลียนและคนทำฟาร์มจึงเริ่มขุดกองดินนุ่ม ๆ ในคอกหมู พวกเขาพบว่าศีรษะ มือ และเท้าของ Andrew Helgelien ถูกยัดเข้าไปในกระสอบที่มีขี้เถ้าไหลออกมาด้วยความสยดสยอง
การขุดเพิ่มเติมทำให้เกิดการค้นพบที่น่าสยดสยองมากขึ้น ในช่วงสองวัน ผู้ตรวจสอบพบกระสอบผ้าใบทั้งหมด 11 ใบ ซึ่งมี “แขนที่ถูกเจาะตั้งแต่ไหล่ลงมา [และ] กระดูกมนุษย์จำนวนมากที่ห่อด้วยเนื้อหลวม ๆ ที่หยดเหมือนเยลลี่”
เจ้าหน้าที่ไม่สามารถระบุศพได้ทั้งหมด แต่พวกเขาสามารถระบุตัวเจนนี่ โอลเซ่น ลูกสาวบุญธรรมของ Gunness ที่ “จากไปแคลิฟอร์เนีย” ได้ และในไม่ช้าก็เห็นได้ชัดว่า Gunness อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมที่น่าสยดสยองนี้ทั้งหมด
ในปี 1931 ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ Esther Carlson ถูกจับในลอสแองเจลิสเนื่องจากวางยาชายชาวนอร์เวย์-อเมริกันและพยายามขโมยเงินของเขา เธอเสียชีวิตด้วยวัณโรคขณะรอการพิจารณาคดี แต่หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตว่าเธอมีความคล้ายคลึงกับ Gunness และยังมีรูปถ่ายของเด็ก ๆ ที่ดูคล้ายกับลูกของ Gunness เป็นอย่างมาก
ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเมื่อไหร่ – และที่ไหน – เบลล์ กันเนส เสียชีวิตจริง ๆ
“ความน่ากลัวเกิดขึ้นได้เสมอ”
ติดตามเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
 
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย
 
#เรื่องเล่าจากดาวนี้
โฆษณา