19 มิ.ย. 2023 เวลา 14:17 • ท่องเที่ยว

Day 2/3 Milan Duomo

มหาวิหารมิลานใช้เวลาสร้างมากกว่า 600 ปี เริ่มตั้งแต่ปี คศ.1386 โดยผู้ปกครองเมืองมิลาน Gian Galeazzo Visconti ดำเนินการร่วมกับ Archbishop Antonio da Saluzzo ในการที่จะสร้างมหาวิหารขึ้นมาในพื้นที่เดิมทีเคยเป็นวิหาร Santa Tecla ที่มีอายุเกือบพันปี และ Santa Maria Maggiore ที่พังทลายไปจากเพลิงไหม้ โดยได้ตั้งหน่วยงานขึ้นมารับผิดชอบการสร้าง Veneranda Fabbrica del Duomo di Milano
ภายใต้ระยะเวลาดังกล่าว มิลานถูกปกครองโดยหลายเชื้อชาติ จักรวรรดิโรมัน ฝรั่งเศสหรือกอล สเปน เยอรมัน ออสเตรีย จนกระทั่งเป็นประเทศอิตาลี แต่ละยุคล้วนมีอิทธิพลต่อรูปแบบสถาปัตยกรรมของมหาวิหาร
Milan Duomo เริ่มสร้างภายหลังจากที่มหาวิหาร Notre Dame ในปารีสสร้างเสร็จไปแล้ว 40 ปี รูปแบบสถาปัตยกรรมจึงเป็นโกธิคซึ่งเป็นที่นิยมในช่วงนั้น สถาปนิคคนแรกที่ออกแบบในปี 1387 คือ Simone da Orsenigo และตลอดช่วงเวลาแห่งการก่อสร้าง มีวิศวกรและสถาปนิคนับร้อยคนรับช่วงต่อ รวมทั้งมีบุคคลสำคัญมากมายที่มีบทบาทสนับสนุนการก่อสร้าง เช่น พระเจ้าหลุยส์ที่ 12 ในยุคที่ฝรั่งเศสขยายอำนาจมาทางมิลาน และขอตัว Leonardo ไปจาก Sforza เพื่อทำงานศิลปะให้กับพระราชวังในฝรั่งเศส ได้ดูแลการสร้างโดยส่งสถาปนิคมาดูแลถึงสองคน
นอกจากนี้ นโปเลียนแห่งฝรั่งเศส มุสโสลินี ก็เป็นผู้มีบทบาทสนับสนุนการก่อสร้างมหาวิหาร มีคนทำ Timeline 600 ปีกว่าจะเป็น Milan Duomo วันนี้ ใครสนใจศึกษาดูได้
เห็นทหารมาตั้งหน่วยรักษาการณ์ไม่ได้ขอเวลาอีกไม่นาน แต่เป็นสถานการณ์ก่อการร้ายในยุโรปไม่น่าไว้วางใจ แต่พวกเธอไม่สนใจมิจฉาชีพล้วงกระเป๋ากับพี่มืดที่มากรรโชคบังคับขายสินค้าที่ไม่มีใครอยากซื้อหรอกนะ ดูแลกันเอง ถือกล้องสะพายกระเป๋าเดินเดี่ยวระวังโดนสอย
ไกด์ทัวร์พาชมสถาปัตยกรรมด้านนอก บรรยายลักษณะสถาปัตยกรรมรูปแบบโกธิค แนะนำว่ามีอะไรอยู่ด้านในบ้าง ตั๋วเข้าชมมีแบบธรรมดากับแบบขึ้น Rooftop แต่เนื่องจากหมดงบไปกับโปรแกรม The last supper และเห็นว่าแค่เห็นด้านนอกก็อลังการงานสร้างแล้ว เลยลงความเห็นว่าวันนี้ชมด้านนอกไปก่อน พรุ่งนี้เช้ามีสมาชิกทัวร์มาเพิ่มค่อยคิดอีกทีถ้าจะเข้า เรามีแผนไปอธิษฐานน้ำพุศักดิสิทธิ์ในกรุงโรมว่าให้ได้กลับมาอีกครั้ง ไม่ต้องวิตก
การเข้าชมด้านในมีข้อกำหนดเรื่องชุดแต่งกายสุภาพ มีการตรวจค้นกระเป๋าอย่างละเอียด คนเข้าแถวค่อนข้างยาวทั้งคิวซื้อตั๋วและคิวเข้าประตู ควรเผื่อเวลา
โกธิคนอกจากปราสาทปลายแหลมแข่งความสูงแล้วซุ้มหน้าต่างประตูก็โค้งแหลมแบบนี้ ส่วนรูปแกะสลักหินอ่อนกรีกโรมัน งานโลหะบานประตูนี่เรเนซองค์ครับ อันนี้วิจารณ์เอง ไกด์ไม่ได้บอก
ไกด์เตือนว่าถ้าจะขอพรพระเยซูให้ไปลูบตรงขาพระเยซูนะ บางคนไปลูบขาทหารโรมันเฉย อันนั้นตัวแทนซาตาน 555
ไกด์จบทัวร์ The last supper and best of Milan ประมาณเที่ยง ส่งเราที่ Duomo จากการประเมินดวงอาทิตย์ตามหลักการถ่ายภาพ ท้องฟ้าจะสวยตอนบ่าย เราจึงไปเที่ยวที่อื่นแล้วกลับมาที่นี่ตอนเย็นอีกครั้ง ฟ้าสวยตามทฤษฎี ตากล้องหันหลังให้ดวงอาทิตย์
GALLERIA VITTORIO EMANUELE II
บริเวณนี้เดิมเป็นถนนเชื่อมระหว่าง Piazza del Duomo ที่ตั้งมหาวิหาร กับ Piazza della Scala ที่ตั้งโรงละคร ที่มีอนุสาวรีย์ Leonardo da Vinci โดยสร้างเป็น Shopping Gallerry เพื่อเป็นอนุสรณ์การก่อตั้งประเทศอิตาลีของกษัตริย์ Vittorio Emanuele II ในปี 1861
อนุสาวรีย์กษัตริย์องค์แรกที่รวบรวมแคว้นต่างๆแล้วตั้งเป็นประเทศอิตาลีเมื่อปี 1861 Vittorio Emanuele II รูปปั้นหรือนักรบในยุโรปนิยมทำเป็นรูปบนหลังม้า เรียกว่า equestrian statue พระบรมรูปทรงม้า ร.5 น่าจะเป็นอิทธิพลแนวนี้
การรอพระอาทิตย์ตกตอนสามทุ่มเพื่อถ่ายรูป Duomo ยามค่ำคืนไม่เป็นปัญหาของคณะทัวร์เลย ที่นี่มีห้าง Prada ที่ใหญ่ที่สุด ร้านอาหารสุดหรูซึ่งเราได้เข้าไปกิน Pizza และ Espresso มาแล้ว สถาปัตยกรรมของแกลลอรีเป็นแบบหลังคาโค้ง โดมกระจก มีภาพเขียนฝาผนังอันสวยงาม เป็น Shopping Gallery ที่สวยที่สุดในโลก ไกด์พาไปแนะนำจุดไฮไลท์คือกระเบื้องพื้นโมเสคตรงบริเวณโดมกระจก ซึ่งน่าจะมาทำตอนหลังจะมีสัญลักษณ์ของเมืองหลวงทั้ง 3 (ตูริน,ฟลอเรนซ์,โรม) และ มิลาน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการรวมกันเพือก่อตั้งประเทศอิตาลี
อลังการ สัญญลักษณ์เมืองทั้งสี่ อยู่ที่พื้นกระเบื้องโมเสคตรงนี้
ไกด์ทัวร์แนะนำว่าถ้ามีโอกาสให้ไปเที่ยวตูริน หรือ โตริโน เป็นเมืองหลวงแห่งแรกของอิตาลี ก่อนหน้านั้นเป็นเมืองหลวงของอาณาจักร Sardinia และกษัตริย์ Vittorio Emanuele II ก็เป็น King of Sardinia มีศิลปะ สถาปัตยกรรมสมัยโบราณมากมาย จดใส่สมุดสถานที่ท่องเที่ยวครั้งต่อไป
ตอนไปถ่ายรูปสัญลักษณ์ดอกลิลลี่ของฟลอเรนซ์ ก็สงสัยว่าตรงข้ามมีอะไรกัน คนมุงกันเต็มเลย ปรากฎว่ามันคือสัญลักษณ์รูปวัวของตูริน ไม่รู้ใครบอกว่าถ้าอยากมีโชคให้ไปยืนหมุนบนวัว สร้างรอยบุ๋มบนกระเบื้องโมเสค น่าเสียดาย ของสวยๆเสียหายหมด ว่าแล้วคณะเราก็เข้าคิวหมุนคนละรอบ
ดูรอยยุบบนโมเสคสิ รับน้ำหนักของทุกคนที่มาเที่ยว Duomo ความหมายของเมือง Torino คือเจ้าวัวน้อย (Little bull)
ที่ Milan Duomo มีสถานีรถไฟใต้ดิน (Metro) สายสีส้ม สะดวกมาก หลังจากถ่ายรูปกลางคืนเสร็จก็ใช้เป็นเส้นทางกลับที่พัก โปรดระวังนักล้วงกระเป๋า เจอกับตัวเอง 2 เหตุการณ์ในวันเดียว รายแรกเป็นกลุ่มผู้หญิง 3 คนอ้วนๆ อายุ 30+ รายที่สอง แม่มากับลูกชายโตหน่อย วิธีสังเกตคือ พวกนี้จะพกเสื้อหนาวหรือกระเป๋าใหญ่ คล้องไว้ที่แขน จะใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยบังตาเวลาล้วงกระเป๋า จะให้คนในทีมเข้าไปในรถไฟฟ้า แล้วแกล้งบล็อคให้คนขึ้นทีหลังติด เข้าไม่ได้ ทำให้เกิดการดันกันเพื่อแย่งกันเข้าในระหว่างผู้โดยสาร จะใช้จังหวะนี้ในการล้วง
นี่โดนกับตัวเอง รู้สึกว่ามีมือมาซุก เลยหมุนตัวอย่างเร็ว มือคนล้วงหลุดออกจากกระเป๋ากางเกงยังทำมือจีบในท่าจกอยู่กระเป๋าเลย ร้ายจริงๆ ระวังด้วย หลีกเลี่ยงการเบียดกับกลุ่มคน ถ้าจำเป็นก็กุมกระเป๋าไว้
  • Day 2/2 Milan sightseeing
โฆษณา