19 มิ.ย. 2023 เวลา 14:38 • ท่องเที่ยว

Day 3 Venice

การเดินทางจาก Milan Central ไปยังสถานี Venezia San Lucia ใช้เวลา 2:25 ชั่วโมง ค่าโดยสารคนละ 41 ยูโร (ไม่แน่นอน บางช่วงเวลาราคาต่างกัน) รถไฟระหว่างเมืองจะมีระบุหมายเลขที่นั่ง ไม่ต้องห่วงว่าอาจจะต้องยืนเหมือนนั่งรถไฟชานเมืองปกติ ผู้ให้บริการมี 2 เจ้าคือ Trenitalia และ Italo ราคาไกล้เคียงกัน (บางทีในตารางอาจมีขบวนยุโรปวิ่งข้ามประเทศ เช่นจากสวิส ผ่านมิลาน ไปยังเมืองต่างๆ ให้ดูค่าโดยสารให้ดี) ระหว่างทางผ่านทะเลสาบ Lago de Garda บรรยากาศดี ส่วนเมืองเวโรน่าก็น่าสนใจ
ราคาตั๋วรถไฟอิตาลีลอยตัว คล้ายราคาตั๋วเครื่องบิน สำหรับเมืองปลายทางสำคัญเช่นเวนิส ราคาตั๋วซื้อก่อนขึ้นเครื่อง หรือช่วงเวลานิยมจะแพง แนะนำซื้อล่วงหน้าสักวันสองวัน
เดินทางมาถึงสถานี Venezia San Lucia ราวๆเที่ยง ด้านหน้าสถานีรถไฟจะเป็นท่าเรือ ถ้าใครเลือกโรงแรมที่อยู่เข้าไปด้านในของเกาะ สามารถต่อเรือได้เลย แต่คณะเราพักที่โรงแรมไกล้ๆสถานีรถไฟริมคลอง Grand canal สามารถเดินไปได้ มีบรรยากาศริมคลองเวนิสเหมือนที่เห็นในหนังฮอลลีวูด ถึงโรงแรม check in เรียบร้อยเลยจัดมื้อเที่ยงที่โรงแรม
เป็นครั้งแรกที่สั่งไวน์อิตาลี ร้านอาหารทุกร้านในอิตาลีจะตั้งแก้วไวน์ไว้เสมอ เป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหาร บริกรจะมาเปิดขวดไวน์ต่อหน้าเราและรินให้ชิมก่อนตามมาตรฐานสากล ไม่กล้าส่ายหัวกลัวมันโกรธ เป็นไวน์ขาวแต่ก็รสดีจริง
จัดมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารริมคลองของโรงแรม แล้วเดินมาท่าเรือหน้าสถานีรถไฟ San Lucia โดมเขียวด้านหลังเตะตาเป็นโบสถ์คาธอลิก San Simeone Piccolo
ค่าครองชีพที่เวนิสเท่าที่ประเมินมาจะแพงที่สุดทั้งราคาที่พักและอาหาร แต่ก็ไม่ผิดหวังเลย มาเมืองนี้แล้วชอบมาก เป็นเมืองที่มีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างเป็นเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร เป็นเสน่ห์ที่อธิบายยากใครไม่เคยขอให้ลองไปดู การเดินทางเที่ยวในเวนิสขอให้ลองทั้งทางเรือและเดินเท้าชมเมือง บ้านเรือน อาคาร สะพาน ถนน มีเสน่ห์มาก
บริเวณท่าเรือหน้าสถานีรถไฟ ตึกข้างๆเป็นโบสถ์ Santa Maria di Nazareth
คณะเรามีเวลาพักในเวนิส 1 คืน แผนชมเมืองเวนิสของเราเริ่มตั้งแต่ช่วงบ่าย โดยจะนั่งเรือ water bus หมายเลข 1 จากท่าเรือ Ferrovia หน้าสถานีรถไฟไปตาม Grand canal เพื่อไปขึ้นที่ท่าเรือ Salute ในเขตปลายสุดของเขต Dorsudoro เพื่อชมความงามปราสาท Basilica di Santa Maria della Salute หลังจากนั้นจะเดินข้ามสะพานไปฝั่ง San Marco เพื่อไปมหาวิหาร San Marco เที่ยวชม St. Mark square แล้วเดินกลับโรงแรมผ่านเขต Cannaregio
ในเวนิสไม่มีถนนสำหรับรถวิ่ง เดินทางด้วยเรือ หรือเดินเท่านั้น เครดิตภาพ https://myvenicelife.com/blogs/news/water-taxi-in-venice
DORSODURO
ปากคลอง Grand Canal จุดแรกที่ไปเยือนคือ Basilica di Santa Maria della Salute แดดยังแรงเลยมานั่งหลบแดดที่แหลมปลายสุดของ Dorsoduroa ที่เห็นสูงๆอยู่ไกลๆ นั่นคือหอระฆัง St. Mark เดี๋ยวเราจะไปทีนั่น
Basilica di Santa Maria della Salute Basilica of Saint Mary of Health สร้างปี 1631 ก่อนหน้านั้นมีไข้กาฬโรคระบาดในเวนิส ชาวเมืองล้มตายถึง 1 ใน 3
ระหว่างเดินหาทางข้ามไปยังฝั่ง San Marco
หลังจากชมความงามของ Basilica di Santa Maria della Salute พอสมควรแล้ว ก็เปิด google map หาทางเดินเพื่อข้ามสะพานเพื่อไปชมมหาวิหาร San Marco ที่มีหอระฆังสูงๆที่เรามองเห็นจากสุดปลายแหลม ถึงสะพานที่ชื่อ Ponte dell’Accademia เลยได้มีโอกาสได้ถ่ายภาพจากมุมนี้ ได้ภาพที่สวยงามมาก หลังจากนี้ถึงรู้ว่าชาวบ้านเขามาตรงนี้กันทั้งนั้น ถ้าไม่ได้ภาพมุมนี้ถือว่าไม่ถึงเวนิส แล้วต้องเวลาบ่ายแก่ๆแบบนี้ด้วยนะ ฟลุคจริงๆ เหมือนฝรั่งมาเมืองไทย ถ้าไม่ได้ภาพวัดอรุณฯ ที่ถ่ายจากฝั่งท่าเตียนก็ไม่ถึงเมืองไทย 555
Basilica di Santa Maria della Salute ถ่ายจากสะพานชื่อ Ponte dell’Accademia
SAN MARCO
วัดพระแก้วแห่งเวนิส Basilica di San Marco
ต้องเดินแข่งกับเวลาเนื่องจากไกล้ค่ำแล้ว ใช้เวลาประมาณ 25 นาทีก็มาถึงจตุรัส St. Mark’s Square เป็นลานกว้าง มีหอระฆังขนาดใหญ่ Campanile di San Marco ความสูง 98.6 เมตร และมหาวิหาร Basilica di San Marco  ไกล้ๆกันเป็นพระราชว้ง Doge’s Palace สถาปัตยกรรม Gothic สร้างในปี คศ.1483 เป็นวังของผู้ปกครองเมืองเวนิส (Doge เป็นคำเรียก ความหมายน่าจะเป็นแบบเดียวกับ Duke )
หอระฆัง Campanile di San Marco และ โบสถ์ Basilica di San Marco บริเวณจตุรัส St. Mark
สถาปัตยกรรมของเวนิส ( Venetian Architecture ) มีลักษณะเฉพาะตัว เป็นการผสมผสานระหว่างไบแซนไทน์ หรือโรมันตะวันออก กับ Moorish ซึ่งเป็นแนวมุสลิมทางแอฟริกาเหนือ ลักษณะจะมีสีสันและลวดลายของผนัง หลังคาโดมโค้งหลายหลังในบริเวณเดียวกัน ใครชอบประวัติศาสตร์อ่านข้อมูลเพิ่มเติมใน Link ได้เลย
พระราชว้ง Doge’s Palace สถาปัตยกรรม Gothic สร้างในปี คศ.1483
สถาปัตยกรรม Venetian ผสมผสานระหว่าง Byzantine และ มุสลิม เวนิสเป็นเมืองค้าขาย ได้รับอิทธิพลจากหลายทาง
ภาพมุมสูงจากหอระฆัง มองเห็น Basilica di Santa Maria della Salute และเกาะ san giorgio maggiore ภาพด้านล่างเป็นหลังคาโดมเล็กๆ ไม่รู้ว่าเป็นแนวมุสลิมหรือเปล่า สงสัยแต่ไม่รู้จะถามใคร บ่มีไกด์ เป็นอย่างนี้นี่เอง
เหรียญทองที่ระลึกการขึ้นหอระฆัง เขียนป้ายราคา 2 ยูโร แลกจากเครื่องอัตโนมัติ ดูที่เครื่องตรงหน้า display ขึ้นเลข 1 สงสัยมีคนหยอดไว้แล้ว 1 ยูโร เลยลองเติมอีก 1 …เสร็จโจร 555
ลงมาจากหอระฆัง ด้านตรงข้ามจะเป็น พระราชวัง Doge’s Palace ลานด้านหน้าวังมีเสาที่มีสิงโตมีปีกถือคัมภีร์ไบเบิล Lion of Saint Mark ถือเป็นประติมากรรมสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวนิส ประติมากรรมที่หน้าหลังคาโบสถ์ก็มีรูปสิงโตเช่นกัน บริเวณนี้จะทะเลกว้างพ้นจากบริเวณปากคลอง Grand canal มาแล้ว มีเรือกอนโดล่าจอดเรียงรายสวยงาม
Lion of St. Mark ประดับหน้าโบสถ์ Santa Marco สงสัยนักบุญ Mark หรือ Marco จะราศีสิงห์ 555
เรือ Gondola จอดเทียบหน้าท่า San Marco ไกลๆด้านหลังเป็นเกาะ San Giorgio Maggiore
CANNAREGIO
ภารกิจสุดท้ายวันนี้ เดินจาก San Marco กลับโรงแรมผ่านทาง Cannaregio สัมผัสบรรยากาศบ้านเรือน ถนน ร้านค้า มีโรงแรมน่ารักเล็กๆหลายแห่ง คราวหน้าถ้าได้มาอาจจะเลือกพักด้านในแบบนี้ สงบ เดินทางพร้อมกระเป๋าใบนึงลงเรือมาได้เลย เลือกโรงแรมไกล้ท่าเรือหน่อย ครั้งนี้เลือกโรงแรมไกล้สถานีรถไฟ มีนักท่องเที่ยวเยอะไปหน่อย ตามสถิตินักท่องเที่ยวเข้าออกเวนิสต่อวันนี่เป็นระดับหลายหมื่นคนเลยนะ รถไฟเข้าออกเป็นว่าเล่น แค่ที่นี่ไม่เจอพี่มืดบังคับซื้อของกับพวกล้วงกระเป๋าแบบในมิลาน รู้สึกปลอดภัย
แปลกดี เข็มนาฬิกา 12 ก้าน น่าจะบอกเวลาด้วยเข็มยาวนะ ชี้เลข 9 คือสามทุ่ม เข็มอื่นมีความหมายหรือเปล่าไม่ทราบ ไม่เคยเห็นศาสตร์นี้ มาเปิดดูสถานที่ภายหลังทราบว่าตรงนี้ชื่อ Santi Apostoli เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สุดในเวนิส
สิ่งที่เห็นทั่วไปในเวนิสคือ หน้ากากแฟนซี ที่นี่ทุกปีจะมีงานคาร์นิวัลคนสวมหน้ากาก สืบทอดมาจากตำนานของเมืองเวนิส เนื่องจากเป็นเมืองที่เป็นเกาะ การเดินทางมาเวนิสต้องมาโดยเรือเท่านั้น การเป็นอยู่ของชาวเวนิสก็จะมีความรู้สึกอิสระใครจะทำอะไรก็ไม่ต้องกังวลว่าเรื่องราวจะเผยแพร่ไปไหน จึงมีด้านมืดของการสังสรรค์ในลักษณะไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ อ่านตำนานได้ใน The Venetian Mask
PONTE DI RIALTO
ภารกิจเช้าวันที่ 4 ก่อนบอกลาเวนิส ต้องไปสะพานที่เป็น Highlight ของเมืองเวนิส Rialto Bridge เป็นสะพานเชื่อมระหว่าง San Polo กับ San Marco บริเวณโดยรอบโดยเฉพาะฝั่ง San Marco จะมีร้านค้าแบรนด์เนมมากมาย ขาช้อปต้องมา เรือกอนโดลาจอดเต็มพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยว คณะเราไปกันตอนเช้าประมาณ 9 โมง ร้านค้าส่วนใหญ่ยังไม่เปิด คนยังไม่หนาแน่น เปิดแต่ร้านกาแฟ ใครจะไปช้อปปิ้งต้องจัดเวลาดีๆ
Good morning Rialto and Good by Venezia
  • Previous: Day 2/3 Milan Duo
Next: Day 4/1 Pisa (so hot)
โฆษณา