18 มิ.ย. 2023 เวลา 05:51 • ท่องเที่ยว

Day 2/1 Leonardo’s Last Supper

สำหรับคนไทยถ้าจะไปอิตาลีต้องขอวีซ่า เนื่องจากต้องรอวีซ่าผ่านเลยมีเวลาน้อยในการวางแผนท่องเที่ยว Museum หลายแห่งจะมีคิวนักท่องเที่ยวรอเข้าชมยาวมาก ถ้าไม่อยากวัดดวง ให้หาซื้อตั๋วแบบไม่ต้องเข้าคิว (Skip line )
หลังจากวีซ่าผ่าน ก็ลองมาหาข้อมูลจองตั๋วทาง online ตอนแรกไม่สามารถหาตั๋วเข้าชมที่นี่ได้ คิวเต็มยาวไปหลายเดือน แต่เหมือนมีโชคที่ได้อยู่มิลานสองวัน แต่มีคนยกเลิกรายการเข้าชมตอนเช้าของวันทีสองที่ได้อยู่มิลานเลยต้องสลับคิวกับการไปเที่ยวทะเลสาบโคโม โดยได้คิวรอบ 8:30 ผ่านเอเยนต์ GetYourGuide เป็นตั๋วขายพ่วงทัวร์ Best of Milan ราคาตั๋วคนละ 68 ยูโร ประมาณ 2,300 บาท
ไกด์พาเข้าชม The last supper หลังจากนั้นพาชมจุดท่องเที่ยวต่างๆทั่วเมืองมิลานโดยการเดิน
*** หากใครจองตั๋วออนไลน์ไม่ได้ แนะนำให้ไปลองรอเข้าที่โบสถ์รอบเช้า 8:30 เห็นมีคนมารอเข้าคิวซื้อตั๋วก็สามารถเข้าได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกรุ้ปทัวร์ที่ซื้อตั๋วออนไลน์มาทั้งหมด ค่าเข้าจริงๆ แค่ 6.50 ยูโร
รายละเอียดการหาตั๋วเข้าชม
การเดินทางจากสถานี Milano FS
ซื้อตั๋ว ATM one day pass ราคา 4.50 ยูโร ประมาณ 150 บาทใช้รถไฟใต้ดินสายสีเขียวมาลงสถานี Cardona FS แล้วเดินต่อ 650 เมตร ถึงหน้าโบสถ์ Santa Maria delle Grazie
ถ้าไม่ใช้รถไฟใต้ดิน มีรถ Tram ผ่านหน้าโบสถ์เลย แนะนำศึกษาการเดินทางด้วย Tram ใช้ตั๋ว ATM one day pass ได้เลย ขึ้นรถแล้วเสียบตั๋วเพื่อ Validate ที่เครื่องบนรถได้เลย
ใช้ Google map สะดวกมาก บอกวิธีเดินทางโดยขึ้นรถ Tram หมายเลข 1
Santa Maria delle Grazie สถานที่มีภาพเขียนสำคัญของ ลีโอนาร์โด ดาวิน ซี สร้างเมื่อปี คศ.1497
มาถึงแต่เช้าก่อนเวลานัดหมาย หน้าตาก็จะประมาณนี้
เจ้าหน้าที่จะเปิดให้เข้าไปชมความงามภาพในโบสถ์หลังเก่าที่มีภาพ The Last Supper เป็นรอบๆ กำหนดระยะเวลาประมาณ 15 นาที รอบละไม่เกิน 25 คน
ผู้บรรยายก็จะอธิบายชีวิตของลีโอนาร์โดที่มาอยู่ที่เมืองมิลาน อธิบายภาพนี้ว่าต่างจาก The last supper ของศิลปินคนอื่นอย่างไร มีศิลปินมากมายวาดภาพ The last supper ออกมาในรูปแบบต่างๆกัน ตามทัศนคติของแต่ละศิลปิน เนื่องจากเป็นเหตุการณ์สำคัญในคัมภีร์ไบเบิล ผู้บรรยายบอกว่าถ้าใครไปวาติกัน จะมีภาพ The last supper ที่วาดโดยศิลปินท่านอื่น อย่าลืมไปดู นี่รีบยกมือ จองตั๋วเข้าวาติกันไว้แล้วครับ อิอิ
ภาพเขียน Fresco คือการใช้เทคนิคเพนท์สีลงไปบนผนังปูนที่ฉาบใหม่ๆ ยังมีความชื้นอยู่ สีจะซึมลงไปเป็นเนื้อเดียวกับปูน เป็นเทคนิคที่จิตรกรในยุคฟื้นฟู (Renaissance) ทำให้ได้ภาพที่มีความคงทน ใช้เทคนิคนี้กันทั่วไป คำว่า Fresco แปลว่า “สด” ส่วนตัวสีสมัยก่อนได้มาจากดินหรือแร่ชนิดต่างๆกัน เป็นสีจากธรรมชาติ
เป็นภาพอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูกับสาวก ผู้บรรยายบอกว่ามีการวิเคราะห์ความหมายของบุคคลในภาพไปต่างๆ นานา เช่นสาวกคนนี้ทำไมอยู่ในท่านี้ ดาวินซีจะสื่อถึงสาวกแต่ละคนตามความเห็นของตัวเองว่าอย่างไร ตัวผู้บรรยายบอกว่าเธอชอบ แดน บราวน์ นักเขียน Da Vinci Code วิเคราะห์ภาพเขียนไว้สนุกดี วันไหนว่างจะลองไปหาอ่านดู ส่วนตัวศึกษาประวัติพระเยซูมาน้อยไปหน่อย ใครไปเที่ยวแล้วมีความรู้ลึกเรื่องพระเยซูคงสนุก ลองดูคลิปบางช่วงที่เป็นการวิเคราะห์ความหมายที่ซ่อนไว้ในภาพ The Last Supper ได้จากภาพยนต์ Da Vinci Code
Da Vinci เขียนภาพให้ Judas น้่งอยู่ในฝั่งเดียวกันกับสาวกผู้ไกล้ชิดทั้งหมด เป็นการตีความหมายว่า ณ เวลานั้น ยังไม่มีความชัดเจนว่าใครคือผู้ทรยศ โดยวาดให้ Judas ถือถุงใบหนึ่ง น่าจะสื่อถึงสินบนเหรียญเงิน 30 เหรียญ
อันนี้ comment จากไกด์ว่า Da Vinci แทรกความเป็นคนอิตาลีลงไปในสาวกคนหนึ่ง ตอนที่ Jesus พูดว่าในหมู่พวกเรามีคนทรยศหนึ่งคน เจ้า Andrew ก็ยกสองมือขึ้น ปกติเป็นคาแรคเตอร์ของคนอิตาลีคือ it’s not my business กูไม่เกี่ยว 555
ภาพด้านตรงข้าม เป็นภาพวาดเสริมในยุคหลังที่มีการซ่อมแซมโบสถ์จากการถูกระเบิดจากสงครามโลกพังเกือบทั้งหลัง
Francesco I Sforza เป็น Duke of Milan คนแรก เป็นคนที่สั่งให้สร้างวัด Santa Maria delle Grazie เพื่อที่จะเป็นที่สำหรับฝังศพของคนในราชวงศ์ Sforza ผู้ปกครองมิลาน ( family church)
Leonardo da Vinci เกิดที่เมือง Florence แคว้น Tuscany มีความสามารถทั้งทางด้านศิลปะ และเป็นนักประดิษฐ์ ภายหลังก็ศึกษาทางด้านกายวิภาคศาสตร์ ย้ายมาอยู่ภายใต้อุปถัมถ์ของ Duke Of Milan สมัยของ Ludovico Sforza โดยทำหน้าที่เป็น Military Engineer เพื่อที่จะทำงานด้านการประดิษฐ์อาวุธรูปแบบใหม่ให้กับกองทัพของเมืองมิลาน
แต่ด้วยความสามารถทางด้านจิตรกรรม เจ้าเมืองมิลานเลยให้มาวาดจิตรกรรมฝาผนังให้กับโบสถ์ Santa Maria delle Grazie ใช้เวลาวาดตั้งแต่ปี ค.ศ.1495-1497 หลังจากเสร็จงาน เจ้าเมืองมิลานมอบสิทธิ์ครอบครองที่ดินเป็นไร่องุ่นขนาดเล็ก 60 x 175 เมตร ซึ่งการเป็นเจ้าของที่ดินหมายถึงสิทธิ์การเป็นพลเมืองของมิลาน ภายหลัง Leonardo ก็มอบที่ดินให้กับคนรับใช้สองคน
Ludovico Sforza บุตรคนที่สองของ Francesco I Sforza เป็น Duke of Milan ที่เป็นคนอุปถัมภ์ Leonardo da Vinci
1940 อิตาลีเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวเมืองมิลานระดมกระสอบทรายปกป้องผนังโบสถ์ฝั่งที่เป็นผลงาน The Last Supper ทำให้ผนังด้านนี้รอดจากการถล่มจากเครื่องบินทิ้งระเบิด
1982 PININ BRAMBILLA BARCILON ทำการอนุรักษ์ฟื้นฟูภาพ The Last Supper ผ่านเครื่องมือสมัยใหม่ เช่นกล้อง Microscope เพราะหลังจากสงคราม โบสถ์ถูกทำลาย และถุกทิ้งให้ธรรมชาติสร้างความเสียหายแก่ภาพมากมาย
สถาปนิกผู้ออกแบบสถาปัตยกรรม Convent และ Church ของ Santa Maria delle Grazie ชื่อ Guiniforte Solari ซึ่งตระกูล Solari เป็นตระกูลสถาปนิคผู้ออกแบบมหาวิหารมิลาน Milan Duomo
สภาพหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
  • Previous: Day 1/2 Lake Como
  • Next: Day 2/2 Milan sightseeing
โฆษณา