19 มิ.ย. 2023 เวลา 13:00 • การ์ตูน

หลังดู Boku no Kokoro no Yabai Yatsu

“เธอผู้เป็นอันตรายต่อใจผม” (Bokuyaba) ฉายตอนสุดท้ายไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในฤดูกาลที่เต็มไปด้วยอนิเมะหวานจนมดขึ้น อนิเมะนี้ย่อมต้องเป็นหนึ่งในเรื่องที่ได้รับความสนใจมากกว่าที่คาดไว้ และโดยส่วนตัวแล้วเป็นเรื่องที่ผมตั้งตารอมากที่สุดเรื่องหนึ่งนอกจาก Oshi no Ko เมื่อ Bokuyaba อนิเมะจบลง ย่อมต้องเกิดความรู้สึกอะไรบางอย่างในใจของผม ในฐานะคนที่ติดตามมังงะมาก่อน
ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมเจอมังงะเรื่องนี้ได้อย่างไร เท่าที่จำได้คือผมนั่งอ่านตอนที่ประเทศไทยอากาศเย็น (เย็นขนาดที่ผมไม่ต้องเปิดแอร์ และจำได้ว่านั่งดื่มเบียร์อ่านมังงะในห้องทำงานของผมตอนกลางคืน) ดังนั้น มันคงเป็นช่วงต้นปีที่แล้ว ผมจำได้ว่า ผมนั่งอ่านรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุดในขณะนั้นภายในวันเดียว ผมน่าจะเจอคนแนะนำเรื่องนี้ผ่าน Social Media ทางใดทางหนึ่ง แต่เป็นการค้นพบที่คุ้มค่ามาก
Bokuyaba
ผมไม่ใช่คนที่ชอบอ่านมังงะเท่าไหร่นัก หากเทียบกับการดูอนิเมะแล้ว ผมเลือกที่จะดูอนิเมะมากกว่า เพราะอนิเมะมีองค์ประกอบที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าเสียงพากษ์ เพลงประกอบ สีแสงและเสียง การกำกับภาพ และอื่น ๆ บางเรื่องที่ผมเลือกที่จะอ่านมังงะคือเรื่องที่ผมคิดว่าคงจะไม่ได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะ เพราะมันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่นัก Bokuyaba เป็นหนึ่งในเรื่องนั้น
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมอ่านเอาแทนที่จะรออนิเมะก็คือ 20th Century Boys เพียงเพราะว่าเป็นมังงะที่ออกมานานมากแล้ว และผมก็เคยอ่านเรื่องนี้ตอนที่ผมอยู่มัธยมต้น (จำได้ว่าตอนนั้นอยู่บ้านเพื่อน) เวลาผ่านไปกว่าสิบปี หากไม่นับเวอร์ชั่นคนแสดงแล้ว การดัดแปลงเป็นอนิเมะกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดหวัง หากจะเปรียบเทียบแล้ว งานของอาจารย์อุราซาว่า นาโอกิเรื่องที่ได้รับการทำเป็นอนิเมะที่ได้รับความนิยม มีเพียง Monster
20th Century Boys
ดังนั้น หากจะดัดแปลง 20th Century Boys เป็นอนิเมะ จะต้องทำออกมาได้ดีมากกว่า Monster และจะต้องคำนึงไว้ด้วยว่า อนิเมะ Monster ออกมาเมื่อปี 2004 และ 20th Century Boys มีเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนและยาวมากกว่า Monster มาก การทำเป็นอนิเมะให้ควรค่าคู่กับมังงะต้นฉบับ และมีมาตรฐานเป็น Monster คงไม่ใช่เรื่องที่มีคนคาดหวัง
ผมเองก็ไม่ได้คาดหวังให้ Bokuyaba ดัดแปลงเป็นอนิเมะ จริง ๆ แล้วคิดว่ามันเป็นเรื่องที่จำกัดฉบับชุมชนคนอ่านมังงะเท่านั้น ใจหนึ่งก็อยากจะคงสถานะนั้นไว้ เพราะกังวลเรื่องมาตรฐานการดัดแปลงมังงะเป็นอนิเมะ เนื่องจากมีตัวอย่างมากมายให้เห็น อย่างเช่นการดัดแปลงมังงะสาย Rom-com เป็นอนิเมะมากมาย ที่ทำออกมาแบบใส่สีใส่เสียงพากษ์เท่านั้น ง่าย ๆ ก็คือ ผมกลัวว่าจะผิดหวัง
ดังนั้น แน่นอนว่าเมื่อ Bokuyaba ประกาศทำเป็นอนิเมะ คงจะจินตนาการได้ว่าผมมีความรู้สึกที่ปะปนกันมั่วไปหมด ใจหนึ่งก็ดีใจ อีกใจหนึ่งก็กังวลจนไม่อยากจะคาดหวังอะไร เพราะหากจะเทียบกันแบบจริง ๆ จัง ๆ แล้ว Bokuyaba ไม่ได้มีเนื้อหาหรือเรื่องราวอะไรที่แปลกใหม่ไปกว่ามังงะแนวเดียวกันมากนัก เช่นพวกมังงะแนวพระเอกที่ไม่เป็นที่นิยมหลงรักนางเอกที่สวยเกินวัย แม้ว่าการเขียนพัฒนาการของตัวละครจะดีเยี่ยมก็ตาม แต่มันจะเฉิดฉายหลังจากช่วงแรก ๆ
ผมไม่แน่ใจว่า มังงะ Feel Good จะทำออกมาเป็นอนิเมะอย่างไรให้จับใจคนดู เพราะมันไม่มีองค์ประกอบเผ็ดร้อนน่าติดตาม (ไม่ว่าในแง่บวกหรือแง่ลบ) หากจะไม่เห็นภาพ ลองคิดเรื่อง Rent-a-Girlfriend ที่ผมเลิกดูหลังจากซีซั่นแรก (พอจะรับสปอยมังงะช่วงหลัง ๆ มาบ้าง) ที่มีความเผ็ดร้อนมาก จนมีคนติดตามเยอะ ไม่ว่าจะติดตามเพราะชอบหรือเพราะอยากจะตามไปด่า Bokuyaba ไม่ได้มีองค์ประกอบแบบนั้น
Rent-a-Girlfriend
อนิเมะอีกเรื่องที่ลักษณะคล้าย ๆ กับ Bokuyaba แบบที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวละครมากกว่าดราม่า เช่นเรื่อง The Angel Next Door Spoils Me Rotten (แม้ว่าจะคัดแปลงมาจากไลท์โนเวล) แต่เรื่องนี้ผมมีปัญหากับมันพอสมควร เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก แต่เน้นไปที่บรรยากาศของฉากและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร จริง ๆ แล้วไม่ต่างจาก Bokuyaba มากนัก แต่อนิเมะทำออกอย่างเร่งรีบ จนบางฉากดูไม่ไหว หากไม่ใช่เพราะเนื้อหาที่ดีต่อใจ ผมคงเลิกดูตั้งแต่ครึ่งซีซั่น
เมื่อพูดถึง Angel Next Door เพื่อนใกล้ตัวของผมเลิกที่จะไปดูด้วยตัวเอง (ก็คือผมไม่ได้แนะนำแต่อย่างใด) และมาบอกผมว่าชอบมาก (เพราะมันรู้ว่าผมชอบดูอนิเมะ) ผมก็ดันบอกความคิดเห็นตรง ๆ ไป มันก็แอบงอนผมอยู่เหมือนกัน คือเนื้อเรื่องมันดี แต่อนิเมชั่นไม่ได้รับความใส่ใจเลย
The Angel Next Door Spoils Me Rotten
อีกเรื่องในฤดูกาลนี้ที่อารมณ์คล้าย ๆ กันคือ A Galaxy Next Door ซึ่งผมมองว่าอนิเมชั่นมีคุณภาพพอ ๆ กับ Angel Next Door แต่ทิศทางการทำอนิเมะทำให้ดูเชื่องช้าและไม่น่าติดตาม จนสุดท้ายผมต้องเลือกที่จะทิ้งไปในที่สุด (เพื่อประหยัดเวลาวันอาทิตย์ของผมในฤดูกาลที่เต็มไปด้วยอนิเมะคุณภาพอื่น ๆ)
ฤดูกาลนี้มี Kubo-san ด้วย ซึ่งล่าช้ามาจากฤดูกาลที่แล้ว อนิเมชั่นช่วงหลัง ๆ ผมมองว่าไม่มี Consistency ประหนึ่งว่าเปลี่ยนทีมผู้สร้างกลางคัน หรืองบการสร้างถูกตัด (ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ เนื่องจากคงใช้งบโฆษณาไปแล้วเมื่อฤดูกาลที่แล้ว พอดีเลย์มาฤดูกาลนี้ อาจจะทำให้มีคนดูน้อยลง และงบเริ่มถูกตัดลงไปเรื่อย ๆ) แต่ที่ทำให้ยังดูอยู่เพราะความเข้ากันระหว่างตัวละครหลัก แม้ว่าเรื่องราวจะดำเนินอย่างเชื่องช้า จนทำให้ผมเหม่อตอนดูไปบ้าง แต่ความน่ารักนั้นยังก็อยู่เพียงพอให้ติดตามต่อไป
หากพูดถึง Consistency อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องชื่นชมคือ Heavenly Delusion ของฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะ ตอนที่ 10 ที่แนวอนิเมชั่นแตกต่างจากตอนอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด และแนวอนิเมชั่นมองออกได้โดยทันทีว่ามีลักษณะคล้ายกับ Kill la Kill โดยค่าย Trigger หลังจากค้นคว้าเล็กน้อยก็รู้ว่า อิคาราชิ ไค กำกับ ซึ่งการเปลี่ยนแนวอนิเมชั่นแบบนี้น่าตื่นตาตื่นใจมาก และน่าชื่นชมครับ
Heavenly Delusion Ep 10
ทั้งนี้ ไม่ได้บอกว่าเรื่องราวในเรื่องที่กล่าวมาด้อยแต่อย่างใด ความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผมเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนที่ชอบ Angel Next Door ที่คงอยากจะหาอะไรเบาใจดู และอินกับความหวานระหว่างพระเอกนางเอก (แม้บางทีผมก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่มีแฟนแล้วดูอนิเมะแนวนี้เท่าไหร่)
อย่างที่กล่าวไปแล้ว เนื้อเรื่องในมังงะ Bokuyaba ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากไปกว่ามังงะแนวเดียวกัน อาจจะเป็นเพราะลายเส้นที่แตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ ที่ทำให้น่าติดตาม แต่ที่แน่ ๆ ความเข้ากันและความสัมพันธ์ระหว่างยามาดะและอิชิคาวะ ดำเนินด้วยจังหวะที่ช้าเร็วอย่างพอดี และเติมน้ำตาลให้เรื่องราวอย่างหลากหลาย จนอยากจะเชียร์ให้ทั้งสองมความสุขเมื่ออยู่ด้วยกัน
Bokuyaba
Bokuyaba ไม่ได้มีดราม่าอะไรนัก ๆ อย่างเรื่องอื่น ๆ ที่จะต้องอาศัยองค์ประกอบเหล่านั้นเพื่อคงความน่าติดตามของเนื้อเรื่อง แต่ Bokuyaba อาศัยเพียงคัวละครที่เขียนออกมาได้อย่างดีเยี่ยม โดยไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมันเลย เพียงแสดงออกความรู้สึกนึกคิดของตัวละครผ่านการกระทำ เช่น หากสังเกตดูแล้ว เรื่องราวดำเนินผ่านอิชิคาวะ พระเอกของเรื่อง เราได้ยินเสียงในหัวของเขา แต่เราไม่ได้ยินเสียงในหัวของยามาดะ แต่การกระทำของยามาดะก็เพียงพอให้ผู้ชมเข้าถึงความนึกคิดของเธอได้
วิธีการทำภาพออกมาให้เข้าถึงความรู้สึกของตัวละครในเรื่องแบบนี้ ทำให้ผมนึกถึงอนิเมะอย่าง Horimiya ที่แม้ว่าจะมีคนชอบและไม่ชอบมาก โดยเหตุผลต่าง ๆ มากมาย แต่ผมกลับชอบการดำเนินเรื่องแบบนั้นมากกว่า โดยการดำเนินเรื่องผ่านตัวละครที่มีความสมจริงมากกว่าอนิเมะเรื่องอื่น ๆ แม้ว่าจะมีดราม่าบ้างโดยทั่วไป เช่นการเข้าใจผิดกัน แต่ดราม่าก็ไม่ได้อยู่ยาวจนน่ารำคาญ ตัวละครพูดคุยและเคลียร์กันให้เรียบร้อย และผ่านไป
Horimiya
Horimiya ได้รับเสียงชื่นชมมากเพราะความสมจริงในเรื่องราว จริงอยู่ว่ามันเป็น Rom-Com แต่มันแสดงความรู้สึกและอารมณ์ของตัวละครได้ดีกว่าอนิเมะจำนวนมาก เช่น การที่ตัวละครหนึ่งอกหัก เช่นเพื่อนของพระเอก แม้ว่าเนื้อหาส่วนนั้นดูเหมือนจะจบไปแล้ว แต่ความรู้สึกแบบนั้นใช่ว่าจะหายไปง่าย ๆ การมูฟออนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ Horimiya ไม่ได้ใช้เรื่องราวนั้นให้เป็นปมดราม่าน่ารำคาญที่จะกระทบเนื้อหาอื่น ๆ แต่อย่างใด
เมื่ออนิเมะทำตอนแรกออกมา และผมตัดสินใจดู ผมมีแต่ความรู้สึกยินดีที่ทีมผู้สร้างรับมือกับการดัดแปลงอย่างใส่ใจ แม้ว่าเรื่องราวจะมีความหวานซึ้งแบบต้องร้องหาอินซูลิน แต่พื้นเรื่องคือความมืดมนของพระเอกและสาวะทางจิตใจที่หม่นหมอง อนิเมะสร้างความสมดุลระหว่างความหวานแบบสว่างไสวกับความดำมืดได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะการนำเสนอชื่อของแต่ละตอน
Bokuyaba
เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมไม่สามารถพูดอย่างเต็มปากได้ว่า มังงะหรืออนิเมะดีกว่ากัน แน่นอนว่ามังงะก็มีข้อดีข้อเสียของมัน ที่แน่ ๆ คือมังงะวางรากฐานเนื้อเรื่องและตัวละครไว้อย่างดีมาก ลายเส้นแปลกใหม่และน่าสนใจ แต่อนิเมะดัดแปลงออกมาด้วยโทนภาพของมันเอง มันต่อเติมรากฐานที่มังงะวางไว้ และดึงอารมณ์ความรู้สึกของเรื่องราวเล็กน้อยที่นำเสนอในมังงะในมุมมองใหม่ ๆ
ผมแนะนำและรีวิวเรื่องนี้อย่างยืดยาวไปแล้วในโพสก่อน ๆ ดังนั้น จึงไม่มีอะไรจะพูดอีก นอกจากความรู้สึกยินดี และความรู้สึกขอบคุณที่ทีมผู้สร้างไม่ได้ทำอนิเมะเรื่องนี้ออกมาแบบทั่ว ๆ ไป หากแต่ให้ความใส่ใจโทน อารมณ์ ความรู้สึก และบรรยากาศของภาพและฉากที่ยามาดะกับอิชิคาว่าอยู่ด้วยกัน
Bokuyaba
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมกังวลคือการทำอนิเมะเพียงหนึ่งซีซั่น ที่มีเพียง 12 ตอน เพราะเรื่องราวจนถึงตอนสุดท้ายเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง ยังมีเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมายที่ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นบนจอ ตอนที่อิชิคาวะกับยามาดะได้ไลน์กันเป็นจังหวะที่ผมคิดได้ว่า เห้ย มันเพิ่งถึงตอนนั้นเองนี่นา ยังมีอีกเยอะเลยหลังจากทั้งสองมีไลน์กันแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังมีเรื่องอิชิคาวะกับเพื่อน เรื่องราวเกี่ยวกับรุ่นพี่ที่ดูน่ารำคาญคนนั้น เรื่องครอบครัวยามาดะโดยเฉพาะพ่อของอันนะ
เมื่อ Bokuyaba ประกาศทำซีซั่นที่ 2 ผมยินดีอย่างมากที่ผมอาจจะได้เห็นเรื่องราวระหว่างยามาดะและอิชิคาวะอื่น ๆ อีกมากมายในรูปแบบอนิเมะ ผมไม่รู้ว่าซีซั่น 2 จะดำเนินจนถึงฉากไหนในมังงะ แต่ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน ก็น่าดูทั้งนั้น อย่างเดียวที่ผมหวังก็เพียงแต่ให้ซีซั่น 1 เป็นมาตรฐานขั้นต่ำ และคุณภาพของอนิเมะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะผมยังผิดหวังกับ Komi-san ซีซั่น 2 อยู่ (อย่างเดียวที่ดีเกี่ยวกับซีซั่นนั้นคืออนิเมชั่นประกอบเพลงจบ)
Bokuyaba ประกาศทำ ซีซั่น 2
แต่เรื่องนั้นเป็นเรื่องในอนาคต มังงะ Bokuyaba ยังดำเนินต่อไป และยังเป็นมังงะที่ผมติดตามอย่างใกล้ชิด
อย่างสุดท้ายที่จะพูดเกี่ยวกับอนิเมะ Boku no Kokoro no Yabai Yatsu ซีซั่นหนึ่ง คือ ขอบคุณทีมผู้สร้างอนิเมะเรื่องนี้ ที่ดัดแปลงมังงะเรื่องโปรดของผมเรื่องหนึ่งออกมาได้อย่างน่าชื่นชม และสร้างฐานผู้ติดตามมังงะมากขึ้นครับ
โฆษณา