19 มิ.ย. 2023 เวลา 03:02 • ท่องเที่ยว

Day 2/2 Milan sightseeing

ไกด์นำเที่ยวพาออกเดินจาก Santa Maria delle Grazie ไปยังประสาท Sforza ซึ่งอยู่ห่างกันไม่มากนัก มีจุดท่องเที่ยวหลายจุดที่สามารถเดินได้ บางที่เข้าชมได้เลย บางที่ต้องซื้อบัตรเข้า เราสามารถย้อนกลับมาเก็บรายละเอียดได้อีกรอบ ไกด์จะพาทัวร์ชะโงกให้เรารู้จักหลายๆ ที่ แล้วจะไปจบรายการที่มหาวิหาร Milan Duomo
CASTELLO SFORZESCO MILANO
เดิมถูกสร้างให้เป็นป้อมทหารเพื่อป้องกันประตูเมืองทางด้านตะวันตกของเมืองมิลานในสมัยของ Galeazzo II Visconti , Lord of Milan ในปี คศ.1358 ต่อมาทายาทของตระกูล Visconti ได้พัฒนาสร้างเป็นปราสาทที่เป็นที่พำนักของครอบครัวตระกูล Visconti โดยรุ่นสุดท้ายของตระกูลนี้คือ Filippo Maria Visconti เสียชีวิตโดยที่ไม่มีบุตรชายผู้สืบทอด มีเพียงบุตรีประวัติบอกว่านอกสมรส ซึ่งได้แต่งงานกับ Franchesco Sforza ผู้บัญชาการกองทหารของมิลาน ซึ่งภายหลังใช้อำนาจทางทหารเข้าควบคุมอำนาจการปกครองเมืองมิลาน
ภายในกำแพงปราสาทก็จะแบ่งเป็นหลายเขต รอบกำแพงก็จะเป็นห้องๆ อาจจะเป็นห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ หรือเป็นที่อยู่อาศัยด้วย มีลานกว้างสำหรับกิจกรรมทางทหารหรือที่รวมพล หรือรองรับชาวเมืองอพยพเข้ามายามมีสงคราม ในยุคสมัยก่อนมิลานเป็นศูนย์กลางของแคว้น Lombardi พวก Lombard คือพวกเยอรมัน ชื่อ Milan เป็นภาษา Lombard ภาษาอิตาลีคือ Milano แคว้นนี้ถูกรุกรานบ่อยทั้งสเปนและฝรั่งเศส เรื่องกองทหารของเมืองเป็นเรื่องสำคัญ ช่วงไหนฝรั่งเศสเข้าปกครอง สังเกตจากชื่อเจ้ามือจะมีคำว่า ฟรานซิส ประมาณนี้
เครื่องหมายสัญลักษณ์ของกองทัพของ Visconti เป็นสัตว์ร้าย ชื่อ Biscione ดูแล้วน่าเกรงขาม สันนิษฐานว่าคงจะเอาไว้ข่มศัตรู สมัยก่อนน่าจะมีการรบกันบ่อย แย่งอำนาจหัยคล้ายๆเกมออฟโธรน หรือ ลอร์ดออฟเดอะริง ชาวเมืองมิลานมักจะเอาไปประกอบโลโก้สินค้าที่บ่งบอกว่าเป็นของเมืองมิลาน ไกด์ยกตัวอย่างสโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลาน รถยนต์อัลฟ่าโรมิโอ
ลานกว้างของปราสาท ป้อมใหญ่ขวามือเป็นทางเข้าด้านหน้า มีชื่อเรียกว่า Torre del Filarete ที่หัวมุมกำแพงที่เป็นป้อมทหารกลมๆ จะมีชื่อเรียกเหมือนกัน ขึ้นต้นด้วย Torre ภาษาอังกฤษคือ Tower
จากเขตกำแพงเมือง เมื่อเข้าไปด้านในเป็นเขตที่อยู่อาศัยของเจ้าเมืองและบริวาร จะมีอาคารใหญ่ลักษณะคล้ายๆกัน 2 แห่งคือ Corte Ducale และ Cortila delle Roccheta ปัจจุบันแบ่งสัดส่วนมาเป็นพื้นที่จัดแสดงทรัพย์สิน ผลงานของศิลปินแขนงต่างๆที่อุปถัมภ์โดยเจ้าเมืองมิลานในแต่ละสมัย ของมีค่าที่ได้มาจากการค้า การทำสงครามในยุคต่างๆ มีผลงานของ Leonardo da Vinci รวมอยู่ด้วย กลับมาเที่ยวอีกรอบตอนบ่ายเขาปิดแล้วน่าเสียดาย อยากเห็นผลงาน ตามประวัติแล้วเขามาที่นี่เพราะอยากทำงานในฐานะนักออกแบบ นักประดิษฐ์ ไม่ใช่ศิลปิน
Cortila delle Roccheta จะเป็นอาคารขนาดใหญ่ ด้านในเป็นลานกว้าง มีสามชั้น ส่วนที่ใช้แสดงผลงาน ของมีค่าของเจ้าเมืองมิลานอยู่ที่อาคารนี้ แบ่งเป็นห้องๆ ต้องซื้อตั๋วเพื่อเข้าชม
Corte Ducale เล็กๆเรียก Corte ใหญ่ๆเรียก Cortila ความหมายประมาณ Courtyard หมายถึงลานกว้าง จะมีห้องเล็กๆ ไม่แน่ใจว่าจัดเป็นห้องแสดงอะไรหรือเปล่า สมาชิกทัวร์หมดแรง หาที่นั่งกันแล้ว ไม่ได้เดินเข้าไปดู
ตระกูล Sforza ใช้สถาปนิกที่มีความสามารถในการออกแบบผังเมือง สร้างสรรงานสถาปัตยกรรมชั้นยอดหลายแห่ง สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ หลังการเสียชีวิตของ Filippo Maria Visconti เกิดความวุ่นวายจากผู้ที่อ้างฐานะญาติพี่น้องภายในตระกูล ต้องการสืบทอดสถานะเจ้าเมืองมิลาน ช่วงไร้ผู้สืบทอดตระกูล Visconti ต้องรอจักรพรรดิโรมันรับรองสถานะผู้นำ
ระหว่างนี้ Aurelius Ambrosius ซึ่งเป็น Bishop แห่งมิลาน ก็ตั้งทีมขุนนาง 24 คนปกครองในลักษณะ Rebublic อยู่ 3 ปี มีเหตุวุ่นวายทั้งภายใน และภายนอก อาณาจักรข้างเคียงคือ Venetian (เวนิส) ก็จ้องจะมายึดเมือง มีคนหลายคนอ้างว่ามีสายเลือดเป็นหลาน ส่งกองทหารเข้ามาถึงขั้นยึดป้อมยึดปราสาท สุดท้ายผู้บัญชาการทหาร Franchesco Sforza ปฏิวัติขึ้นเป็น Duke of Milan เองซะเลย
ออกมาจากกำแพง Sforza Castle ด้านหลังทิศตะวันตกก็จะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่พอสมควร Parco Sempione โดยเราตั้งใจจะไปจุดท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งคือประตูเมืองที่ชื่อว่า Porto Sempione เป็นประตูเมืองของ Milan
Parco Sempione (Sempione park) ตอนที่ไปกำลังจัดงานเกษตรแฟร์ ต้นไม้ใหญ่มาก เดินจนหลง จะเดินไปประตูเมือง วนอยู่ตั้งนานหาประตูไม่เจอ ต้นไม้บังหมด
Porto Sempione หรือ Jupiter Gate ตัวซุ้มโค้งๆ มีชื่อเรียกว่า Arco della Pace หรือ Arch of Peace สมัยก่อนจะมีกำแพงชั้นนอกสำหรับเมืองมิลาน ปัจจุบันเหลือแต่ซุ้มประตู นโปเลียนยกทัพมายึดเมืองมิลาน เดินทางเข้ามาทิศนี้ เลยสั่งให้สถาปนิคออกแบบประตูเมืองตรงจุดนี้ พวกฝรั่งเศสไปยึดทีไหนก็ชอบทำประตู 555
เลยออกไปจากประตูเมืองเป็นร้านอาหารหลายร้าน จัดสักมื้อแล้วค่อยนั่งรถ Tram กลับไปหน้าปราสาท ให้เดินกลับคงขาลาก เรามีบัตร ATM one day pass อยู่แล้ว สบายมาก
รถราง Tram ในมิลานเป็นทางเลือกที่ดีในการเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวแต่ละแห่งรอบๆ Milan Duomo ภาพผังเมืองออกแบบให้มหาวิหารเป็นศูนย์กลางของเมือง
นั่ง Tram กลับมาหน้าปราสาทได้เลย เดินเที่ยวต่อได้
ออกจาก Sforza Castle เดินชมเมือง ร้านค้า สถาปัตยกรรมเมืองมิลาน
ข้างทางมีขายของเก่า แสตมป์ เหรียญกษาปน์ เฉพาะวันอาทิตย์หรือเปล่าไม่แน่ใจ ไกด์บอกว่ามี Sunday market ที่ Canal อะไรสักที่ ให้ไปลอง
Milan Stock Exchange มีมานานแล้ว แต่ประติมากรรม นิ้วกลาง พึ่งมาตั้ง ออกแบบโดย Maurizio Cattelan ในยุคปัจจุบันนี้เอง นายกเทศมนตรีเมืองมิลานก็เป็นคนอนุมัติ บอกว่าเปิดกว้างเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์ ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมันตั้งอยู่กลางถนน
สถาปัตยกรรม ประติมากรรมที่นีมีคลาสจริงๆ
PINACOTECA AMBROSIANA ART GALLERY
ถ่ายไว้ก่อนตอนชะโงกทัวร์ ไกด์บอกว่ามีผลงานของศิลปินหลายคนที่มีผลงานทั้งที่วาติกัน กรุงโรม หรือพิพิธภัณฑ์เมืองฟลอเรนซ์ ที่นี่ตั๋วถูกกว่า ไม่ต้องเข้าคิว จัดไป
แกลลอรีจะมีผลงานด้านศิลปะทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม ของมีค่าที่เกี่ยวข้องกับเมืองมิลาน ตั้งแต่ยุค คศ.14xx มีชิ้นงาน Masterpieces หลายชิ้น ควรจะศึกษาไว้ก่อนว่ามีผลงานอะไรบ้างเป็นชิ้นสำคัญ แนะนำดูข้อมูลใน เว็ปไซต์ ไปก่อนจะได้ไม่พลาด ค่าตั๋วเข้าชมคนละ 15 ยูโร คนขายตั๋วขายลดราคาให้ลูกสาวเหลือ 10 ยูโร
Portrait of a Musician Oil on canvas Leonardo da Vinci , 1485
รูปนี้รูปเดียวคุ้มค่าตั๋ว แต่ตัวเองพลาด มัวดูแต่รูปอื่น ลูกทัวร์บอกรอข้างนอกนานแล้วเรารีบออกกลัวเขารอนาน โถๆๆ ภาพอยู่ในห้อง library สุดท้ายก่อนทางออกไปร้านขายของที่ระลึก มันน่ามั้ย 555
ภาพของ Leonardo ที่วาดเสร็จสมบูรณ์มีไม่มาก งานส่วนใหญ่จะเป็ยแบบร่างสเก็ตช์ บ้างก็ยังทำไม่สำเร็จ เป็นพวกมีความคิดอัจฉริยะ คิดอยู่ตลอดเวลา งานสเก็ตช์ภาพจะมีเยอะมาก ส่วนภาพจิตรกรรมหลายชิ้นต้องมีศิลปินคนอื่นรุ่นลูกรุ่นหลานมาทำต่อ ภาพนี้มีนักวิจารณ์ว่าฝีมือ painting ใบหน้าน่าจะเป็นฝีมือของศิลปินยุคหลัง แต่มีคนวิเคราะห์โครงหน้าว่าใกล้เคียงกับโครงหน้าตัวเองที่เป็นภาพ Self portrait ของ Leonardo ส่วนแผ่นกระดาษที่นักดนตรีถือ นักวิจารณ์ศิลปะให้ความเห็นว่ามเป็นงาน Original ของ Leonardo
ในแกลลอรีจะมีห้องผลงานของ Leonardo สมัยมาทำงานกับเจ้าเมืองมิลานในฐานะนักออกแบบประดิษฐ์ยุทโธปกรณ์ ส่วนใหญ่จะเป็นผลงานที่เป็นภาพสเก็ตช์จาก Notebook ของ Leonardo ทางแกลลอรีจะหมุนเวียนผลงานการแสดง ถ้าอยากเห็นทั้งหมดต้องเข้าไปดูที่เว็ปไซต์
เว็บไซต์
The Madonna of the Pavilion Sandro Botticelli (Alessandro di Mariano Filipepi detto) (1444 o 1445-1510)
ผลงาน Masterpiece ชิ้นหนึ่งของ Botticelli เป็นงานในรูปแบบที่เรียกว่า Tondo เป็นชื่อเรียกงานศิลปะภายในกรอบวงกลม รูปแบบนี้เป็นที่นิยมในพระราชวังมากกว่าในโบสถ์
The Adoration with Saint Roch Gian Pietro Rizzoli detto Giampietrino (1508-1549) Gian Pietro Rizzoli คนนี้เป็นนักเรียนโรงเรียนศิลปะ Lombard school เป็นที่ยอมรับกันว่ามีสไตล์การวาดรูปคล้าย Leonardo มากที่สุด
TITLE : The School of Athens AUTHOR : Raffaello Sanzio (1483-1520) DATE : 1509 TYPE : Drawing TECNIQUE : Charcoal,Preliminary cartoon,White Lead DIMENSIONS : 285 × 804 cm
ใช้เวลาอยู่ในห้องนี้นานมาก ภาพนี้เป็นการเตรียมงานร่างภาพ The School of Athens ของราฟาเอลเพื่อไปเขียนภาพจริงในห้องของวิหารส่วนพระองค์ของสันตะปาปาในวาติกัน ทางแกลลอรีได้ร่วมกับบริษัททางด้านกราฟฟิคแอนิเมชัน จัดห้องฉายหนังให้ดูก่อนชมภาพจริงอธิบายทีละจุดเลยว่าบุคคลในภาพคือใรบ้าง เช่น เพลโต โซคราติส ยูคลิด ความลับของภาพคือราฟาเอลเขียนให้ตัวเองไปอยู่ในท่ามกลางนักปราชญ์ของโลกทั้งหลายด้วย ดูเสร็จแล้ว ค่อยเดินอ้อมเข้าไปในห้องเพื่อดูภาพจริง นี่ดูสองรอบ จำไม่ได้นักปราชญ์เยอะมาก 555
สำหรับภาพจริงเป็นอย่างไร ใครเป็นใคร ราฟาเอลอยู่ตรงไหน ดูได้จาก The School of Athens
LEONARDO DA VINCI MONUMENT
เมืองมิลานสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้เพื่อรำลึกถึง Leonardo โดยมอบหมายให้สถาปนิกชาวเมืองมิลาน Pietro Magni เป็นผู้ออกแบบ โดยเลือกพื้นที่จตุรัส Piazza della scala หน้าศาลาว่าการเมืองมิลาน
ประติมากร Pietro Magni ศึกษาชีวิตและงานของ Leonardo ทำการออกแบบอนุสาวรีย์ที่สะท้อนตัวตนของ Leonardo ให้มากที่สุด เสื้อคลุม หมวกที่ใช้อยู่เสมอ ผลงานที่ทำให้กับเมืองมิลานในฐานะ วิศวกร นักประดิษฐ์ และศิลปิน จึงได้คัดเลือกผลงานสำคัญสี่ชิ้นมาแกะสลักเป็นประติมากรรมนูนต่ำที่ฐานอนุสาวรีย์ทั้งสี่ด้าน
และในฐานะที่ Leonardo เป็นบุคคลสำคัญที่มีฝีมือทางด้านศิลปะเป็นที่ยอมรับ (Master) มีลูกศิษย์มากมาย และในภายหลังหลายคนมีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล จึงได้คัดเลือกลูกศิษย์จำนวน 4 คน เพื่อสร้างเป็นรูปปั้นแกะสลักที่ฐานทั้ง 4 ด้านของอนุสาวรีย์
Andrea Salaino พ่อของเขาเป็นคนเช่าไร่องุ่นของ Leonardo ส่งเขาเข้ามาฝึกงานศิลปะและเป็นเด็กรับใช้ไกล้ชิด Leonardo ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ
Andrea Salaino เป็นเด็กที่สุดในโรงเรียนฝึกศิลปะของ Leonardo ลักษณะเด่นของเขาคือมีใบหน้าจิ้มลิ้มเหมือนผู้หญิง ผมหยิกเป็นลอน ถูก Leonardoใช้เป็นแบบในผลงานศิลปะบางชิ้น ก่อน Leonardo เสียชีวิตได้ยกที่ดินครึ่งหนึ่งและบ้านพักในไร่องุ่นให้กับพ่อของเขา หลังจาก
Leonardo เสียชีวิตและเขาไม่มีทายาท ผลงานบางชิ้นของ Leonardo ก็ตกอยู่กับ Salaino
Saint John the Baptist Painting by Leonardo da Vinci เป็นภาพที่กล่าวกันว่า Leonardo ใช้ Salaino เป็นนายแบบเพื่อวาด Saint John the Baptist มีนักวิจารณ์ศิลปะบางคนบอกว่าใบหน้าของ Monalisa ก็คล้าย Salaino เช่นกัน แต่ทางพิพิธภัณฑ์ Louvre ปฏิเสธว่าไม่ใช่อย่างแน่นอน
ผลงานชิ้นหนึ่งที่ Ludovico Sforza สั่งให้ Leonardo ทำคืออนุสาวรีย์ให้กับบิดา Franchesco Sforza บนม้าศึกให้เป็นอนุสาวรีย์ที่ใหญ่ที่สุด
เป็นอนุสาวรีย์ที่ Leonardo ออกแบบและสร้างตัวหุ่นจำลองที่ทำด้วยดินเหนียว เพื่อให้เจ้าเมืองมิลานพิจารณา มีการเตรียมทองแดงไว้ถึง 70 ตันแต่สุดท้ายเรื่องก่อสร้างอนุสาวรีย์ก็ไม่สำเร็จ เรื่องจากมิลานถูกฝรั่งเศสบุกเข้ายึดครอง และใช้เป็นฐานทำสงครามกับแคว้นทางใต้ ยึดเอาทองแดงที่เตรียมไว้เอาไปทำอาวุธ และตัว Leonardo เองก็ต้องย้ายไปทำงานศิลปะให้กับกษัตริย์ฝรั่งเศสในกรุงปารีสอยู่หลายปี
ภาพนี้แสดงผลงานของ Leonardo ในการออกแบบป้อมทหารบนกำแพงเมืองของปราสาท Sforza
ภาพแสดงผลงานของ Leonardo ในการรายงานความคืบหน้าการวาดรูป The Last Supper บนผนังโบสถ์ Santa marie delle grazie
ภาพนี้แสดงผลงานภารกิจที่ Sforza มอบหมายให้ Leonardo พัฒนาระบบชลประทาน พัฒนาคลอง เนื่องจากมิลานมีภูมิประเทศที่อยู่ในที่สูง ไม่มีแม่น้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน ประสบปัญหาขาดแคลนเรื่องน้ำ Leonardo จึงคิดวิธีสร้างเครื่อง lock น้ำ (เข้าใจว่าน่าจะเป็นฝาย หรืออ่างเก็บน้ำ)
ด้านตรงข้ามเป็นโรงละคร scala ซึ่งทางไกด์แนะนำให้เราเข้าไปดู ในนั้นมีศิลปะยุคโบราณมากมาย เพดาน โคมไฟสำหรับโรงโอเปร่าที่สวยงามมาก ไม่รู้ว่าโรงหนังสกาลาบ้านเราตั้งชื่อเลียนแบบมาหรือเปล่า
Teatro alla Scala ,1778 เป็นที่จัดแสดงศิลปะการแสดงทั้ง Opera, Orchestra, Ballet ภายในนอกจากโรงละครแล้ว ยังมี Museum ซึ่งต้องเสียค่าเข้าชม มี Academy สำหรับฝึกสอนการแสดง ก่อนหน้าที่จะเป็นโรงละครนั้นที่แห่งนี้เป็นโบสถ์ชื่อ Santa Maria alla Scala ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1381
ถึงตอนนี้ไกด์แนะนำให้เราไปเที่ยวคลอง Navigli grande เป็นสถานที่เปิดให้มีร้านค้าขายของน่ารัก มีโบสถ์ที่เก่าที่สุดในมิลาน ก็อยากจะไปลองดูสักหน่อย เชื้อเชิญขนาดนี้ บ่ายนี้จัดเลย ไปกันเอง
NAVIGLIO GRANDE
Navigli = Canal การเดินทางไปที่นี่ สามารถใช้รถไฟฟ้า (Metro) สายสีเขียว ลงสถานี P.TA Genova FS แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาทีก็จะเจอถนนที่มีร้านค้าริมทาง เป็นร้านขายของแบบวีคเอนด์มารเก็ต ต่อราคาได้ ของไม่แพง มีทั้งของน่ารัก เครื่องประดับ ของเก่า เสื้อผ้า จากถนนถึงคลองมีร้านค้าตลอด ริมฝั่งคลองมีทั้งร้านค้าและร้านอาหาร วันที่ไปร้อนมาก เกิน 30 องศา ยุโรปกำลังถูกโจมตีด้วยคลื่นความร้อน
ดูหน้าลูกมองแม่แล้วประมาณว่า อย่าซื้อเลยลูก เดินดูอย่างเดียว
ชอบ อยากได้ แต่ขี้เกียจขนขึ้นเครื่องบิน
บอกแล้วมีของน่ารักๆ แบบพื้นเมือง ตรงนี้เหมือนเป็นทางรถรางเก่า
  • Previous: Day 2/1 Leonardo’s Last Supper
  • Next: Day 2/3 Milan Duomo
โฆษณา