19 มิ.ย. 2023 เวลา 07:19 • ไลฟ์สไตล์

ลุกขึ้นมาเป็นคนใหม่กันเถอะ

เราต่างก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากพัฒนาตัวเอง และอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นเราควรปลูกฝังสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นประจำให้เกิดเป็นกิจวัตรประจำวันจนเป็นนิสัย งั้นเรามาเริ่มจากจุดเล็ก ๆ กันดีกว่า
𝟮𝟭-𝗗𝗮𝘆 𝗛𝗮𝗯𝗶𝘁 𝗧𝗵𝗲𝗼𝗿𝘆 กฎทฤษฎี 21 วัน
กฎทฤษฎี 21 วัน เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะปลูกฝังจิตสำนึกของเรา สำหรับคนที่ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงตนเองจริง ๆ เสมือนการปลูกต้นไม้ ที่ต้องใช้เวลา การดูแลเอาใจใส่ และคอยป้องกันการถูกรบกวนจากสิ่งต่าง ๆ จากสภาวะแวดล้อม พร้อมยังสร้างรากฐานให้แข็งแรง และมั่นคง
กล่าวคือ เมื่อเราตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลง เราพยายามมุ่งมั่นในเป้าหมาย และหนักแน่นพอที่จะควบคุมทัศนคติ และใจของเราแล้ว เมื่อเรากำหนดเส้นทาง สิ่งที่เราจะไปถึงปลายทางหรือเป้าหมาย ในขณะเดินทางเราควรมีเข็มทิศเพื่อป้องกันการหลงทาง หรือออกนอกลู่นอกทางก่อนจะถึงปลายทางตามที่เรากำหนดไว้
“ดร . Maxwell Maltz เขียนหนังสือขายดี Psycho-Cybernetics เดิมทีเป็นศัลยแพทย์ตกแต่ง Maltz สังเกตเห็นว่าต้องใช้เวลา 21 วันกว่าที่ผู้พิการขาจะเลิกรู้สึกถึงความรู้สึกหลอนในแขนขาที่ถูกตัดออก จากการสังเกตเพิ่มเติม เขาพบว่าต้องใช้เวลา 21 วันในการสร้างนิสัยใหม่ ตั้งแต่นั้นมา 'ทฤษฎีอุปนิสัย 21 วัน' ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมช่วยเหลือตนเองที่ได้รับการยอมรับ
วงจรสมองใช้เอนแกรม (ร่องรอยความจำ) และสร้างการเชื่อมต่อของระบบประสาทและทางเดินของระบบประสาท ก็ต่อเมื่อพวกมันถูกโจมตีเป็นเวลา 21 วันติดต่อกัน ซึ่งหมายความว่าสมองของเราจะไม่ยอมรับข้อมูลใหม่สำหรับการเปลี่ยนแปลงนิสัย เว้นแต่ว่าข้อมูลนั้นจะถูกทำซ้ำทุกวันเป็นเวลา 21 วัน (โดยไม่พลาดเลยแม้แต่วันเดียว)”
❤️กฎเหล็ก 3 ข้อ เพื่อปลูกฝังจิตใต้สำนึกเรา❤️
1.ตั้งเป้าหมาย (Goal) Professor Dr.Edwin A. Locke ได้แต่งตั้งศาสตร์ของการกำหนดเป้าหมาย ในหัวข้อ Toward a Theory of Task Motivation and Incentives ในปี 1968 โดยได้มีจำกัดความบรรลุเป้าหมายเอาไว้ว่า… "สิ่งที่ยากหากกำหนดเป้าหมายจะทำให้ง่ายขึ้น และมีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากเป้าหมายเป็นคำสั่งที่ชี้บ่งการให้เราทำมัน"
การตั้งเป้าหมายเพื่อให้เราบรรลุเป้าหมายเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง การตั้งเป้าหมายเปรียบเสมือนการกำหนดทิศทางโครงสร้างแบบแผน และง่ายต่อการเลือกวิธีการวางแผนที่จะนำไปสู่เป้าหมายที่เราปักมุดไว้ หรือจะเรียกได้ง่าย ๆ ว่าเป็นคำสั่งการนั้นเอง
ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนและสอดคล้องกับความเป็นไปได้ภายใน 21 วัน เช่น (ฉันจะต้องเทรดฟอเร็กซ์ให้ได้ 250 เหรียญ ใน 3 สัปดาห์นี้!)
2.กำหนดเวลา (Deadline) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอทาโกและมหาวิทยาลัยแมคควารีได้เชิญชาวนิวซีแลนด์ จากการวิจัยใหม่พบว่าหากไม่มีการกำหนดเวลา งานก็จะเสร็จล่าช้า หรือมีแนวโน้มสูงที่จะลืมงานนั้นไปเลย
ฉะนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงาน หรือตีตัวเองให้รู้สึกตัวว่าฉันต้องทำงานชิ้นนี้ให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด จะทำให้เรารู้สึกกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้น 95% จิตใต้สำนึกของเราจะบอกเองว่าเราต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่
กำหนดเวลาย่อย ๆ รายนาที รายชั่วโมง รายสัปดาห์ ของแต่ละรายการกิจกรรมที่เราทำ และให้ใช้คำว่าไม่เกินนี้เพื่อไม่กระทบกับกิจกรรมอื่นๆ เช่น (ฉันจะอาบน้ำแต่งตัว ไม่เกิน 30 นาทีต่อวัน)
3.การสร้างแรงจูงใจ (Motivation) ควรกำหนดแรงจูงใจให้ตัวเองไม่ใช่การหลอกตัวเอง แต่เป็นการให้กำลังใจตัวเอง การเติมพลัง (energy) เข้ามาช่วยซึ่งมันจำเป็นมาก ๆ ที่จะต้องมีเรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยดีที่ได้เลยทีเดียว
กำหนดแรงจูงใจให้ตัวเองมากพอ พร้อมกับกำหนดรางวัลให้ตัวเองเมื่อจบภารกิจ เช่น (ถ้าฉันทำสำเร็จแล้ว ฉันจะซื้อกระเป๋าเพื่อให้รางวัลตัวเอง)
✌️เทคนิค 3 ข้อ ตัวช่วยระหว่างทาง✌️
1. ทำซ้ำ ๆ เดิม ๆ อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอไม่มากไปไม่น้อยไป ค่อย ๆ ทำให้ตัวเองชินให้เหมือนกับว่าเป็นหน้าที่หลักที่ต้องทำทุกวันให้ได้ เหมือนความรู้สึกที่ต้องกินข้าวกินน้ำในทุก ๆ วัน
2. ค่อย ๆ ปรับ ลด ละเลิก แน่นอนว่าการหักดิบ เป็นอะไรที่หนักหน่วงมาก แต่ไม่ได้บอกว่าให้ใจอ่อนกับตัวเองนะ เป็นกรณีแยกกรณีไปบางเหตุการณ์พอสมควรตามความเหมาะสม
3. จดบันทึกติดตามการเปลี่ยนแปลงของเราในทุกๆ วัน รวมไปถึงการมาร์ควันที่รู้สึกดีที่สุด และวันที่แย่ที่สุด เพื่อเป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาปรับปรุงในภารกิจต่อไป
ถึงแม้ว่าจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 66-254 วัน ถึงจะเป็นนิสัยอัตโนมัติ แต่สำหรับคนที่ตั้งใจฝึกฝนจริงๆ ค่าเฉลี่ยจะอยู่ 18-84 วัน
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่ากฎทฤษฎี 21 วันมีความเป็นไปได้ ถ้าเราต้องการที่จะเปลี่ยนแปลง และตั้งใจมุ่งมั่นจริง
Author: Erael
#นักคิดคำ #NAKKHIDKOM #พัฒนาตัวเอง #แรงจูงใจ #ปรัชญาดำเนินชีวิต
โฆษณา