20 มิ.ย. 2023 เวลา 08:47 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Black mirror: Beyond the sea

Black mirror เป็นซีรีส์ที่เนื้อเรื่องแต่ละตอนแรกขาดออกจากกัน สามารถดูตอนไหนก่อนก็ได้ แต่ทั้งหมดล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงมุมมืดของเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนบางทีมนุษย์รับมือไม่ทันกลายเป็นโศกนาฏกรรม หรือบางทีมันอาจจะมาเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานของสังคมจนเกิดเป็นความแปลกประหลาดบิดเบี้ยวที่ดูแล้วรู้สึกสยองได้
1
ล่าสุดเพิ่งปล่อย SS6 ออกมาแล้วมีตอนหนึ่งที่ผมว่าน่าสนใจที่จะต้องกล่าวถึงนั่นคือ Beyond the sea ท่านใดยังไม่ได้ชมแนะนำไปรับชมกันดูก่อนค่อยอ่านนะครับ เพราะจากนี้เป็นต้นไปจะเปิดเผยเนื้อเรื่องไปจนถึงตอนจบ
1
ไอเดียเริ่มต้นของ Beyond the sea นั้นน่าสนใจมาก เพราะมันว่าด้วยปัญหาของภารกิจระยะยาวในอวกาศ กล่าวคือ หากมนุษย์ต้องไปทำภารกิจในอวกาศนานมากๆ ย่อมเป็นการทิ้งชีวิตบนโลกไปอยางน่าเสียดาย ในหนังเรื่องนี้เลยเกิดเทคโนโลยีสุดล้ำที่มอบทางออกให้ด้วยการ สร้างหุ่นยนต์ที่หน้าตาเหมือนนักบินอวกาศเป๊ะๆ พอนักบินอวกาศทำงานในยานอวกาศเสร็จก็จะเข้ามานอนแล้วใช้การส่งจิตมาเข้าทรงควบคุมหุ่นยนต์ที่อยู่บนโลกเพื่อใช้ชีวิตกับครอบครัวไปตามปกติ
1
การส่งจิตมาควบคุมหุ่นยนต์อาจจะตีความได้ว่าเป็นเทคโนโลยี Brain–computer interface (BCI) ที่ใช้ความคิดสั่งการระบบต่างๆผ่านแบบระยะทางไกลมากๆจนควบคุมหุ่นยนต์ได้ด้วยความละเอียดสูง แถมยังสามารถรับความรู้สึกจากหุ่นยนต์ได้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบด้วย
Brain–computer interface (BCI) ในปัจจุบันสามารถใช้ความคิดเขียนคำได้แล้ว
เวลาผมดูหนังวิทยาศาสตร์เนี่ย รายละเอียดปลีกย่อยทางวิทยาศาสตร์บางทีถ้าไปซีเรียสมากก็จะทำให้ดูหนังไม่สนุก ยกเว้นจะมานั่งวิเคราะห์ละเอียดๆหลังจากดูจบแล้ว แต่ Beyond the sea นั้นมีหลายจุดที่ดูแล้วรู้สึกขัดกับสามัญสำนึกมากเสียจนรู้สึกไม่เชื่อถือเนื้อเรื่อง แม้ว่านักแสดงที่รับบทนักบินอวกาศที่ถูกสิงร่างจากสองวิญญาณจะเล่นดีมากก็ตาม
1
จุดแรกเริ่มจากการรับมือกับปัญหาโจรขึ้นบ้าน
ปกติแล้วภารกิจที่เกี่ยวข้องกับอวกาศทั้งหลายนั้นขึ้นชื่อเรื่องการมองโลกในแง่ร้ายและพยายามหาแผนสำรองไว้กับกรณีไม่คาดฝันต่างๆมากมายอยู่แล้ว(เพราะภารกิจเหล่านี้มีมูลค่ามหาศาล) แต่พอมีโจรขึ้นบ้านนักบินอวกาศ กลับไม่มีแผนอะไรเลย ทั้งที่คนทั่วไปอย่างเราๆ ขับรถไปเที่ยวก็ยังมียางรถยนต์สำรอง พกแบตเตอรี่สำรอง ฯลฯ หุ่นยนต์ในเรื่องนับเป็นทรัพย์สมบัติของโครงการอวกาศอันล้ำค่า แต่กลับไม่มีแผนสำรองใดๆ
1
โจรขึ้นบ้านนักบินอวกาศ
ความสามารถในการต่อสู้ของหุ่นยนต์นั้นอาจมองได้ว่าเป็นผลมาจากการควบคุมที่ไม่สมบูรณ์แบบจากร่างหลักในอวกาศทำให้ต่อสู้ได้ไม่ดี (แต่ทำอย่างอื่นได้ดีมาก) แต่บ้านนักบินอวกาศไม่มีแม้แต่ระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสียหายเลยนี่แปลกมาก จริงๆหุ่นยนต์เองก็น่าจะมีอาวุธหรือโหมดสำรองที่ใช้ในกรณีฉุกเฉิน หรืออย่างน้อยๆน่าจะมีหุ่นสำรองที่ใช้งานได้กรณีที่หุ่นจริงพังไป แต่นี่ไม่มีเลย
พอนักบินอวกาศสูญเสียครอบครัวก็กลายเป็นคนเศร้า เก็บเนื้อเก็บตัวอย่างหนัก ตรงนี้ก็แปลกประหลาดเพราะนักบินอวกาศนั้นเป็นทรัพยากรบุคคลสำคัญของโครงการ น่าจะมีมาตรการเยียวยาที่ดีกว่านี้ อย่างน้อยๆ ฝั่งภาคพื้นโลกน่าจะต้องสั่งการให้มีการพูดคุยกับนักจิตวิทยา หรือ เข้าสู่โปรแกรมฟื้นฟู ทำสมาธิหรือสร้างหุ่นง่อยๆมาให้เข้าสิงเพื่อผ่อนคลายสภาพจิตใจ แต่นี่ไม่มีเลยจนเพื่อนต้องเอ่ยปากให้ยืมหุ่นของตนเอง
2
อีกอย่าง คือ การให้ยืมหุ่นกันได้เหมือนให้ยืมปากกา ทั้งที่จริงๆกระบวนการนี้น่าจะต้องมีมนุษย์อีกมากมายหลายฝ่ายที่ต้องพิจารณาอนุมัติ ไม่ใช่คุยกันวงเล็กแบบนี้ แถมระบบการเข้าไปสิงหุ่นยังดูหละหลวมมาก คือใช้แค่ป้ายห้อยคอ! การเดินเข้าไปในบ้านเราๆท่านๆยังยากกว่านี้เพราะมีทั้งกุญแจรั้ว และกุญแจกระตูหน้าบ้านที่ต้องไขจึงจะเข้าไปในบ้านได้
2
อย่างไรก็ตาม ความสร้างสรรค์เรื่องแนวคิด ความงามของภาพ และการแสดงของนักแสดงที่ยอดเยี่ยมน่าจะพอช่วยให้หลายคนดูหนังเรื่องนี้ได้จนจบ ผมเองแค่รู้สึกเสียดายความสร้างสรรค์ของไอเดียในเรื่องนี้ เพราะถ้าเพิ่มอะไรมาอีกนิดให้สมเหตุสมผลกว่านี้น่าจะดีขึ้นมากทีเดียว แต่สิ่งที่ทำให้อดแปลกใจไม่ได้คือ ทำไมหลายเว็บไซต์ให้คะแนน Beyond the sea ไว้ค่อนข้างสูง ใครชอบเรื่องนี้มากๆ รบกวนบอกกันหน่อยครับว่าเพราะอะไร
1
โฆษณา