19 ก.ค. 2023 เวลา 05:00 • สุขภาพ

ตกขาว เรื่องที่ผู้หญิงเราควรรู้ 👩

ตกขาวคืออะไร❓
ตกขาว หมายถึง สารคัดหลั่งที่ถูกขับออกมาทางช่องคลอด มีหน้าที่ช่วยในการหล่อลื่น ป้องกันการติดเชื้อ และระคายเคือง ซึ่งลักษณะ สี และปริมาณของตกขาว จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและแต่ละช่วงของรอบเดือน โดยทั่วไปอาจมีลักษณะดังนี้
  • 1.
    วันที่ 1-5 ของรอบเดือน: เป็นช่วงที่มีเลือดประจำเดือน
  • 2.
    วันที่ 6-14 ของรอบเดือน: ส่วนมากจะมีตกขาวน้อยกว่าช่วงปกติ ตกขาวมีลักษณะขุ่น มีสีขาวหรือเหลือง และอาจมีลักษณะเหนียวได้
  • 3.
    วันที่ 14-25 ของรอบเดือน: ในช่วงก่อนวันตกไข่ ตกขาวอาจมีลักษณะเป็นเมือกลื่นๆ คล้ายไข่ขาว แต่หลังจากมีการตกไข่ ตกขาวจะกลับมามีลักษณะขุ่น มีสีขาวหรือเหลือง อีกครั้ง
  • 4.
    วันที่ 25-28 ของรอบเดือน: ก่อนมีประจำเดือน จะเป็นช่วงที่ตกขาวมีปริมาณน้อยลงมากจนจางหายไป
สีของตกขาวบ่งบอกอะไรบ้าง❓
  • 🔴 เฉดสีแดง: เลือดในช่วงที่มีประจำเดือน โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นทุก 28 วัน หรืออยู่ในช่วง 21-35 วัน และจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน แต่หากมีเลือดออกในช่วงอื่นนอกเหนือจากช่วงที่มีประจำเดือน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุต่อไป
  • ⚪ เฉดสีขาว: ตั้งแต่สีขาวจนถึงสีเหลืองอ่อน ลักษณะเช่นนี้จะถือเป็นตกขาวปกติที่พบได้ทั่วไป แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีกลิ่น คัน หรือตกขาวมีลักษณะขาวเหนียวร่วมกับมีอาการอื่น ลักษณะนี้แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติที่อาจเกิดจากการติดเชื้อราได้
  • 🟡 เฉดสีเหลืองเขียว: ลักษณะสีเหลืองเข้ม เหลืองเขียว จนถึงเขียว เป็นเฉดสีที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติที่อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีตกขาวเหนียวเป็นก้อนหรือมีกลิ่มร่วมด้วย
  • ❕ เฉดสีใส: ตกขาวปกติส่วนใหญ่จะมีลักษณะเช่นนี้ คือ ใสหรือค่อนข้างขาว ลื่น ลักษณะคล้ายไข่ขาว
  • 🌑 เฉดสีเทา: ตกขาวสีเทาเป็นลักษณะเด่นของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด โดยอาจมีอาการแสดงอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีกลิ่น คัน ระคายเคือง หรือมีอาการแดงบริเวณรอบๆ ช่องคลอด หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ตกขาวผิดปกติกับการติดเชื้อในช่องคลอด❓
ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีการติดเชื้อในช่องคลอด มักแสดงอาการผ่านทางลักษณะของตกขาว อาการคัน และกลิ่น โดย 3 โรคหลักที่เกี่ยวข้องกับตกขาวผิดปกติ ได้แก่
🔶 การติดเชื้อราในช่องคลอด (VULVOVAGINAL CANDIDIASIS)
ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ CANDIDA ALBICANS แต่บางรายอาจเกิดจากเชื้อราชนิดอื่นได้
ปัจจัยที่อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อราในช่องคลอด ได้แก่ โรคเบาหวาน การใช้ยาปฎิชีวนะเป็นเวลานาน การมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้นหรือได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนจากภายนอก (เช่น การใช้ยาคุมกำเนิด ภาวะตั้งครรภ์) ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น การติดเชื้อเอชไอวี การได้รับยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน)
อาการ: ตกขาวมีลักษณะเหมือนแป้งเปียก มักมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอด หรือมีอาการแสบร้อนในช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เมื่อตรวจภายในอาจพบการบวมแดงบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด
การรักษา: ให้ยาฆ่าเชื้อรา ซึ่งมีทั้งรูปแบบยาครีม ยาเหน็บช่องคลอด และยารับประทาน เช่น Clotrimazole, Miconazole, Tioconazole, Fluconazole
🔶 การติดเชื้อแบคทีเรีย (BACTERIAL VAGINOSIS)
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีมีการเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนจนมากกว่าเชื้อแบคทีเรียประจำถิ่น ทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้น
มักสัมพันธ์กับการมีคู่นอนหลายคน การสวนล้างช่องคลอด การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย และการขาดแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสในช่องคลอด
อาการ: ส่วนมากจะไม่แสดงอาการผิดปกติ บางรายอาจมีอาการตกขาวผิดปกติ เช่น ตกขาวมีสีเทา มีกลิ่นเหม็นเหมือนคาวปลา มีอาการคัน อาจมีปัสสาวะแสบขัดหรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ร่วมด้วย ส่วนอาการอักเสบในช่องคลอดหรือแสบร้อนบริเวณปากช่องคลอดพบได้น้อย
การรักษา: ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น Metronidazole, Tinidazole, Clindamycin และควรงดกิจกรรมทางเพศระหว่างการรักษา
🔶 การติดเชื้อทริโคโมแนส (TRICHOMONIASIS)
เกิดจากเชื้อโปรโตซัว TRICHOMONAS VAGINALIS (TV) ที่มักติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์
อาการ: ตกขาวมีสีเขียวเป็นฟองและมีกลิ่นเหม็น ร่วมกับมีอาการแสบร้อนและคันบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์หรือเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ มีการอับเสบ บวมแดงบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด มีจุดเลือดออกบริเวณช่องคลอดและปากมดลูกที่มีลักษณะจำเพาะเรียกว่า Strawberry cervix
การรักษา: ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น Metronidazole, Tinidazole และรักษาคู่นอนร่วมด้วย
เมื่อไหร่จึงควรไปพบแพทย์?❓
ผู้หญิงเราควรไปพบแพทย์เมื่อตกขาวมีลักษณะ สี หรือกลิ่น ผิดไปจากปกติ หรือมีอาการทางช่องคลอด เช่น
  • มีลักษณะแดง คัน เจ็บ แสบร้อน หรือระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศหรือช่องคลอด
  • ตกขาวมีลักษณะเป็นฟอง หรือมีลักษณะคล้ายแป้งเปียก
  • ตกขาวมีสีเหลือง เขียว หรือเทา
  • มีเลือดหรือเลือดออกกะปริดกะปรอยในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน
  • มีกลิ่นรุนแรง
โดยทั่วไปการติดเชื้อหรือความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศหญิงอาจมีผลทำให้ตกขาวผิดปกติได้ ซึ่งบางครั้งอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษา ดังนั้น ผู้ที่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของตกขาวหรืออาการอื่นๆ ที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาต่อไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา