21 มิ.ย. 2023 เวลา 01:07 • ท่องเที่ยว

Day 5/1 Firenze Uffizi art gallery

Uffizi เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในเมือง Florence จากผลงานของศิลปินที่เกี่ยวข้องกับเมือง Florence ที่ถือกันว่าเป็นศูนย์กลางต้นกำเนิดของศิลปะยุคฟื้นฟู (Renaissance) ตัวอาคารตั้งอยู่ริมถนนเลียบแม่น้ำ Arno บริเวณไกล้กับสะพาน Vecchio และปราสาท Palazzo Vecchio
เราไปถึงตั้งแต่ตอนเช้าก็พบว่ามีคนรอคิวซื้อตั๋วเข้าชมแถวยาวมาก แนะนำซื้อตั๋วลัดคิวผ่านทางออนไลน์ มีตัวแทนจำหน่ายหลายราย ราคาแตกต่างกันบ้าง ต้องเปรียบเทียบดูตัวอย่างสัก 2 ราย virtualuffici.com และ florence-museum.com  ราคาระหว่าง 28-30 ยูโร รอบนี้จองไปจากเมืองไทย แนะนำจองล่วงหน้าหลายๆวัน
จอง online ให้เอา voucher ทาง email ไปรับตั๋วช่อง 3 ส่วนช่อง 1 เป็นพวกซื้อหน้างาน แถวยาวมาก
การจัดห้องแสดงจะเรียงตามยุค ต้องขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุด เริ่มตั้งแต่ห้องที่ 1 ไล่เรียงไปจนจบที่ชั้นล่าง จำไม่ได้ น่าจะเกินร้อยห้อง แต่ละห้องจะเป็นผลงานของศิลปินแต่ละคน ห้องเล็กบ้างใหญ่บ้าง โถงทางเดินจะมีงานประติมากรรมโบราณ กรีกโรมัน ส่วนใหญ่เป็นหินอ่อน บางชิ้นก็เป็นผลงานของชาวฟลอเรนซ์ บางชิ้นเป็นผลงานในยุคโบราณที่พิพิธภัณฑ์ได้มาแล้วทำการซ่อมแซมโดยช่างประติมากรของเมือง Florence
รูปปั้นหินอ่อนส่วนใหญ่ก็จะเป็นบุคคลระดับ Ceasar, Augustus หรือเรื่องราวจากเทพนิยายกรีก
Hercules and the Nessus Fine-grained yellowish Greek marble Height: m. 1.34; width: m. 1.10; depth: m. 1.20 Ancient part: height m. 1; depth m. 1.18
เทพนิยายกรีก ม้า Centaur ชื่อ Nessus พาภรรยาของ Hercules หนี เลยโดน Hercules เล่นงาน
พิพิธภัณฑ์ Uffizi ได้ชิ้นงานรูปแกะสลักหินอ่อนโบราณชิ้นนี้มาในสภาพชำรุด จึงได้มอบหมายให้ประติมากรชาว Florence ชื่อ Giovanni Caccini (1565-1613) ทำการฟื้นฟูแต่งเติมให้อยู่ในสภาพปัจจุบัน
Laocoön and His Sons เป็นงาน copy ตัวจริงอยู่ที่ Vatican museum
ห้องนี้อลังการมาก ไม่มีข้อมูลเลย
The Uffizi Hellenistic marbles ห้องนี้ห้ามเข้า ต้องยืนมองไกลๆจากประตูทางเข้า มี Masterpieces คือ มวยปล้ำ (wresting) กับ Medici Venus ที่มองเห็นด้านหลัง นโปเลียนยึดไปอยู่ฝรั่งเศสหลายปี อิตาลีเพิ่งทวงกลับมาได้
HALL NO.2 : 13TH CENTURY AND GIOTTO ROOM
Uffizi จัดห้องแสดงแรกๆเป็นศิลปะยุคปลาย Gothic ก่อนที่จะเข้าสู่ยุค Renaissance ห้องนี้แสดงผลงานของ 3 ศิลปิน Florence ได้แก่ Giotto, Cimabue และ Duccio di Buoninsegna ที่นับได้ว่าเป็นผู้ริเริ่มการเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบเดิมของ Gothic ที่ภาพเขียนจะเป็นลักษณะ 2 มิติ ใช้การวาดเส้นระบายสีในกรอบเส้นเป็นหลักในการวาดภาพ (เทียบกับบ้านเราก็เปรียบได้กับลายไทยเรื่องรามเกียรติ์วัดพระแก้ว) ภาพเขียนส่วนใหญ่ เป็นเรื่องราวทางศาสนาคริสต์
ตามประวัติ Giotto มีอาชีพเป็นสถาปนิค จึงได้มีการใช้เทคนิคการวางองค์ประกอบในภาพในลักษณะ Perspective และยังมีการใช้แสงเงากับภาพบุคคล ทำให้มีความไกล้เคียงธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ยุค Renaissance เป็นยุคทองแห่งการเขียนภาพเหมือนบุคคล (Portrait)
ภาพกลาง Madonna Enthroned , 1310 โบสถ์ San Salvatore di Ognissanti Giotto di Bondone (1267-1337) Tempera on panel ภาพบัลลังค์มีลักษณะการใช้เทคนิค Perspective ทำให้ดูเป็นลักษณะ 3 มิติ ทำให้ Giotto ถูกยกให้เป็นศิลปินที่เป็นต้นแบบศิลปะ Renaissance
(ความเห็นส่วนตัวคิดว่าวิวัฒนาการของการผลิตสีสำหรับใช้วาดรูปเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดการใช้ Shade และ Volume ในงานจิตรกรรม ยุคเก่าสีที่ใช้คือ Tempera – สีฝุ่น การระบายสีต้องใช้ผสมร่วมกับของเหลวที่มีความเหนียว เช่นยางไม้ ไข่ขาว วาดบนแผ่นไม้หรือปูนเปียก-Fresco สีจะแห้งเร็ว ไม่เหมาะที่จะสร้างสรรค์เรื่องแสงเงา shade and shadow)
ภาพแบบ Gothic จะแบนๆ แต่จะเริ่มมีการให้แสงเงากับบุคคล แต่ก็ยังไม่ไกล้เคียงธรรมชาติ ภาพนี้เป็นสีฝุ่นบนไม้ เป็นส่วนหนึ่งของโบสถ์ สงสัยโบสถ์เก่าแล้ว มีซ่อมหรือสร้างใหม่ก็เก็บชิ้นงานไว้
HALL 8: FILIPPO LIPPI
Filippo Lippi, , 1406-1469 Self-portrait
เป็นห้องที่แสดงผลงานที่หอศิลป์ Uffizi เอาไปพิมพ์ที่ด้านหลังของตั๋วเข้าชม ศิลปินเจ้าของผลงานชื่อ Filippo Lippi
Madonna and child with two angles , 1460-5 Filippo Lippi (1406-1469) Tempera on wood Uffizi Gallery, Florence
จากประวัติชีวิต พ่อแม่ของ Filippo Lippi เสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็ก ป้าเลยส่งไปอยู่และเรียนหนังสือในคอนแวนต์ พออายุ 16 ปีก็เป็นนักบวช ระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ในโบสถ์ก็ได้เห็นผลงานของศิลปิน Masaccio ที่มาวาดภาพในโบสถ์ จึงอยากวาดรูปเป็นบ้าง ก็เลยฝึกวาดด้วยตนเองจนเก่ง สามารถรับงานวาดภาพและมีผลงานในโบสถ์หลายๆแห่ง พออายุ 30 ก็ออกจากโบสถ์ หาเลี้ยงชีพเองโดยการรับจ้างวาดรูปทั่วไป ทั้งจากโบสถ์ต่างๆ และจากคนมีฐานะโดยเฉพาะตระกูล Medici เจ้าของธุรกิจธนาคารที่ยิ่งใหญ่แห่งเมือง Florence
Adoration of Christ Child with Young St John the Baptist, St Romuald, Angels, Hands of God the Father and Holy Ghost as Dove 1463 Tempera on wood Filippo Lippi (1406-1469) Uffizi Gallery, Florence
ในคำบรรยายภาพบอกว่าเขียนภาพนี้ให้กับตระกูล Medici คหบดี เจ้าของธุรกิจธนาคารที่ร่ำรวยที่สุดใน florence และยุโรป
ตอน Filippo Lippi อายุ 50 ปี มีภรรยาชื่อ Lucrezia Buti เป็นหญิงสาวอายุ 20 ที่มาเป็นแบบเพื่อเขียนภาพ Madonna ให้กับโบสถ์แห่งหนึ่ง (ประวัติบอกว่าจับผู้หญิงกักขังจนได้เป็นภรรยา) มีลูกด้วยกัน 2 คน คนหนึ่งคือ Filippino Lippi ซึ่งต่อมาเป็นศิลปินชื่อดัง มีผลงานแสดงในพิพิธภัณฑ์ Uffizi เช่นกัน
จากภาพ Madonna and child with two angles เดาได้เลยว่าใบหน้าของ Madonna น่าจะเป็นภรรยา Lucrezia Buti ส่วน Two angles ก็น่าจะเป็นลูกทั้งสองของเขา ส่วน Child ซึ่งหมายถึงพระเยซู ใบหน้าเป็นตัวศิลปินเอง อันนี้ความเห็นส่วนตัว 555
Filippo Lippi มีลูกศิษย์คนสำคัญที่มาเป็นเด็กฝึกหัดและเป็นลูกมือใน Workshop คือ Sandro Botticelli เจ้าของผลงาน Birth of Venus ที่เป็น Highlight ของพิพิธภัณฑ์ Uffizi ภายหลังลูกชาย Filippino Lippi ก็ไปเป็นเด็กฝึกหัดวาดภาพกับ Botticelli เช่นกัน
The Adoration of the Magi ,1496 Filippino Lippi (1457-1504) Uffizi Gallery, Florence
The Adoration of the Magi เป็นบทหนึ่งในไบเบิล เล่าเรื่องตอนพระเยซูเกิด มี Magi หรือ โหราจารย์ 3 คนมาพบ บอกว่าเห็นดวงดาวสว่าง เลยเดินตามดวงดาวมา (star of Bethlehem)
โบสถ์ San Donato ในเมือง Florence เคยว่าจ้าง Leonardo da Vinci วาดภาพในนี้ปี 1481 แต่ Leonardo ทิ้งงานไปอยู่เมืองมิลาน ทิ้งภาพชิ้นที่วาดยังไม่เสร็จไว้ โบสถ์เลยมาจ้าง Filippino Lippi วาดต่อจนแล้วเสร็จในปี 1496 ทั้ง 2 ชิ้นตอนนี้อยู่ใน Uffizi
Artist Leonardo da Vinci Year 1481 Type oil on wood Dimensions 246 cm × 243 cm (97 in × 96 in) Location Uffizi, Florence
ในห้องหมายเลข 8 นี้มีผลงานของศิลปินคนสำคัญในยุคเดียวกับ Filippo Lippi อีกคนหนึ่งคือ Piero della Franchesca เป็นภาพวาด Portrait ของผู้ปกครองเมือง Urbino กับชายา มีบันทึกที่นักประวัคิศาสตร์พบว่า Franchesca เป็นคนแรกที่เขียนบทความเรื่อง On Perspective in painting ประมาณปี 1474 จากประวัติแล้วเขาเป็นนักคณิตศาสตร์และเรขาคณิต และภาพนี้แสดงให้เห็นการใช้ Perspective การวาดพื้นหลังเป็นภาพ landscape ระยะไกลออกไป และเป็นแนวทางสำหรับศิลปินในยุคต่อมา
Portrait of the Duke and Duchess of Urbino 1472-5 Oil on wood Piero della Franchesca (1415-1492) Uffizi Gallery, Florence
ภาพเขียนเพื่อรำลึกถึง Duchess Battista Sforza ที่เสียชีวิตไปแล้ว เค้าโครงหน้าได้จากหน้ากากที่มีการเก็บไว้ สีผิวแสดงถึงการเสียชีวิตไปแล้ว หน้าผากสูงหมายถึงความงามของสตรีในยุคนั้น การแสดงภาพด้านข้างเนื่องจาก Duke Federico da Montefeltro ตาบอดข้างหนึ่ง
หลังจากยุค Giotto ผลงานภาคเขียนจากเดิมเป็น 2 มิติ แต่มีการใช้ Perspective เข้ามาทำให้ภาพมีมิติความลึกมากขึ้น และเป็นที่นิยมในหมู่ศิลปินในยุคนั้น
HALL 10/14 – BOTTICELLI
ภาพที่เชื่อว่า Botticelli วาดใบหน้าตวเองไง้ในผลงานชื่อ Adoration of the Magi (1475)
Sandro Botticelli (1445-1510) ศิลปินชาว Florence ในวัยเด็กเข้าศึกษาโรงเรียนฝึกหัดด้านศิลปะของเมือง Florence ภายใต้อุปถัมภ์ของตระกูล Medici ตอนอายุประมาณ 16 ไปเป็นลูกมือฝึกหัดกับ Filippo Lippi อยู่ประมาณ 7-8 ปี
ฝีมือโดดเด่นตั้งแต่หนุ่ม เป็น Master ตั้งแต่อายุ 25 (หมายถึงมี Workshop ของตัวเอง มีผู้ช่วย ลูกศิษย์มาขอเรียนด้วย ) งานวาดของเขาโดดเด่นมากในช่วงนี้ ส่วนใหญ่เป็นชุด Madonna ในคาแรกเตอร์ต่างๆ
Madonna and Child with Six Saints Madonna in Glory with Seraphim Madonna of the Rosegarden (Madonna del Roseto) (1469-70)
ทั้ง 3 Madonna อยู่ใน Uffizi Gallery, Florence
ลักษณะการวาด ระบายสีคล้ายกับของ Filippo Lippi แต่รูปแบบโครงร่างบุคคล ใบหน้ายังคงศิลปะแบบ Gothic หน้าเอียงๆ ตาปรือๆ สงสัยเป็นพวกอนุรักษ์นิยม
Adoration of the Magi ,1475-6 Tempera on panel Sandro Botticelli (1445-1510) Uffizi Gallery, Florence
มีการใช้ใบหน้าของคนในตระกูล Medici แทน Magi (โหราจารย์) ทั้ง 3 คน เป็นใบหน้าของ
Cosimo de’ Medici และลูกชายทั้ง 2 คือ Piero และ Giovanni ในเวลานั้นทั้ง 3 คนเสียชีวิตหมดแล้ว เป็นยุคของหลาน Lorenzo เป็นผู้ปกครองเมือง Florence และเชื่อว่า Botticelli วาดใบหน้าตัวเองไว้คนขวาสุดของภาพ
Florence เป็นเมืองเศรษฐกิจ มีธนาคารหลายแห่ง นอกจากโบสถ์แล้ว เศรษฐียังนิยมการสร้างงานศิลปะ ภาพเขียนอันสวยงาม ถือเป็นของมีค่า เป็นของสะสม เป็นของขวัญของกำนัลในโอกาสต่างๆ ตระกูล Medici เป็นตระกูลใหญ่ที่สนับสนุนศิลปิน
Portrait of a Man with a Medal of Cosimo the Elder ,1474 Tempera on panel Sandro Botticelli (1445-1510) Uffizi Gallery, Florence
ความสำคัญของภาพนี้คือ นีเป็นครั้งแรกที่มีการนำวัสดุสามมิติเข้ามาประกอบในภาพวาด เหรียญน่าจะเป็นของธนาคารของตระกูล Medici
ราวๆปี 1481 ตอนมีอายุราว 36 ปีสำนักวาติกันได้ว่าจ้างให้ Botticelli ไปเขียนภาพ Fresco ในโบสถ์ Sistine (ตั้งตามชื่อ Pope Sixtus IV) ซึ่งเป็นโบสถ์หลังใหม่ ถึง 3 ภาพ ในตำแหน่งฝาผนังระหว่างช่องหน้าต่าง
หลังจากเสร็จงานจากวาติกัน Botticelli กลับมาทำงานใน Florence ถือว่าเป็นยุครุ่งเรืองที่สุดของเขา มีผลงานมากมาย งานชิ้น Masterpieces สร้างสรรค์ในช่วงเวลานี้ รูปแบบมีเอกลักษณ์ของตัวเอง มีมิติแบบเรเนซองค์ แต่ฟอร์มของบุคคลและองค์ประกอบในภาพเป็นโกธิค ถือเป็นเอกลักษณ์ของเขาเลย เห็นแล้วอยากถือกลับบ้านสักชิ้น 555
ในปี 1482 มีผลงาน Masterpiece ชื่อ La Primavera (Spring) ให้กับคนในตระกูล Medici และอีกชิ้นคือ Birth of vinus ในปี 1484 ทั้ง 2 ชิ้นอยู่ที่ Uffizi Gallery
Uffizi Gallery La Primavera (Spring) , late 1470s or early 1480s Tempera on panel Sandro Botticelli (1445-1510) Uffizi Gallery, Florence ชิ้นนี้ Masterpieces นักวิเคราะห์ศิลปะสันนิษฐานว่าวาดเพื่อเป็นของขวัญแต่งงานของคนในตระกูล Medici ที่เป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปินเมืองฟลอเรนซ์
Birth of Venus (1484-6) tempera on canvas Sandro Botticelli (1445-1510) Uffizi Gallery, Florence
ชิ้นนี้ Masterpieces ห้ามพลาด เดิมเป็นสมบัติของตระกูล Medici ผู้ปกครองเมือง Florence ตามความหมายของภาพน่าจะเขียนในโอกาสการแต่งงานของคนในตระกูล Medici
โฆษณา